**การปรากฏตัวของ "ลุงป้อม" หรือ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในงานวันปิดการสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในทางการเมืองถือว่านี่คือการ "เปิดตัว"อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะในบทบาทใหม่ เพื่อรองรับสำหรับรัฐบาลใหม่ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้กติกาใหม่ โดยเฉพาะการเมืองในระบอบรัฐสภาที่ผ่านการเลือกตั้ง
แม้ว่าที่ผ่านมาในระดับคอการเมืองจะเคยรับรู้กันมาแล้ว "ลุงป้อม" เป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการฟอร์มรัฐบาล หรือแม้แต่ก่อนการเลือกตั้งต่อเนื่องมาจนหลังเลือกตั้ง รวมไปถึงการขับเคลื่อนของพรรคพลังประชารัฐ ผ่าน "คอนเนกชัน" ในหลายรูปแบบ เพียงแต่ว่าเป็นการรับรู้กันในวงจำกัด อีกทั้งเจ้าตัวก็ "ปิดบังอำพราง" ได้อย่างดี ไม่เคยออกมายอมรับ มีแต่ปฏิเสธแบบสิ้นเชิงทุกครั้งเมื่อถูกถาม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเกรงทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงสถานะในรัฐบาลเดิม รวมไปถึงตัว นายกรัฐมนตรี ที่ทั้งคู่ในเวลานั้นยังสวมหมวกในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ด้วย
แต่เมื่อผ่านขั้นตอนที่หมิ่นเหม่ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดตัวในช่วงเวลาสำคัญ นั่นคือ การสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ และการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลือกเปิดตัวในวันดังกล่าว ซึ่งสื่อออกมาให้เห็นว่า เป็นการไปให้กำลังใจกับบรรดาส.ส.ของพรรค พร้อมทั้งให้โอวาทในที่ประชุมวันนั้นด้วย
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันถึงบทบาทใหม่ ก็ต้องบอกว่า "ใช่เลย" เนื่องจากตามข่าวระบุว่า "ลุงป้อม" จะเขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย โดยน่าจะดำรงตำแหน่ง "ประธานที่ปรึกษาพรรค" ในอนาคตอันใกล้นี้
**ขณะเดียวกัน ในความหมายก็คือการที่ "บิ๊กป้อม" หรือ "พี่ใหญ่"ของคสช.คนนี้ลงมาในสนามการเมืองแบบเต็มตัวแบบนี้ ก็เป็นเหมือนคำยืนยันว่า งานนี้ "ลากยาว" และเอาจริง ไม่ได้มาเล่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงบทบาทเป็น "ผู้จัดการรัฐบาล" คนใหม่ อีกทั้งหากพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว การก่อกำเนิดของพรรคพลังประชารัฐ ที่มาจาก"ร้อยพ่อพันแม่" มีสารพัดกลุ่มก๊วน ก็ต้องใช้คนมากบารมี คอนเนกชันหลากหลายแบบ "พี่ใหญ่" นั่นแหละถึงจะเอาอยู่
อีกทั้งยังเป็นคำตอบต่อเนื่องอีกว่า เมื่อเห็น "ลุงป้อม" ลงมาเต็มตัวแบบนี้ ต่อไปอีกไม่นานก็ต้องเห็น"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เพื่อเตรียมตัวรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในโอกาสต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการความเคลื่อนไหว และรายงานข่าวแบบนี้มาตลอด ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบรับแบบว่า "กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอยู่" ไม่เคยปฏิเสธแต่อย่างใด แต่ล่าสุดเมื่อเห็น "ลุงป้อม" นำร่องมาแบบนี้ ทุกอย่างก็ถือว่าชัดเจนแล้ว
และเชื่อว่าการสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐน่าจะเกิดขึ้นภายหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว อย่างน้อยก็ "เผื่อกันเหนียว"ไว้ทางหนึ่งเหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้กันว่าเป็นรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค เป็นรัฐบาล "เสียงปริ่มน้ำ" ย่อมมีโอกาสล่มได้ตลอดเวลา ดังนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าคราวนี้ "ลุงตู่" จะต้องโดดมานำทัพสู้ศึกเลือกตั้งเต็มตัว แต่ตามกฎหมายต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในห้องประชุมสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันก่อนที่มีทั้งปลุกขวัญ ปลุกเร้า เรียกร้องให้มีความสามัคคีเพื่อให้รัฐบาล "อยู่ยาว 4 ปี" มันก็ชัดว่าเป้าหมายข้างหน้าไม่ธรรมดา แม้ว่าในหน้าฉากอาจไม่แสดงบทบาทชัดเจนนัก แต่เชื่อว่าเบื้องหลังเขายังเป็น คีย์แมนสำคัญให้กับ "บิ๊กตู่"ในแบบที่ยังขาดไม่ได้ อีกทั้งยังต้องเป็น "หนังหน้าไฟ" เป็น "ตำบลกระสุนตก" ซึ่งจะว่าไปแล้วการมี"ลุงป้อม" ก็ทำให้"ลุงตู่"ดูดีขึ้นมาหรือเปล่า
อีกทั้งในเมื่อการเมืองเข้าสู่โหมดใหม่แบบรัฐสภาก็ต้องพึ่งพา ส.ส.เป็นเสียงสนับสนุนเป็นหลัก ก็ต้องปรับบทบาทให้ทันยุค ต้องรับบทใจถึงพึ่งได้อีกด้วย ต้องลงมาคลุกคลีตีโมงกับพวกส.ส.ในพรรคอย่างสนิทสนม คงไม่อาจวางท่าแบบ "บิ๊ก" ในระบบราชการแบบเดิมไม่ได้แล้ว
**เมื่อได้เห็นหน้าลุงป้อมชัดเจน อีกไม่นานก็ต้องเห็น "ลุงตู่" ในพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน !!
-----------
ใช้รูป- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในที่ประชุมสัมมนาพรรค พปชร.
แม้ว่าที่ผ่านมาในระดับคอการเมืองจะเคยรับรู้กันมาแล้ว "ลุงป้อม" เป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการฟอร์มรัฐบาล หรือแม้แต่ก่อนการเลือกตั้งต่อเนื่องมาจนหลังเลือกตั้ง รวมไปถึงการขับเคลื่อนของพรรคพลังประชารัฐ ผ่าน "คอนเนกชัน" ในหลายรูปแบบ เพียงแต่ว่าเป็นการรับรู้กันในวงจำกัด อีกทั้งเจ้าตัวก็ "ปิดบังอำพราง" ได้อย่างดี ไม่เคยออกมายอมรับ มีแต่ปฏิเสธแบบสิ้นเชิงทุกครั้งเมื่อถูกถาม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเกรงทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงสถานะในรัฐบาลเดิม รวมไปถึงตัว นายกรัฐมนตรี ที่ทั้งคู่ในเวลานั้นยังสวมหมวกในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ด้วย
แต่เมื่อผ่านขั้นตอนที่หมิ่นเหม่ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดตัวในช่วงเวลาสำคัญ นั่นคือ การสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ และการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลือกเปิดตัวในวันดังกล่าว ซึ่งสื่อออกมาให้เห็นว่า เป็นการไปให้กำลังใจกับบรรดาส.ส.ของพรรค พร้อมทั้งให้โอวาทในที่ประชุมวันนั้นด้วย
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันถึงบทบาทใหม่ ก็ต้องบอกว่า "ใช่เลย" เนื่องจากตามข่าวระบุว่า "ลุงป้อม" จะเขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย โดยน่าจะดำรงตำแหน่ง "ประธานที่ปรึกษาพรรค" ในอนาคตอันใกล้นี้
**ขณะเดียวกัน ในความหมายก็คือการที่ "บิ๊กป้อม" หรือ "พี่ใหญ่"ของคสช.คนนี้ลงมาในสนามการเมืองแบบเต็มตัวแบบนี้ ก็เป็นเหมือนคำยืนยันว่า งานนี้ "ลากยาว" และเอาจริง ไม่ได้มาเล่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงบทบาทเป็น "ผู้จัดการรัฐบาล" คนใหม่ อีกทั้งหากพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว การก่อกำเนิดของพรรคพลังประชารัฐ ที่มาจาก"ร้อยพ่อพันแม่" มีสารพัดกลุ่มก๊วน ก็ต้องใช้คนมากบารมี คอนเนกชันหลากหลายแบบ "พี่ใหญ่" นั่นแหละถึงจะเอาอยู่
อีกทั้งยังเป็นคำตอบต่อเนื่องอีกว่า เมื่อเห็น "ลุงป้อม" ลงมาเต็มตัวแบบนี้ ต่อไปอีกไม่นานก็ต้องเห็น"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เพื่อเตรียมตัวรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในโอกาสต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการความเคลื่อนไหว และรายงานข่าวแบบนี้มาตลอด ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบรับแบบว่า "กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอยู่" ไม่เคยปฏิเสธแต่อย่างใด แต่ล่าสุดเมื่อเห็น "ลุงป้อม" นำร่องมาแบบนี้ ทุกอย่างก็ถือว่าชัดเจนแล้ว
และเชื่อว่าการสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐน่าจะเกิดขึ้นภายหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว อย่างน้อยก็ "เผื่อกันเหนียว"ไว้ทางหนึ่งเหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้กันว่าเป็นรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค เป็นรัฐบาล "เสียงปริ่มน้ำ" ย่อมมีโอกาสล่มได้ตลอดเวลา ดังนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าคราวนี้ "ลุงตู่" จะต้องโดดมานำทัพสู้ศึกเลือกตั้งเต็มตัว แต่ตามกฎหมายต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในห้องประชุมสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันก่อนที่มีทั้งปลุกขวัญ ปลุกเร้า เรียกร้องให้มีความสามัคคีเพื่อให้รัฐบาล "อยู่ยาว 4 ปี" มันก็ชัดว่าเป้าหมายข้างหน้าไม่ธรรมดา แม้ว่าในหน้าฉากอาจไม่แสดงบทบาทชัดเจนนัก แต่เชื่อว่าเบื้องหลังเขายังเป็น คีย์แมนสำคัญให้กับ "บิ๊กตู่"ในแบบที่ยังขาดไม่ได้ อีกทั้งยังต้องเป็น "หนังหน้าไฟ" เป็น "ตำบลกระสุนตก" ซึ่งจะว่าไปแล้วการมี"ลุงป้อม" ก็ทำให้"ลุงตู่"ดูดีขึ้นมาหรือเปล่า
อีกทั้งในเมื่อการเมืองเข้าสู่โหมดใหม่แบบรัฐสภาก็ต้องพึ่งพา ส.ส.เป็นเสียงสนับสนุนเป็นหลัก ก็ต้องปรับบทบาทให้ทันยุค ต้องรับบทใจถึงพึ่งได้อีกด้วย ต้องลงมาคลุกคลีตีโมงกับพวกส.ส.ในพรรคอย่างสนิทสนม คงไม่อาจวางท่าแบบ "บิ๊ก" ในระบบราชการแบบเดิมไม่ได้แล้ว
**เมื่อได้เห็นหน้าลุงป้อมชัดเจน อีกไม่นานก็ต้องเห็น "ลุงตู่" ในพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน !!
-----------
ใช้รูป- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในที่ประชุมสัมมนาพรรค พปชร.