xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**โซเซียลทะลักจุดเดือดหลัง "เฉินหลง" "วิ่งไล่ฟัด" กลุ่มต้านจีน ยัน "ฮ่องกงคือบ้าน จีนคือประเทศผม" ต้องพิทักษ์รักษา ไฟประท้วงลามสู่กระแสแบนแบรนด์ดัง ทั้งแฟชั่นเสื้อผ้า ล่าสุดมาถึงกาแฟดัง "สตาร์บัคส์"

เหตุการณ์ประท้วงที่ฮ่องกงยื้อเยื้อจนลุกลามกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ล้วนระส่ำระสายโดยที่ยังไม่รู้บทสุดท้ายจะจบแบบไหน...ภาคสังคมนั้น ต้องบอกว่าร้อนระอุสุดๆ ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะสื่อโซเซียลฯ สงครามคีย์บอร์ดทั้งการโพสต์ รีโพสต์ พูดถึงพฤติการณ์ผู้ประท้วงที่กำลังทำลายฮ่องกง และสนับสนุนจีน อย่างดุเดือดเลือดพล่าน
เมื่อเหล่า "เซเลป ดารา คนดัง" ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโซเซียลฯ ยิ่งโหมกระพือกระแสให้ร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะซูเปอร์สตาร์ ในวงการหนังโลก "แจ็กกี้ ชาน" หรือ "เฉินหลง" ที่คนไทยรู้จักเขาเป็นอย่างดี ที่ออกมาแสดงจุดยืน "รักจีน" สุดหัวใจ...
ทวิตเตอร์สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ของทางการจีน เผยคลิปการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ"เฉินหลง" ซูเปอร์สตาร์ชาวฮ่องกงวัย 65 เมื่อวานเปิดใจว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกงตอนนี้น่าเศร้าและหดหู่มาก... พระเอกนักบู๊ เห็นว่า "จีน" กับ "ฮ่องกง" คือ "บ้าน" เหมือนกัน "ฮ่องกงคือบ้านของผม จีนคือประเทศของผม" ที่ต้องปกปักษ์ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์... พร้อมทั้งยังกล่าวถึงธงชาติจีน ธงผืนสีแดงและดาวทั้งห้า นับเป็นธงอันทรงเกียรติ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด และเห็นธงผืนนี้ ก็คือความภาคภูมิใจในความเป็นชาติจีนแผ่นดินใหญ่
“ผมมีความภาคภูมิใจต่อธงชาติสีแดง ที่มีดาว 5 ดวง ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของประชาชน 1,400 ล้านคน ใต้ร่มธงผืนนี้ คือความปลอดภัย เสถียรภาพและความรุ่งเรือง”
ซูเปอร์สตาร์วัย 65 ปี ของฮ่องกง บอกว่าภูมิใจที่เกิดเป็นคนจีน และภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์ไม่เปลี่ยนแปลง
ก่อนนั้น "เฉินหลง" ก็เพิ่งรีโพสต์ภาพธงชาติจีน พร้อมกับระบุว่า "ผมเชิดชูธงชาติจีน" โดยที่เขาหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายและสงบลงโดยเร็ว
คำสัมภาษณ์ครั้งนี้ของ"เฉินหลง" ได้ถูกหยิบมาประเด็นทางสังคมและการเมืองในทันทีในโซเซียลฯ บ้างก็ว่าเขาต้องเอาใจจีน เพราะเป็นฐานใหญ่แฟนหนังของเขา... บ้างก็ต่อว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของบุคคลสาธารณะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะทัศนคติคนแตกต่างกันไป การแสดงออกผ่านทางสื่อช่องทางต่างๆไม่ต่างอะไรกับการชี้นำในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน และทำให้ชาวฮ่องกงโกรธกับคำพูดเหล่านี้...
แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่า "เฉินหลง" พูดได้ดี เข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้ รากเหง้าของตน บรรพบุรุษตน เผ่าพันธุ์ของตัวเอง และฝ่ายสนับสนุนเฉินหลงก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ความร้อนแรงในโลกโซเซียลฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ฮ่องกงตอนนี้ไม่เฉพาะแต่เกิดกับบุคคลเท่านั้น ยังลุกลามไปถึงแบรนด์ดังระดับโลกในวงการแฟชั่น ที่เกิดกับ "เวอซาเช่" ก่อนนี้ที่ถูกถล่มด้วยการสกรีนคำว่า "ฮ่องกง" คือ ประเทศ จนต้องออกมาขอโทษจีน
มีรายงานในโซเซียลฯ ยังบอกว่า แบรนด์กาแฟชื่อดังของโลกอย่าง "สตาร์บัคส์ (Starbucks)"ก็กำลังแย่... โดนชาวจีนแห่โพสต์ รีโพสต์แอนตี้ ชวนกันไม่เข้าร้าน เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจงใจเชียร์ผู้ประท้วงของพนักงานในร้าน ... เรื่องของเรื่อง มีคนโพสต์ในเว็บชื่อดังของจีน ระบุว่า บาริสต้าร้านย่านจิมซาจุ่ย ใช้ปากกาเมจิกเขียนที่แก้วของลูกค้าว่า “ประชาธิปไตยเป็นของดีแท้”(หมินจู่ซื่อห่าวตงซี - 民主是好东西) ... ความที่ลูกค้ารายนี้เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ จึงโกรธมาก พอสื่อลงเว็บจีน ก็กลายเป็นกระแสดัง
ล้อเล่นไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้ ยอดขายของ"สตาร์บัคส์" จะเป็นเช่นไร อาจจะยังประเมินไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ตลาดของสตาร์บัคส์ในจีนนั้นใหญ่มาก เป็นรองแต่อเมริกาเท่านั้น... "สตาร์บัคส์"ให้ความสำคัญกับจีน ไม่เช่นนั้นคงไม่ขายสาขาในไทย ให้กลุ่มไทยเบฟฯ รับช่วงต่อ แล้วไปลุยจีนเต็มสตรีม
วิกฤติฮ่องกงครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก.

** "หมอหนู" โกยแต้มจากนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ไปเต็มๆ และตอนนี้กำลังร่วมกับ "รัฐมนตรีมนัญญา" ยกเลิก "3 สารพิษอันตราย" หยุดการตายผ่อนส่งของเกษตรกร

เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมานี้ "ซูเปอร์โพล" ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในหัวข้อ พรรคการเมืองใด เริ่มทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนได้มากที่สุด ปรากฏว่า อันดับ 1 หรือ ร้อยละ 40.7 ระบุว่าเป็น "พรรคภูมิใจไทย" ในเรื่องกัญชาทางการแพทย์ และยกระดับ อสม. รองลงมา คือร้อยละ 33.3 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ เรื่อง ลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 24.1 พรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง ลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้เช่นกัน...
แม้ "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะไม่ได้จบด้านการแพทย์มา แต่เมื่อเข้ารับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ควบรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ลุยแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขอย่างจริงจัง จนได้รับความชื่นชมชนิด "สัมผัสได้" เพราะ "หมอหนู" รู้ว่า "การบริการด้านสุขภาพ" คือความต้องการของประชาชนเป็นลำดับต้นๆ นอกเหนือจากการกินดีอยู่ดี
เรื่อง "กัญชาทางการแพทย์" ที่เป็นนโยบายในการหาเสียง ค่อยๆ ได้รับการ "ปลดล็อก" จากข้อจำกัด ทั้งในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด และระเบียบต่างๆ ที่ไปเกี่ยวพันกับแพทย์แผนไทย หรือ "หมอพื้นบ้าน" ... ล่าสุด "หมอหนู"ได้ลงนามระเบียบกฎกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน(ฉบับที่ 2) พศ.2562 เพื่อให้หมอพื้นบ้านตามระเบียบกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ที่มีอยู่ประมาณ 3,000 คน ได้เป็นหมอพื้นบ้านตามพ.ร.บงวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2562 อัตโนมัติ โดยไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ ...นอกจากนี้ยังลงนามประกาศกฎกระทรวงอีก 2 ฉบับ เรื่องกำหนดผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน ให้สามารถปรุง และสั่งจ่ายตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ ...เป็นการ "ปลดล็อก" ให้หมอพื้นบ้านสามารถปรุงยา จ่ายยา ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ โดยถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับ อาสาสมัครสาธาสรณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ก็กำลังจะได้ "อัปเกรด" เป็นหมอประจำบ้าน หมอประจำหมู่บ้าน และปรับเพิ่มค่าตอบแทนจากเดิมที่เคยได้เดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,500 - 10,000 บาท แถมจะได้สิทธิ์นำร่อง "ปลูกกัญชา 6 ต้น" เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ด้วย...เรื่องปลูกกัญชา 6 ต้นนี้ ใครที่คิดว่าเป็นไปได้ยาก แต่"หมอหนู" กำลังจะทำใหเห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
ยังมีอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของเกษตรกร และสิ่งแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่ออาชีพการเกษตรโดยตรง... ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะปัญหา "ตายผ่อนส่ง" จากสารเคมีอันตายที่ใช้ในการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ "พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส" ที่ก่อนหน้านี้ "อ.ยักษ์" วิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลที่แล้วได้ต่อสู้ เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้มาโดยตลอด แต่ผลออกมายังไม่เป็นรูปธรรม... ถึงวันนี้ รัฐมนตรีหญิง "มนัญญา ไทยเศรษฐ์ " รมช.เกษตรและสหกรณ์ ของพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่า วันที่ 20 ส.ค.นี้ จะมีการทบทวน พ.ร.บ.คุ้มครองที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตรายของสารเคมี เช่น การแบ่งโซนพื้นที่อันตราย หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ดังกล่าวได้ ...
"รัฐมนตรีมนัญญา" ตั้งเป้าว่า จะยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ ให้เสร็จ ก่อนสิ้นปี 2562 นี้ เพราะมีการใช้มานานเกินไปแล้ว และโดยส่วนตัวแล้ว อยากให้ยกเลิกแบบถาวรไปเลย...
เรื่องนี้ "หมอหนู" ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ก็เข้ามาร่วมผลักดัน ปลดล็อก ทลายกำแพงที่เป็นกรอบ "ขังกั้น" อีกแรงหนึ่งด้วย เพราะถือว่าเป็นเรื่องของสุขภาพเช่นกัน กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่รักษาคนไข้ ที่ได้รับอันตรายจากสารพิษ ...และที่เคยอ้างกันว่า ยังยกเลิกสารพิษ 3 ชนิดไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่เพียงพอว่าสารดังกล่าวมีอันตรายต่อสุขภาพ... เจอข้อมูลที่รายงานเข้ามาแบบนี้ "หมอหนู" ก็สวนกลับไปว่า...ต้องรอให้มีคนตายก่อนหรืออย่างไร จึงจะยอมรับว่า 3 สารพิษนี้ มีอันตรายต่อสุขภาพ ...
แม้วันนี้การยกเลิกสารพิษ จะยังไม่สำเร็จ แต่ท่าที และความตั้งใจแบบนี้ ของทั้ง"รัฐมนตรีมนัญญา"และ "รองนายกฯหมอหนู" ก็ได้ใจ กลุ่มเอ็นจีโอ และกลุ่มเกษตรกร ที่คัดค้านสารเคมี 3 ชนิดนี้ไปเต็มๆ แล้ว
"พรรคภูมิใจไทย" เข้าร่วมรัฐบาลแบบ "ไม่งอแง" เมื่อเข้ามาแล้วก็มุ่งมั่นทำงานอย่าง "เต็มสูบ" ถ้าวัดคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลกันในตอนนี้ เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย มีคะแนนนำอย่างที่ผลโพลระบุ ...วันนี้ พรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง แต่ถ้ายังรักษามาตรฐาน ความมุ่งมั่น ทุ่มเท ในการทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน โดยไม่มีเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน เข้ามาแปดเปื้อน โอกาสที่จะเติบโตได้รับความไว้วางใจจากมหาชน จนเป็น "พรรคอันดับ 1" ย่อมเป็นเรื่องจริงที่รออยู่ข้างหน้า

-----------
รูป - การประท้วงที่ฮ่องกง --เฉินหลง
-อนุทิน ชาญวีรกูล -มนัญญา ไทยเศรษฐ์
กำลังโหลดความคิดเห็น