**ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาแล้ว ชุดรัฐบาล "ประยุทธ์ 2/1" มีคณะรัฐมนตรีรวมทั้งหมด 36 คน ก็มีทั้งเสียง ยี้ พอใจ หรือเฉยๆ ปะปนกันไป เป็นเรื่องธรรมดา และก็เสียงร้องดังกล่าวก็มีทั้งประเภทดัดจริต ขอให้ได้ดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ก่อน หรือก็มีพวกที่โลกสวย ที่คิดว่าทุกอย่างต้องออกมาสวยงาม โดยมองข้ามความเป็นจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ในเมื่อนี่คือบรรยากาศ "ประชาธิปไตย" ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ส่วนจะเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ตามที่ต้องการหรือไม่ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะในบรรดา ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามารวมแล้วจำนวน 500 คน ก็เห็นมีทั้งเสียงบ่นว่า มีพวก "มาเฟีย" พวกที่ภาพลักษณ์ติดลบ เข้ามา แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อไม่ว่ากติกาจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม ก็จะเห็นคนพวกนี้ได้รับเลือกปะปนเข้ามาหลังการเลือกตั้งทุกครั้ง บางคนก็ได้เป็นรัฐมนตรี
หากพิจารณากันตามหลักการแล้ว ก็ต้องถือว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของชาวบ้าน ชาวบ้านเลือกเข้ามา จะให้ทำอย่างไร ในเมื่ออยากได้ประชาธิปไตย ก็ต้องแบบนี้แหละ ใช่เลย อีกทั้งในสภาพความเป็นจริงเท่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีเสียงใกล้เคียงกัน โดยรัฐบาลมี "เสียงปริ่มน้ำ" นั่นคือ ทุกคะแนนเสียงย่อมเป็นตัวแปรที่สามารถ "ล่มรัฐบาล" ได้ตลอดเวลา ดังจะเห็นอยู่แล้วว่าการต่อรองรวมไปถึงข่าวคราวแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี มีให้เห็นในช่วงฟอร์มรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น หากพิจารณาจากความเป็นจริง ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แบบ"ไม่ใช่โลกสวย" กับการที่ได้รัฐบาลโฉมหน้าแบบนี้ มันก็น่าจะโอเคในระดับหนึ่ง ซึ่งในเมื่อเป็นรัฐบาลผสมเกือบยี่สิบพรรคแบบนี้ มันก็คงไม่อาจที่จะขัดขวางไม่ให้บางคนที่สังคมตั้งคำถามได้มากนัก หากเขาผ่านด่านการตรวจสอบทางด้านคุณสมบัติในเบื้องต้นมาได้ เพราะหลังจากนี้ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองจากการตรวจสอบ เนื่องจากเชื่อว่าเวลานี้มีบรรดา "นักร้อง" เกิดขึ้นมากมาย ต้องทำหน้าที่ยื่นเรื่องร้องเรียนได้หลายช่องทางอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหากพิจารณาจากเสียงตำหนิ เสียงยี้ ที่พยายามส่งเสียงให้ดังเป็นพิเศษในเวลานี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นพวกฝ่ายค้าน หรือฝ่ายตรงข้ามที่ต้องโวยวายเอาไว้ก่อน เป็นเรื่องปกติ ในทางตรงกันข้ามจะให้คนพวกนี้ชื่นชมนี่สิจะเป็นเรื่องแปลก
**แต่ถ้าลองเปลี่ยนข้างใหม่ ให้ฝ่ายค้านได้กลายเป็นฝ่ายรัฐบาลบ้าง ภายใต้เงื่อนไขในแบบที่ใกล้เคียงกันนี้ เราจะได้คณะรัฐมนตรี ทึ่ทุกคนมีคุณสมบัติสุดยอดแบบในฝันหรือไม่ หรือว่าจะไม่ได้แตกต่างกันหรือ "ยี้" มากกว่ากัน หรือไม่ เนื่องจากได้เห็นหน้าตาของแต่ละคน ที่บางคนมีบุคลิกพิเศษ หรือมีทัศนคติที่แปลกๆ อยู่ไม่น้อย
แน่นอน เชื่อว่าทุกคนอยากให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม อยากได้คนเก่ง คนดี แต่ก็ยังมีปัญหาในคำนิยามตามมาอีกว่า "ดีเด่นดัง" แบบไหนตามมาอีก เพราะในทัศนะและความเห็นของบางคน ก็เห็นต่างก็เหมือนกับผลการเลือกตั้งทุกครั้งในบางเขตที่มีผู้สมัครบางคนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแบบผูกขาด ขณะที่คนทั่วไปกลับส่งเสียงยี้ ดังนั้น ถึงได้บอกว่า หากนี่คือประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือก ตั้งมันก็ใช่ ส่วนจะให้เป็นไปตามความต้องการของคนทั่วไปด้วยหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้น หากเปรียบเทียบกับคณะรัฐมนตรีชุดล่าสุด ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งเห็นโฉมหน้าออกมาอย่างเป็นทางการ ก็ย่อมมีเสียงไม่พอใจ ไม่ชอบใจในสายตาของหลายๆ คน แต่จะให้ทำอย่างไรไปได้มากกว่านี้ ในเมื่อรัฐมนตรีบางคนที่ว่านั้น เป็นหัวหน้าพรรค หรือหัวหน้ากลุ่มก๊วนในพรรค ที่ทุกเสียงสามารถล่มรัฐบาลชุดนี้ได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ด้วยกระบวนการในปัจจุบันที่ถือว่า พวกเขาผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากคุณสมบัติผ่านก็คงปฏิเสธไม่ได้ นอกเหนือจากถูกร้องเรียนในภายหลัง หรือความสำนึกด้านจริยธรรมไม่ขอรับตำแหน่ง แต่ก็ถือว่าได้ผ่านขั้นตอนแบบนั้นไปแล้ว
** สิ่งที่ต้องพิสูจน์กันในแบบเฉพาะหน้าเร่งด่วนก็คือ ต้องรีบสร้างผลงานให้เกิดความประทับใจให้กับชาวบ้านทั้งประเทศเท่านั้นที่จะเป็นเกราะป้องกันตัวได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหน้าตาไม่ดีแล้วยังทำตัวแย่ มันก็ยิ่งเวลาประหารตัวเองให้เร็วขึ้นไปอีก เพราะจะว่าไปแล้วในยุคปัจจุบันที่เป็น"ยุคตรวจสอบ"อย่างแท้จริง และการตรวจสอบดังกล่าวก็ไม่ใช่อยู่ในสภาเป็นหลัก แต่จะอยู่นอกสภาที่เป็นชาวบ้าน ดังนั้นนักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะตำแหน่งไหนตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาไปจนถึงบรรดา ส.ส.ก็ไม่มีข้อยกเว้น !!
อย่างไรก็ดี ในเมื่อนี่คือบรรยากาศ "ประชาธิปไตย" ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ส่วนจะเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ตามที่ต้องการหรือไม่ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะในบรรดา ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามารวมแล้วจำนวน 500 คน ก็เห็นมีทั้งเสียงบ่นว่า มีพวก "มาเฟีย" พวกที่ภาพลักษณ์ติดลบ เข้ามา แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อไม่ว่ากติกาจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม ก็จะเห็นคนพวกนี้ได้รับเลือกปะปนเข้ามาหลังการเลือกตั้งทุกครั้ง บางคนก็ได้เป็นรัฐมนตรี
หากพิจารณากันตามหลักการแล้ว ก็ต้องถือว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของชาวบ้าน ชาวบ้านเลือกเข้ามา จะให้ทำอย่างไร ในเมื่ออยากได้ประชาธิปไตย ก็ต้องแบบนี้แหละ ใช่เลย อีกทั้งในสภาพความเป็นจริงเท่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีเสียงใกล้เคียงกัน โดยรัฐบาลมี "เสียงปริ่มน้ำ" นั่นคือ ทุกคะแนนเสียงย่อมเป็นตัวแปรที่สามารถ "ล่มรัฐบาล" ได้ตลอดเวลา ดังจะเห็นอยู่แล้วว่าการต่อรองรวมไปถึงข่าวคราวแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี มีให้เห็นในช่วงฟอร์มรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น หากพิจารณาจากความเป็นจริง ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แบบ"ไม่ใช่โลกสวย" กับการที่ได้รัฐบาลโฉมหน้าแบบนี้ มันก็น่าจะโอเคในระดับหนึ่ง ซึ่งในเมื่อเป็นรัฐบาลผสมเกือบยี่สิบพรรคแบบนี้ มันก็คงไม่อาจที่จะขัดขวางไม่ให้บางคนที่สังคมตั้งคำถามได้มากนัก หากเขาผ่านด่านการตรวจสอบทางด้านคุณสมบัติในเบื้องต้นมาได้ เพราะหลังจากนี้ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองจากการตรวจสอบ เนื่องจากเชื่อว่าเวลานี้มีบรรดา "นักร้อง" เกิดขึ้นมากมาย ต้องทำหน้าที่ยื่นเรื่องร้องเรียนได้หลายช่องทางอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหากพิจารณาจากเสียงตำหนิ เสียงยี้ ที่พยายามส่งเสียงให้ดังเป็นพิเศษในเวลานี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นพวกฝ่ายค้าน หรือฝ่ายตรงข้ามที่ต้องโวยวายเอาไว้ก่อน เป็นเรื่องปกติ ในทางตรงกันข้ามจะให้คนพวกนี้ชื่นชมนี่สิจะเป็นเรื่องแปลก
**แต่ถ้าลองเปลี่ยนข้างใหม่ ให้ฝ่ายค้านได้กลายเป็นฝ่ายรัฐบาลบ้าง ภายใต้เงื่อนไขในแบบที่ใกล้เคียงกันนี้ เราจะได้คณะรัฐมนตรี ทึ่ทุกคนมีคุณสมบัติสุดยอดแบบในฝันหรือไม่ หรือว่าจะไม่ได้แตกต่างกันหรือ "ยี้" มากกว่ากัน หรือไม่ เนื่องจากได้เห็นหน้าตาของแต่ละคน ที่บางคนมีบุคลิกพิเศษ หรือมีทัศนคติที่แปลกๆ อยู่ไม่น้อย
แน่นอน เชื่อว่าทุกคนอยากให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม อยากได้คนเก่ง คนดี แต่ก็ยังมีปัญหาในคำนิยามตามมาอีกว่า "ดีเด่นดัง" แบบไหนตามมาอีก เพราะในทัศนะและความเห็นของบางคน ก็เห็นต่างก็เหมือนกับผลการเลือกตั้งทุกครั้งในบางเขตที่มีผู้สมัครบางคนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแบบผูกขาด ขณะที่คนทั่วไปกลับส่งเสียงยี้ ดังนั้น ถึงได้บอกว่า หากนี่คือประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือก ตั้งมันก็ใช่ ส่วนจะให้เป็นไปตามความต้องการของคนทั่วไปด้วยหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้น หากเปรียบเทียบกับคณะรัฐมนตรีชุดล่าสุด ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งเห็นโฉมหน้าออกมาอย่างเป็นทางการ ก็ย่อมมีเสียงไม่พอใจ ไม่ชอบใจในสายตาของหลายๆ คน แต่จะให้ทำอย่างไรไปได้มากกว่านี้ ในเมื่อรัฐมนตรีบางคนที่ว่านั้น เป็นหัวหน้าพรรค หรือหัวหน้ากลุ่มก๊วนในพรรค ที่ทุกเสียงสามารถล่มรัฐบาลชุดนี้ได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ด้วยกระบวนการในปัจจุบันที่ถือว่า พวกเขาผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากคุณสมบัติผ่านก็คงปฏิเสธไม่ได้ นอกเหนือจากถูกร้องเรียนในภายหลัง หรือความสำนึกด้านจริยธรรมไม่ขอรับตำแหน่ง แต่ก็ถือว่าได้ผ่านขั้นตอนแบบนั้นไปแล้ว
** สิ่งที่ต้องพิสูจน์กันในแบบเฉพาะหน้าเร่งด่วนก็คือ ต้องรีบสร้างผลงานให้เกิดความประทับใจให้กับชาวบ้านทั้งประเทศเท่านั้นที่จะเป็นเกราะป้องกันตัวได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหน้าตาไม่ดีแล้วยังทำตัวแย่ มันก็ยิ่งเวลาประหารตัวเองให้เร็วขึ้นไปอีก เพราะจะว่าไปแล้วในยุคปัจจุบันที่เป็น"ยุคตรวจสอบ"อย่างแท้จริง และการตรวจสอบดังกล่าวก็ไม่ใช่อยู่ในสภาเป็นหลัก แต่จะอยู่นอกสภาที่เป็นชาวบ้าน ดังนั้นนักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะตำแหน่งไหนตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาไปจนถึงบรรดา ส.ส.ก็ไม่มีข้อยกเว้น !!