xs
xsm
sm
md
lg

กะปอมฮ่องกงกับไดโนเสาร์แผ่นดินใหญ่

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงบุกเข้าไปขัดขวางขบวนรถไฟใต้ดิน
วันนี้...สงสัยคงต้องแวะไปแถวๆ “เกาะฮ่องกง” กันดูสักหน่อย ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆแล้ว แทบไม่อยากแวะ ไม่อยากหยิบมาพูดจาว่ากล่าว แสดงความคิด ความเห็น อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุเพราะเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็นพวกเด็กๆ เขาออกอาการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรู้สึก “เปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีน” ขึ้นมาโดยออโตเมติกอะไรทำนองนั้น ในฐานะ “ผู้หลัก-ผู้ใหญ่” หรือผู้ที่แก่แล้ว มีแต่ต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึก ต้องพยายามจับแข้ง จับขาไม่ให้กระตุก หรือพยายามหันไปนึกถึงตัวเองขณะที่ยังเป็น “เด็ก” ยังไม่โตพอที่จะยกระดับ “วุฒิภาวะ” มันถึงจะพอช่วยลดๆ “ช่องว่างระหว่างวัย” ลงมาได้มั่ง...

แต่สำหรับพวก “เด็กฮ่องกง” ช่วงนี้...มันออกจะ “เอาเรื่อง” อยู่พอสมควร คือทั้งๆที่ออกมาเดินขบวนประท้วง “กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน” อันมีต้นสายปลายเหตุมาจากเรื่อง “อาชญากรรม” ล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง “การเมือง” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย มาตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว และแม้ว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะ “เจ๊ง” ลงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว โดยไม่มีใครคิดรื้อฟื้นขึ้นมาให้เป็นที่ยั่วยวนกวนส้นตีน “กุมารฮ่องกง” อีกต่อไปเลย แต่ถึงกระนั้น...บรรดาเด็กๆ ฮ่องกงจำนวนไม่น้อย ก็ยังคง “ประท้วง” ไม่เลิก!!! ยังพร้อมออกมายั่วยวนกวนส้นตีนบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแม้แต่ชาวฮ่องกงด้วยกันเองที่ไม่เห็นควรด้วย จนกลายเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ระดับอาจส่งผลให้เกาะฮ่องกงแทบทั้งเกาะ พลอยต้อง “เจ๊ง” ตามไปด้วย ดังที่รายงานข่าว “ผู้จัดการ” เขาได้ไล่เรียงรายละเอียดเอาไว้เมื่อวันวานนั่นแหละว่า ยอดสินค้าขายปลีกลดฮวบไปถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ยอดจองโรงแรมของนักท่องเที่ยวลดลงไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ภัตตาคารร้านอาหาร ลูกค้าหายไปถึง 1 ใน 3 ฯลฯ ฯลฯ เป็นต้น...

คือถึงขั้นกระจายกำลังบุกเข้าไปยืนขวาง นั่งขวางขบวนรถไฟใต้ดิน ไม่ยอมให้แล่นออก-แล่นเข้าจากสถานีได้สะดวกๆ ในช่วงจังหวะ “ชั่วโมงเร่งด่วน” อีกซะด้วย โดยแทบไม่ได้ให้ความสนใจต่อบรรดาผู้โดยสาร หรือผู้ใช้บริการ ที่ว่ากันว่า...น่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ล้านคนเป็นอย่างน้อย หรือก่อนหน้านี้...ก็เคยพยายามบุกเข้าไปสร้างความวุ่นวายในสนามบินนานาชาติ หรือกระทั่งบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ทั้งทุบ ทั้งเผา ทั้งฉีดสีพ่นข้อความ ด่าทอประณามผู้บริหารฮ่องกง ไปจนถึงรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ชนิดเสียๆ หายๆ ถึงขั้นเปลี่ยนสรรพนามเรียกคนจีนแผ่นดินใหญ่แทนที่จะเรียกว่า “Chinese” กลับหันไปเอาคำว่า “Shina” ที่พวกญี่ปุ่นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้ดูถูก ดูหมิ่น คนจีนว่าเป็นพวกขี้กลัว ขี้ตื่นอะไรประมาณนั้น ทั้งๆ ที่บรรพบุรุษของตัวเองก็คือคนจีน หรือ “Chinese” ล้วนๆ นั่นแหละ แถมยังหันไปโบกธงชาติอังกฤษ ธงชาติอเมริกา ปานประดุจว่าตัวเองได้ “กลายพันธุ์” เป็นชาวตะวันตกไปแล้ว หลังจากถูกพวกฝรั่งยึดครอง หรือหลังจากตกเป็น “ขี้ข้าฝรั่ง” มานานถึง 150 ปี...

ด้วยลักษณะอาการเช่นนี้นี่เอง...เลยส่งผลให้บรรดาชาวจีนด้วยกัน โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ อดที่จะมึนซ์ซ์ซ์ๆ งงง์ง์ง์ๆ ขึ้นมามิได้ ถึงขั้นที่บทบรรณาธิการของ “Global Times” สื่อทางการจีน ต้องบ่นระบายออกมาด้วยข้อเขียน บทความ ที่ตั้งชื่อไว้ว่า “Hong Kong youth’s future hinges on mainland” อันถือเป็นข้อเขียนที่สะท้อนถึงความสลดหดหู่ ความอเนจอนาถเวทนาต่อบรรดา “ผู้ประท้วงส่วนใหญ่” ที่ถูกสรุปว่าหนักไปทางเด็กและเยาวชนนั่นแหละเป็นหลัก บางรายยังเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยม ไม่ได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ โดยอดไม่ได้ที่ต้องตั้งคำถามเอาไว้แต่แรกว่า “พวกเขารู้หรือเปล่า...ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่??? บางที...เขาอาจไม่รู้ก็ได้” อะไรประมาณนั้น เพราะนอกจากการกู่ก้องร้องตะโกน ถึงคำขวัญประเภท “เสรีภาพ” หรือ “ประชาธิปไตย” แล้ว มันแทบไม่หลงเหลือ “เหตุผล” ใดๆ ไม่ว่าในแง่ประวัติศาสตร์ ปัจจุบันหรืออนาคต ที่จะต้องออกมาแลกเลือด แลกเนื้อออกมาไล่ทุบ ไล่กระทืบ ไล่บด ไล่บี้ กับบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือผู้ที่ไม่เห็นด้วย จนกลายเป็นการประท้วงที่ยืดเยื้อมาร่วมๆ 8 สัปดาห์เข้าไปแล้ว แต่ยัง “หามุมจบ” กันไม่เจอ จนตราบเท่าทุกวันนี้...

เพราะด้วย “เหตุ” และ “ผล” ที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาหยิบยกมาอ้างอิง มันออกจะมีน้ำหนักอยู่พอสมควร คือไม่ว่ามองจาก “อดีต” ยังไงๆ...บรรดาเด็กๆ ชาวฮ่องกงทั้งหลาย ก็คงหนีไม่พ้นไปจาก “กุมารจีน” มาตั้งแต่แรกนั่นเอง ไม่ได้มีอะไรที่เป็น “ฝรั่ง” เอาเลยแม้แต่น้อย แม้จะตกเป็น “ขี้ข้าฝรั่ง” มานานถึง 150 ปีก็ตาม และแม้จะเกิดการส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนกลับสู่มาตุภูมิเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ แต่ด้วยเหตุเพราะ “การเมินเฉยต่อประวัติศาสตร์...จึงไม่ได้ช่วยสร้างคุณค่าใดๆ ให้กับพวกเขาได้เลย” ไม่ต่างไปจาก “ปัจจุบัน” ที่พวกเด็กๆ ชาวฮ่องกงดันกลับมองไม่เห็นซะเฉยๆ ว่าเอาไป-เอามาแล้ว...ไม่ว่าโลกทั้งโลก หรือเอเชียทั้งเอเชียต่างถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรทางเศรษฐกิจอันใหญ่โตมโหฬาร อันมีที่ตั้งอยู่ใน “จีนแผ่นดินใหญ่” นั่นเอง แต่แทนที่บรรดา “กุมารฮ่องกง” จะมองเห็น “ความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ” ที่หาได้ยากกว่าพื้นที่อื่นๆ นั่นคือการอยู่ร่วมเป็น “หนึ่งประเทศสองระบบ” กับชาวจีนด้วยกันเอง แต่กลับหันไปเพ้อเจ้อถึงเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง อย่างเรื่อง “เสรีภาพ-ประชาธิปไตย” ที่ไม่เพียงแต่ “แ-ก” ไม่ได้ แถมยังกลับไม่ได้ช่วยให้เกิดการลดช่องว่างระหว่างความรวย-ความจนในเกาะฮ่องกง เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นภายในแผ่นดินใหญ่ทุกวันนี้ หรือไม่ได้ก่อให้เกิด “ความยุติธรรม” ใดๆ ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย...ฯลฯ ฯลฯ...

ด้วยเหตุนี้... “อนาคต” ของบรรดาเยาวชนฮ่องกง ที่หันมาใช้ความรุนแรงเป็นทางออกไม่ได้คิดจะใช้สมอง ใช้เหตุผล ใช้สติและปัญญาโดยละเอียดรอบคอบ พูดง่ายๆ ว่าหนักไปทาง “โง่” หรือ “เกรียน” นั่นแหละเป็นหลัก มันเลยออกจะเป็นอะไรที่น่าหดหู่ น่าอเนจอนาถเวทนามิใช่น้อย อันทำให้สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” เขาเลยอดไม่ได้ที่จะต้องบ่นระบาย ไปพร้อมๆ กับความมึนซ์ซ์ซ์ๆ งงง์ง์ง์ๆ อยู่พอสมควร แต่สิ่งเหล่านี้...ก็ใช่ว่าจะมึนซ์ซ์ซ์ๆ งงง์ง์ง์ๆ อยู่แต่เฉพาะบรรดาชาวจีนในแผ่นดินใหญ่แต่เพียงเท่านั้น แม้แต่บ้านเรา หรือแม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็เถอะ นับวัน...บรรดาเด็กๆ หรือเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มักจะ “เมินเฉยต่อประวัติศาสตร์” ไปด้วยกันทั้งสิ้น จนมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เป็นรากเหง้า หรือสิ่งที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตน พร้อมที่จะหันไปลดคุณค่าความเป็นชาติ วัฒนธรรมและประเพณีอันดี เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่ง “มายาภาพ” ทางความรู้สึก ที่ดูเก๋ ดูเท่ ดูทันสมัยก้าวหน้า หรือ “ดูเป็นฝรั่ง” อะไรทำนองนั้น ไม่ว่าจะเรียกขานกันในนาม “เสรีภาพ” หรือ “ประชาธิปไตย” ใดๆ ก็แล้วแต่ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า...บรรดา “กะปอม” เหล่านี้ ก็น่าจะมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน อันทำให้บรรดา “ไดโนเสาร์” ในเมืองไทยทั้งหลาย คงต้องเตรียมรับมือเอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ไม่งั้น...อาจต้อง “เจ๊ง” กันทั้งประเทศ แบบเดียวกับที่กำลังเจ๊งๆ อยู่ที่เกาะฮ่องกง นั่นแล...
กำลังโหลดความคิดเห็น