xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ล่าชื่อถอดถอน "เอ๋ ปารีณา" พฤติการณ์ของ"ฝูงซอมบี้" ติ่งพรรคส้มหวาน จุดกระแสโซเชียลตามเช็กบิล "ฝ่ายตรงข้าม" แต่เวลาสถาบันฯ ถูกใส่ร้ายดูหมิ่น ไม่เคยแสดงออก!

จากกรณีที่โลกออนไลน์จุดกระแสปล่อยแคมเปญ ผ่านเว็บไซต์ change.org ล่ารายชื่อถอดถอน "เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์" ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ให้พ้นสภาฯ ซึ่งมีผู้ร่วมสนับสนุนแล้วสี่หมื่นกว่าคน... ผู้ที่ตั้งแคมเปญนี้ ร่ายเหตุผลยาวเหยียดที่ต้องถอดถอน เพราะ "นางสาวปารีณา" ทำผิด มาตรา 270 วรรคหนึ่ง ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไลฟ์สดพูดจาเพ้อเจ้อ ด่าทอถึงผู้อื่น ส่อแววมีปัญหาทางจิต ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วไปตรวจสุขภาพ ที่ รพ.ศรีธัญญา , เคยต้องคดีค้าอาวุธสงคราม, เคยต้องสงสัยฟอกเงิน พระเครื่อง 24 ล้าน , ตอบกลับประชาชนที่มาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำรุนแรง และหยาบคาย หมิ่นประมาท ด่าทอถึงบุคคลอื่นตลอดเวลา ก่อให้เกิดความขัดแย้ง...
ยังเอ่ยถึง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่(คุณช่อ) พรรณิการ์ วานิช ว่า "อี" เอ่ยถึงด้วยวาจาที่หยาบคาย ไม่มีมารยาทในสังคมไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน , ทำให้เสียภาพลักษณ์ของทางราชการใน มาตรา 5 ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน สามารถล่ารายชื่อถอดถอนให้พ้นสภาพได้ตาม มาตรา 164
สรุปว่า คนที่อยากเริ่ม อยากถอดถอน"ปารีณา" เขียนสาเหตุชักชวนให้ผู้คนชาวเน็ตเห็นคล้อยตาม โดยลงชื่อสนับสนุนให้ถอดถอน "ส.ส.ปารีณา" เพราะเป็น ส.ส. ได้รับเลือกจากประชาชนเข้าไปทำงานในสภา ควรเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน ทำงานจากเงินภาษีของประชาชน ไม่ควรเป็นตัวอย่างที่ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง...
ขณะที่ "เอ๋ ปารีณา" ซึ่งอยู่สิงคโปร์กับครอบครัว เคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยโพสต์ข้อความว่า... "ถอดถอนไรกันจ๊ะ มุกเดิมๆ ของพรรคอนาคตดับ"
วันนี้ชาวโซเซียลก็ร้อนฉ่ากันไป! แต่ถ้าจะไปมีอารมณ์ระอุ คุกรุ่น ตามแคมเปญนี้ก็ต้องตั้งสติกันสักนิด...อย่างที่รู้กันตามหน้าสื่อว่า "เอ๋ ปารีณา" ยืนซดกับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ก่อนหน้านี้หลายเรื่อง ยิ่งช่วงที่ "ช่อ" ถูกขุดคุ้ยกรณี "ภาพที่ไม่ต้องบรรยาย"ในช่วงรับปริญญา ที่ส่อไปในทางดูหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งคนไทยรับไม่ได้...
สงครามระหว่าง"เอ๋" กับ"ช่อ" ต่อเนื่องกันมาทั้งในโซเชียลฯ และการให้สัมภาษณ์สื่อ ล่าสุดขยายไปถึงส.ส.คนอื่นๆ ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้ชื่อว่า มีผู้สนับสนุน หรือบรรดา"ติ่งสีส้ม" ใช้โซเชียลเก่ง และเชี่ยวชาญก็ตอบโต้ โดยเฉพาะกับ"เอ๋ ปารีณา" ที่เป็น"ฝ่ายตรงข้าม" ได้อย่างเผ็ดร้อน กว่าถึงขิง ถึงพริก
ว่ากันว่า ชาวเน็ต "ติ่งสีส้ม" ซึ่งถูกตั้งฉายาจากชาวเน็ตทั่วไปว่า "ฝูงซอมบี้" ลองได้อาละวาด ก็จะตามจิกตามบี้ "ฝ่ายตรงข้าม" อย่างถึงที่สุด ซึ่งพอเกิดเป็นกระแส ก็จะทำให้สังคมมองภาพคล้อยตามได้ง่าย
มองพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลฯ มาเป็นประโยชน์ทางการเมือง สร้างอิทธิพลความเชื่อให้คนในสังคมนี้เริ่มใช้กันหนักมาก ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง กระทั่งมาถึงทุกวันนี้ "แฮชแท็ก" ดังๆ ทุกๆ ครั้ง ไม่ต้องถามว่าพรรคไหนได้ประโยชน์มากที่สุด ?
สังคมออนไลน์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ?... เมื่อ3-4 วันก่อน "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. แนะนำให้ดูสารคดีเรื่อง "The Great Hack"ทาง Netflix ไปหยกๆ ก็จะได้คำตอบ
สารคดีเรื่องนี้ว่า ด้วยการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลจากโซเชียลมีเดีย ของบริษัท Cambridge Analytica (CA)และหาประโยชน์จากข้อมูล ให้ฝ่ายการเมืองช่วงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 เนื้อหานำเสนอการสืบสวน เจาะลึกบริษัท Cambridgeโดยตรง และเปิดโปงวิธีการใช้ข้อมูล และ วิธีการใช้โซเชียลฯ เป็นช่องทางในการควบคุมความคิดทางการเมืองของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่ง "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ มองว่า มีความใกล้เคียงกับการเมืองไทย..
เห็นจะจริงอย่างท่านว่า เพราะ บางกลุ่ม บางพรรค เล่นกันเลยเถิดจนน่าเป็นห่วง ใช้ความมีชื่อเสียงของตัวเอง หรือ มีเงิน จัดตั้งกลุ่มคนรับงานมาใส่ความคิดความเชื่อ "ปั่น" กระแสนักการเมืองและพรรคการเมืองโดยใช้โซเชียลฯ เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ โดยพุ่งเป้าเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพราะรับ และซึมซับ ข้อมูลเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว และพรรคการเมืองจะใช้ประโยชน์สร้างความขัดแย้งง่าย
วกกลับมากรณี ถอดถอน "เอ๋ ปารีณา" ไม่ใช่เห็นด้วยกับการแสดงออกของ"เอ๋" ทั้งหมด แต่อยากจะถามให้คิดสักนิดว่า เวลาสถาบันเบื้องสูง โดนหมิ่น โดนใส่ร้าย สาวกพรรคนี้ไม่เคยแสดงออก ใช่หรือไม่ ?
ซ้ำร้ายหลายคนยังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ย่ำยีทำร้ายหัวใจคนไทย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า...ใช่หรือไม่ ถามใจตัวเองดู!

** "เสี่ยบี" พุทธิพงษ์ เจ้ากระทรวงดีอี ประกาศนโยบายเร่งด่วน จัดการกับข่าวปลอมในโซเชียลฯ ด้วยการตั้ง "ศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์" แต่คนฟังแล้ว ก็เกิดคำถามว่า ตกลงจะปราบข่าวลวง หรือ จะตั้งศูนย์ปล่อยข่าวลวง กันแน่ เพราะดูการตั้งชื่อศูนย์แล้ว ช่างไม่สอดคล้องกับภารกิจที่จะทำเลย

ในช่วงปลายของรัฐบาล "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ยังควบตำแหน่งหัวหน้าคสช. และมีกระแสข่าวว่า จะมีการจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อสานภารกิจให้ "ลุงตู่อยู่ต่อ" ซึ่งขณะนั้น "พรรคพลังประชารัฐ" ยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่าง ... "เสี่ยบี" พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำ กปปส. หนึ่งใน "แก๊งลูกกรอกไฮโซ" ก็ย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาร่วมงานรัฐบาล "ลุงตู่" ในตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง)
ต่อมาในเดือนตุลาคม 61 ที่ "เสธ.ไก่อู" พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ซึ่งเป็นโฆษกรัฐบาล ควบรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อยู่ในขณะนั้น ถูกส่งไปเป็น อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เพียงตำแหน่งเดียว หน้าที่โฆษกรัฐบาลจึงตกเป็นของ"เสี่ยบี" พุทธิพงษ์ เต็มตัว...เมื่อถึงช่วงเลือกตั้ง ก็ลาออกจากตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ที่เป็นข้าราชการการเมือง เพื่อลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทั้งยังได้รับหน้าที่เป็น แกนนำหาเสียง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับ "ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" อดีต กปปส. ที่ย้ายมาจากประชาธิปัตย์ เช่นกัน
ถึงวันนี้ "เสี่ยบี" ได้ดิบได้ดี รับการปูนบำเหน็จให้เป็นเสนาบดี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นกระทรวงสำคัญในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล กำลังเบ่งบาน... เมื่อสองวันก่อน"เสี่ยบี"ก็เข้ากระทรวง ประชุมมอบนโยบายแก่ข้าราชการ เพื่อขับเคลื่อนงานของกระทรวงฯ โดยยกตัวเลขการใช้สื่อโซเชียลฯในไทย ที่อยู่ในอัตราที่สูงมาก ว่า มีผู้ใช้งาน Facebook 54 ล้านคน Line 42 ล้านคน Twitter 12 ล้านคน ซึ่งการใช้สื่อโซเชียลฯ ของประชาชนดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม ศีลธรรม วัฒนธรรม และประเพณี ทั้งยังมีความข้อแย้งต่อกฎหมาย และกฎระเบียบของประเทศไทยในหลายกรณี โดยเฉพาะ"ข่าวปลอม" ที่ส่งผลกระทบโดยตรงในทางการเมือง...
ดังนั้นนโยบายเร่งด่วน ของ"สี่ยบี" เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางดิจิทัล คือจะต้องเร่งจัดตั้ง "ศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์" เพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอม ที่กำลังระบาดหนัก พร้อมกันนี้ ก็จะใช้เป็นศูนย์เตือนภัยพิบัติ จัดการกับข่าวลวง ที่กระทบต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ การหลอกลวงให้ลงทุน การขายสินค้าอันตราย และผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และลดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องซึ่งปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ
"ผมจะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานจัดตั้งศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ จะต้องหามาตรการ และแนวทางในการจัดการกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านต่างๆ โดยได้หารือร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่างๆกว่า 15 หน่วยงาน เพื่อมาร่วมสะท้อนแนวคิดการขับเคลื่อนของประเทศไทย เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อโซเชียลฯ ที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยจะผลักดันให้เกิดศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือนหลังจากนี้"...
แน่นอน คนที่ฟังนโยบายแล้วไม่มีใครไม่เห็นด้วยในภารกิจของ "ศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์" ที่ "เสี่ยบี" จะกระทำ เพียงแต่นึกข้องใจแบบ ขำขำ ว่าคนระดับการศึกษาขนาดนี้ จบเมืองนอกเมืองนา ทั้งจาก สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ ทำไมตั้งชื่อศูนย์แบบนี้ เพราะคำว่า เฟค (Fake) แปลว่า ลวง ...นิวส์ (News) แปลว่า ข่าว ..เซ็นเตอร์ (Center) แปลว่า ศูนย์ ... ตกลงศูนย์นี้ จะมีหน้าที่ "ปราบข่าวลวง" หรือ "ปล่อยข่าวลวง" กันแน่...ฝรั่งงง คนไทยเง็ง

---------
รูป- ปารีณา ไกรคุปต์ - พรรณิการ์ วานิช
-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์




กำลังโหลดความคิดเห็น