**ก็ไม่รู้สินะ กับการเคลื่อนไหวล่าสุดของบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่บอกว่าเตรียม"คิกออฟ" สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันในทันที แม้ว่าพวกเขายังไม่ได้ระบุเวลาที่แน่ชัด รวมไปถึงจะเน้นแก้ไขแบบใด ทั้งฉบับ หรือบางมาตรา แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
รวมไปถึงอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่ตีคู่กันมาในเวลานี้ ที่พวกฝ่ายค้านพยายามโหมโรงแบบเข้มข้น จนน่าจับตาก็คือ กรณีกล่าวหาว่า “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ซึ่งพวกเขาระบุว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และส่งผลให้การบริหารของทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ผ่านมา ถือว่าเป็นโมฆะ ว่ากันถึงขนาดนี้
โดยกรณีหลังนี้ ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็กำลังเคลื่อนไหว อาจถึงขั้นยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน ก็มีการบางกลุ่มการเมือง และคณะบุคคล ก็ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านทางองค์กรอิสระบางแห่ง เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น เพื่อให้มีการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวโดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจน ก็ว่ากันไป
** แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว ย่อมเป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ทุกอย่าง แต่ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในอีกมุมหนึ่งมันก็ย่อมเกิดคำถามตามมาได้เหมือนกันว่า นี่คือการ"ตีรวน" หรือตามป่วนกันทุกเม็ด หรือไม่
เนื่องจากเวลานี้รัฐบาลเพิ่งจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจก็ล้วนมีผลออกมาตรงกันว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องการอยากเห็นมากที่สุดก็คือ ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเรื่อง"ปากท้อง" หรือแก้ปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ แก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน สรุปก็คือ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจของชาวบ้านถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ชาวบ้านอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาในเรื่องเหล่านี้ก่อน ซึ่งผลที่ออกมาทุกครั้ง ก็จะออกมาด้วยคะแนนที่สูงลิ่ว ทิ้งขาดเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องอื่นที่ชาวบ้านมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว และจับต้องได้ยาก
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากช่วงจังหวะเวลาก็ยังถือว่า“ไม่เหมาะ”เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งจะเข้าบริหารไม่นาน อีกทั้งยังเชื่อว่าไม่เกิดอารมณ์ร่วม แต่อีกมุมหนึ่งอาจกลายเป็นกระแส“น่ารำคาญ”ขึ้นมาแทนก็ได้ เพราะอาจกลายเป็นว่า ฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบ“แค้น”เล่นไม่เลิก ไม่รู้จังหวะเวลา และไม่รู้อารมณ์ของชาวบ้านว่ากำลังต้องการอะไรกันแน่
แน่นอนว่า การจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ครบถ้วน แม้เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการตามกฎหมาย เป็นสิทธิของพวกเขาที่ทำได้เต็มที่ เพียงแต่ว่า ไม่รู้สึกหรือไม่ว่า บางเรื่องอาจจะมองว่า ตามบี้"ทุกเม็ด" ไม่ดูจังหวะเวลาก็เป็นได้
**สิ่งที่ฝ่ายค้านน่าจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือการเสนอแนะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับรัฐบาล รวมไปถึงการตรวจสอบเรื่องการทุจริต ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่รอไม่ได้ต้องมีการแก้ไขทันทีนั้น หากพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วรัฐธรรมนูญมันมีปัญหาจริงหรือเปล่า หรือว่ามีปัญหาเฉพาะบางพรรค หรือทำให้ไม่อาจเข้ามากุมอำนาจรัฐหลังการเลือกตั้งทุกครั้งหรือไม่ จนทำให้เขามีปัญหาเพราะมันจะส่งผลกระทบไปถึงวันข้างหน้า โดยเฉพาะหากยังปล่อยให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจต่อไป หลังจากที่ได้บริหารราชการแผ่นดินมานานกว่า 5 ปีแล้ว
แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งในเรื่องของการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการอ้างเหตุผลเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน โดยระบุว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญนั้น ย่อมเป็นสิทธิของพวกเขา แต่หากพิจารณาจากกาลเทศะแล้ว มันน่าจะออกมาอีกอารมณ์หนึ่ง เพราะสิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นคือ อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาปากท้องที่กำลังรุมเร้าอยู่มากกว่า ซึ่งกำลังรอดูอยู่ว่า จะได้ผลหรือไม่ ภายในระยะ 3-6 เดือน นี่ต่างหาก ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้วยังไม่เห็นแวว เชื่อว่าฝ่ายค้านคงไม่ต้องออกแรงมากรัฐบาลก็คงล้มอยู่แล้ว
ดังนั้น หากพิจารณาโดยสรุปถึงความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน ถือว่ายังไม่ถูกที่ถูกเวลา และยังไม่มีอารมณ์ร่วมของสังคม ซึ่งมีบ้างที่ตอบสนองแฟนคลับ แต่ก็ยังเป็นกลุ่มเดิม ยังไม่มีพลังในการขับเคลื่อนได้มากพอที่จะเป็นกระแสขนาดใหญ่ได้ !!
รวมไปถึงอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่ตีคู่กันมาในเวลานี้ ที่พวกฝ่ายค้านพยายามโหมโรงแบบเข้มข้น จนน่าจับตาก็คือ กรณีกล่าวหาว่า “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ซึ่งพวกเขาระบุว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และส่งผลให้การบริหารของทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ผ่านมา ถือว่าเป็นโมฆะ ว่ากันถึงขนาดนี้
โดยกรณีหลังนี้ ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็กำลังเคลื่อนไหว อาจถึงขั้นยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน ก็มีการบางกลุ่มการเมือง และคณะบุคคล ก็ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านทางองค์กรอิสระบางแห่ง เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น เพื่อให้มีการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวโดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจน ก็ว่ากันไป
** แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว ย่อมเป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ทุกอย่าง แต่ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในอีกมุมหนึ่งมันก็ย่อมเกิดคำถามตามมาได้เหมือนกันว่า นี่คือการ"ตีรวน" หรือตามป่วนกันทุกเม็ด หรือไม่
เนื่องจากเวลานี้รัฐบาลเพิ่งจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจก็ล้วนมีผลออกมาตรงกันว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องการอยากเห็นมากที่สุดก็คือ ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเรื่อง"ปากท้อง" หรือแก้ปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ แก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน สรุปก็คือ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจของชาวบ้านถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ชาวบ้านอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาในเรื่องเหล่านี้ก่อน ซึ่งผลที่ออกมาทุกครั้ง ก็จะออกมาด้วยคะแนนที่สูงลิ่ว ทิ้งขาดเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องอื่นที่ชาวบ้านมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว และจับต้องได้ยาก
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากช่วงจังหวะเวลาก็ยังถือว่า“ไม่เหมาะ”เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งจะเข้าบริหารไม่นาน อีกทั้งยังเชื่อว่าไม่เกิดอารมณ์ร่วม แต่อีกมุมหนึ่งอาจกลายเป็นกระแส“น่ารำคาญ”ขึ้นมาแทนก็ได้ เพราะอาจกลายเป็นว่า ฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบ“แค้น”เล่นไม่เลิก ไม่รู้จังหวะเวลา และไม่รู้อารมณ์ของชาวบ้านว่ากำลังต้องการอะไรกันแน่
แน่นอนว่า การจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ครบถ้วน แม้เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการตามกฎหมาย เป็นสิทธิของพวกเขาที่ทำได้เต็มที่ เพียงแต่ว่า ไม่รู้สึกหรือไม่ว่า บางเรื่องอาจจะมองว่า ตามบี้"ทุกเม็ด" ไม่ดูจังหวะเวลาก็เป็นได้
**สิ่งที่ฝ่ายค้านน่าจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือการเสนอแนะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับรัฐบาล รวมไปถึงการตรวจสอบเรื่องการทุจริต ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่รอไม่ได้ต้องมีการแก้ไขทันทีนั้น หากพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วรัฐธรรมนูญมันมีปัญหาจริงหรือเปล่า หรือว่ามีปัญหาเฉพาะบางพรรค หรือทำให้ไม่อาจเข้ามากุมอำนาจรัฐหลังการเลือกตั้งทุกครั้งหรือไม่ จนทำให้เขามีปัญหาเพราะมันจะส่งผลกระทบไปถึงวันข้างหน้า โดยเฉพาะหากยังปล่อยให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจต่อไป หลังจากที่ได้บริหารราชการแผ่นดินมานานกว่า 5 ปีแล้ว
แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งในเรื่องของการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการอ้างเหตุผลเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน โดยระบุว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญนั้น ย่อมเป็นสิทธิของพวกเขา แต่หากพิจารณาจากกาลเทศะแล้ว มันน่าจะออกมาอีกอารมณ์หนึ่ง เพราะสิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นคือ อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาปากท้องที่กำลังรุมเร้าอยู่มากกว่า ซึ่งกำลังรอดูอยู่ว่า จะได้ผลหรือไม่ ภายในระยะ 3-6 เดือน นี่ต่างหาก ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้วยังไม่เห็นแวว เชื่อว่าฝ่ายค้านคงไม่ต้องออกแรงมากรัฐบาลก็คงล้มอยู่แล้ว
ดังนั้น หากพิจารณาโดยสรุปถึงความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน ถือว่ายังไม่ถูกที่ถูกเวลา และยังไม่มีอารมณ์ร่วมของสังคม ซึ่งมีบ้างที่ตอบสนองแฟนคลับ แต่ก็ยังเป็นกลุ่มเดิม ยังไม่มีพลังในการขับเคลื่อนได้มากพอที่จะเป็นกระแสขนาดใหญ่ได้ !!