xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อความสง่างามของลุงตู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“หนึ่งความคิด”
“สุรวิชช์ วีรวรรณ”

ข้อเสนอสำคัญที่สุดในการร่วมรัฐบาลครั้งนี้ของ “พรรคประชาธิปัตย์” คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และแก้ไขเงื่อนไขที่เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ดูเหมือนว่า กำลังจะถูกพรรคร่วมรัฐบาลขัดขวางไม่ให้เกิดขึ้น

เราทราบกันดีว่า กติกาการเลือกตั้งที่เขียนขึ้นมาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พ่วงกับบทเฉพาะกาลนั้น มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการเมือง แต่ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว อีกฝ่ายแม้ถือแต้มต่อที่เหนือกว่าก็ไม่สามารถชนะอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด แถมยังส่งผลให้ประเทศมีรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ เมื่อไม่มีเสถียรภาพก็ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้อย่างราบรื่น และผลเสียก็จะตกกับประเทศไทยในการแข่งขันกับนานาประเทศ

รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำร้ายประเทศตัวเอง เพราะรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์นั้นกลายเป็นรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ พร้อมที่จะพลิกคว่ำคะมำหงายได้ตลอดเวลา

ผมเข้าใจว่า เจตนาของการคิดระบบแบบนี้ขึ้นมานั้น เพราะไม่ต้องการให้พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงข้างมากแบบในอดีต แล้วหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคนั้นใช้อำนาจที่ได้รับจากประชาชนไปในทางที่ไม่ชอบ พูดตรงๆ ว่า เรากลัวพฤติกรรมแบบทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้นอีก กลัวเผด็จการเสียงข้างมากจนนำไปสู่การใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอีก

แต่เคยเสนอไว้ในความเห็นผ่านบทความว่า เรากลัวคนที่มีอำนาจเข้ามาใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลแบบทักษิณ ทำไมเราไม่สร้างกติกาป้องกันการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม เราสร้างมาตรการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันการหาประโยชน์และการขาดธรรมาภิบาลของนักการเมืองให้เข้มแข็งรัดกุม คือ ป้องกันคนเข้ามาใช้อำนาจฉ้อฉลแต่ไม่ใช่เปลี่ยนไปใช้วิธีทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลงแบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้

รัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อไม่ให้เกิดพรรคการเมืองที่เข้มแข็งนั้น มันส่งให้เห็นผลที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นคือ ไม่สามารถเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ เพราะจะต้องมีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลหลายพรรค ลองคิดดูนะครับว่า ขนาดตอนนี้ฝ่ายหนึ่งมีเสียง ส.ว.ในมือ 250 เสียง การตั้งรัฐบาลยังเป็นเรื่องยากและถึงตั้งได้ก็ไม่มีเสถียรภาพ แล้วคิดดูว่าวิธีการนับคะแนนแบบนี้ในอนาคตเลย 5 ปีแม้ ส.ว.ไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว การตั้งรัฐบาลก็จะยิ่งยากที่จะมีเอกภาพได้

เมื่อรัฐบาลตั้งยากต้องใช้หลายพรรคผสมก็จะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพย่อมจะส่งผลต่อการบริหารประเทศ และผลกระทบก็จะเกิดกับประเทศโดยรวม และส่งผลกระทบถึงประชาชนนั่นเอง กลายเป็นรัฐธรรมนูญที่บ่อนเซาะทำร้ายประเทศตัวเอง

แล้วการออกแบบรัฐธรรมนูญโดยหวังผลลิดรอนอำนาจของพรรคการเมืองบางพรรคลงแทนที่จะชนะใจประชาชนด้วยผลงานที่ดีกว่านั้น ถ้าพูดกันจากผลลัพธ์การเลือกตั้งในครั้งนี้นั้นก็ชัดเจนว่า มันไม่ได้สัมฤทธิผลเลย เพราะทั้งสองฝั่งมีเสียงที่ก้ำกึ่งกัน แล้วประเทศชาติเสียหาย

คำถามว่า เราจะปล่อยให้รัฐธรรมนูญที่ส่งผลเสียต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศที่เกิดจากรัฐบาลที่อ่อนแอดำรงอยู่หรือควรจะแก้ไขมัน

แต่เราก็ทราบว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ถูกทำให้เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขได้ยากมาก โดยเฉพาะในยุคที่ ส.ว.มาจากการกดปุ่มของ คสช.เพราะการแก้รัฐธรรมนูญในวาระที่ 1 นั้นต้องมีเสียง ส.ว.เห็นชอบด้วย โดยให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

หนึ่งในสามของจำนวน ส.ว.ก็คือ ต้องมี ส.ว.ถึง 84 คนเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ต้องพูดถึงวาระอื่นนะครับเอาแค่วาระที่ 1 ก่อนก็รอดยากแล้ว ถ้าไม่มีไฟเขียวจากคนทำคลอด ส.ว. ดังนั้นทางออกเดียวที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้คือ ต้องมีคนกดปุ่มไฟเขียว ส.ว.

พูดกันแบบซื่อๆคนที่จะกดไฟเขียว ส.ว.ก็คือคนที่ตั้ง ส.ว.มากับมือเพื่อให้ยกมือให้ตัวเองนั่นแหละ

นอกจากเห็นได้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะผ่านสภาที่มีส.ว.แต่งตั้งแบบนี้ได้อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รองที่เข้ามาสืบทอดอำนาจแล้วนั่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยมา 5 ปีแล้วจะเป็นต่ออีก 4 ปี ยังบอกว่าจะต้องทำประชามติก่อนว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งก็งงนะ เพราะถ้าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วก็ต้องทำประชามติอยู่ดี จะทำก่อนแก้ทำไม

หรือต่อไป รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่จะทำอะไรก็จะถามประชาชนก่อนทุกเรื่อง ถ้าอย่างนี้ก็จะเชียร์ให้อยู่ตลอดไปเลย

บางคนเบี่ยงเบนว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะช่วยให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รอดจากกรณีถือครองหุ้นสื่อ ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย เพราะเสียง ส.ว.ที่กุมได้นั้นมันสามารถคุยกันในพรรครัฐบาลได้ว่า ประเด็นไหนบ้างที่ควรจะแก้เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย แล้วไม่สามารถแผ้วพานเก้าอี้ของพล.อ.ประยุทธ์ได้ตลอด 4 ปีของการอยู่ในตำแหน่ง ยกเว้นว่ารัฐบาลไปโหวตแพ้ฝ่ายค้านเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้นยากมากเพราะมี ส.ว.ที่เป็นมือไม้ของรัฐบาลร่วมด้วย

แล้วผมคิดว่าจุดตายของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นั้นคือ การที่ธนาธรให้พรรคยืมเงินซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้โทษหนักถึงติดคุก ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ยึดเงิน แล้วผมคิดว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นเพียงพรรคฟองสบู่เท่านั้นเองไม่สามารถที่จะยืนยงได้หรอก เลือกตั้งครั้งหน้าเมื่อพรรคเพื่อไทยส่งครบเสียงที่เทให้อนาคตใหม่ก็กลับมายังพรรคเพื่อไทย


ดังนั้นผมคิดว่า รัฐบาลประยุทธ์ที่จะบริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปีนั้นจะต้องกล้าพิสูจน์เลยว่าจะเอาชนะใจประชาชนได้ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเสียโดยไม่ต้องมีเสียงส.ว.ร่วมโหวตอีก แก้ไขที่ให้ส.ว.สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ใน 5 ปีออกไปเสีย

เชื่อว่าถ้ารัฐบาลจะทำแต่สิ่งที่ดีเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ เรามั่นใจในศักยภาพของลุงตู่ เวลา 4 ปีที่อยู่ในอำนาจนั้นสามารถเอาชนะใจประชาชนได้ เลือกตั้งครั้งหน้าก็ชนะแบบใสๆไม่ต้องพึ่งเสียงส.ว.จะไปกลัวอะไร ไปคุยกับชาวโลกได้ว่านี่แหละคือรัฐบาลประชาธิปไตยที่ชนะการเลือกตั้งที่แท้จริง

ถามว่าวันนี้พล.อ.ประยุทธ์มีความสง่างามไหมที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง คำตอบคือ ไม่เลย เพราะความจริงก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเพราะเสียงส.ว.ที่ตั้งมากับมือ250เสียงเพื่อเลือกตัวเอง ถ้าเราได้ยินข่าวแบบนี้ในต่างประเทศ เช่น สมมติได้ยินข่าวว่า คิมจองอึนได้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัยเพราะเสียงส.ว.ที่เขาตั้งมายกมือสนับสนุนเขาอย่างท่วมท้น

เมื่อไม่มีเสียงส.ว.หนุนชนะเพราะความดีความสามารถที่นำพาประเทศ พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยต่อจากนี้ที่มาจากการเลือกตั้งที่สง่างาม กลายเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งที่สร้างประวัติศาสตร์ 2 สมัยไปเลย แล้วครั้งหน้าใครก็จะมาติฉินนินทาไม่ได้ว่าชนะเพราะตั้งส.ว.250คนมาเลือกตัวเองอีก

พวกติ่งก็อาจจะเถียงว่า ครั้งนี้ถึงไม่มีส.ว.ลุงตู่ก็ยังชนะด้วยเสียงส.ส.อยู่ดีแม้ชนะไม่กี่เสียง แต่ความจริงมันใช่เหรอ ลองไม่มีเสียงส.ว.หนุนหลัง 250 เสียง พรรคร่วมเขาจะมาทางนี้มั้ย หรือไปรวมกับพรรคที่ชนะอันดับ 1 แต่ที่มาทางนี้ก็เพราะเขาเห็นว่ารวมอย่างไรก็ไม่ชนะพรรคลุงตู่ยังไงเล่า

ผมเคยบอกนะครับว่า รัฐธรรมนูญนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ประหลาดมาก เพราะพรรคการเมืองพรรคหนึ่งส่งลงสมัคร 350 เขต ชนะเลือกตั้งทุกเขต 350 เขต เมื่อไม่มีโอกาสได้บัญชีรายชื่อเพิ่ม มีส.ส.350คนก็ยังตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ มันประหลาดไหมครับแล้วกติกาแบบนี้มันจะสากลชอบธรรมได้อย่างไร

การนับคะแนนก็เอากันชัดว่าจะนับแบบไหนที่มันโปร่งใส แม้เรื่องนี้จะยังร้องเรียนกันอยู่ แต่ก็ทำให้ชัดเถอะครับว่าที่มาของส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น มันควรจะมาอย่างยุติธรรมอย่างไร ไม่ใช่มาด้วยสูตรคณิตศาสตร์พิสดารอย่างที่เขาครหากัน กลายเป็นว่าบางพรรคต้องมีเสียงเฉลี่ยต่อ1ที่นั่งเกือบ 80,000คะแนน แต่บางพรรคได้ 3-40,000คะแนนก็กลายเป็นส.ส.เขย่งไป แก้กติกาทำให้ง่ายขึ้นถกเถียงกันดูว่าเราควรจะกลับมาเป็นบัตรเลือกตั้งแบบ2ใบไหม

ผมคิดว่าแก้รัฐธรรมนูญเถอะครับ เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ถ้าเรากลัวว่าจะมีนายกรัฐมนตรีเสียงข้างมากที่ฉ้อฉลแบบทักษิณอีกก็วางมาตรการในการปกป้องการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลนั้นเสียง สร้างกรอบให้เข้มแข็งที่คนเข้ามาบริหารประเทศจะต้องเดินตามกรอบกติกาที่ถูกต้อง

ต้องยอมรับจริงว่าตอนนี้มีเพียงลุงตู่คนเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เป็นธรรมด้วยกติกาที่เป็นธรรม ไม่ต้องอดทนกับกติกาที่ไม่เป็นธรรมให้เขาติฉินไปถึง 8 ปี 2 สมัย เพราะครั้งหน้าส.ว.ยังเลือกนายกรัฐมนตรีได้อีก โดยการไฟเขียวให้ส.ว.ที่ตัวเองตั้งมากับมือแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเสียง แล้วส.ว.ก็กลับไปเป็นสภาตรวจสอบตามครรลองที่ควรจะเป็น

คนที่รักลุงตู่ต่างเชื่อมั่นว่าลุงตู่ที่มีความสามารถเก่งกาจจะบริหารประเทศในสมัยนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพชนะใจประชาชนได้อีกในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเห็นได้ว่าชอบเอาผลงานมาอวดว่า เรื่องโน้นเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่ลุงตู่จะทำได้ไหม

ซึ่งถ้าเชื่อมั่นในศักยภาพของลุงตู่จริงรักลุงตู่จริงก็ทำกติกาให้เป็นประชาธิปไตยเถอะครับ ลุงตู่จะได้กลับมาอย่างสง่างาม

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น