xs
xsm
sm
md
lg

ครบกำหนด"ธนาธร"แจงหุ้นสื่อ ใครจะตาสว่าง !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

** หลังจากก่อนหน้านี้ความพยายามในการยืดเวลาอีก 15 วัน ในการส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องล้มเหลว สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในกรณีถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด หลังจากถูกร้องว่า เข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จากการถือหุ้นสื่อสารมวลชน ซึ่งศาลไม่อนุญาต โดยระบุว่าการขอขยายเวลาครั้งก่อนยังไม่ครบกำหนดเวลา โดยจะครบกำหนดในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ก็ต้องถือว่า "ลุ้นระทึก"
แม้ว่าในวันดังกล่าวคงไม่ใช่เป็นวันชี้ชะตาสำหรับเขา เพราะเป็นวันกำหนดที่คล้ายกับครบ "เส้นตาย" ที่ต้องยื่นเอกสารหลักฐานชี้แจงภายในวันดังกล่าว ส่วนหลังจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะกำหนดนัดอย่างไรต่อไป หรือจะมีการนัดวันวินิจฉัยเป็นวันไหนต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเป็นลำดับถัดไป
แต่สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นาทีนี้ ถือว่าต้องลุ้นหนักกว่าใคร เพราะมี "เดิมพันสูง" เป็นการชี้ชะตาอนาคตทางการเมืองของเขา และอาจรวมไปถึงพรรคอนาคตใหม่ในคราวเดียวกันเลยก็ว่าได้ ทุกอย่างน่าจะขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการกำหนดวันตามมา เพียงแต่ วันที่ 8 กรกฎาคม นี้ถือว่าครบกำหนดในการส่งเอกสารชี้แจง ไม่อาจยืดเวลาได้อีกแล้ว
แม้ว่าในวันดังกล่าว จะไม่ใช่วันตัดสินชี้ชะตา แต่ไม่ว่าใครก็ตามทุกวันนัดของศาลก็ต้อง "หวาดเสียว" กันทั้งนั้น และสำหรับ ธนาธร ถือว่าทุกอย่างกำลังงวดเข้ามาเรื่อยๆ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากหลักฐานตามความเป็นจริงที่เห็นกันอยู่ในเวลานี้ ก็ต้องบอกว่าเขากำลังเดินอยู่ "บนเส้นด้าย" ไม่มีผิด แม้ว่าทุกอย่างจะต้องขึ้นอยูกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามพยานหลักฐาน เอกสาร และการไต่สวนหาความจริงก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาตามเส้นทางที่ผ่านมา รวมไปถึงพิรุธ ที่ออกอาการแบบ "เกินงาม" ของตัวเขาและทีมงาน ล้วนส่อให้เห็นว่างานนี้ "ท่าจะยุ่งจริงๆ" เสียแล้ว
**เพราะสำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แล้วนาทีนี้ถือว่า ชัดเจนแล้วว่าเขา "ถือหุ้นสื่อ" เพียงแต่ว่าต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ได้มีการ"โอนก่อน" หรือ"หลัง" วันที่กฎหมายกำหนด นั่นคือ ก่อนหรือหลังวันที่เขายื่นใบสมัคร ส.ส.ระบบบัญชื่อ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา เท่านั้นเอง ซึ่งหากได้ดำเนินการตามกฎหมายถูกต้อง มีเอกสารยืนยันวัน เวลา ตามที่ทางราชการรับรอง มันก็ไม่มีปัญหา และที่สำคัญ "พิสูจน์กันได้ไม่ยาก" แม้ว่าในระบบราชการอาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่สำหรับขั้นตอนในการพิสูจน์ยืนยันเอกสารรับรองว่าไม่ค่อยผิดพลาด นอกเหนือจากมีเจตนาบิดเบือน ปิดบังเท่านั้น
สิ่งที่สามารถยืนยันถึงการพิสูจน์จากเอกสารทางราชการ ที่สามารถทำได้ไม่ยาก และไม่ใช้เวลานานเกินไปจะเห็นได้จากการไต่สวนหาความจริงของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากรับเรื่องร้องเรียนเรื่อง "คุณสมบัติต้องห้าม" ของเขาจากการถือหุ้นสื่อดังกล่าว กกต. สามารถขอเอกสารจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ หนังสือบริคณห์สนธิ หนังสือการส่งงบการเงินประจำปีและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) เป็นต้น ที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเป็น เอกฉันท์ ว่าเขาขาดคุณสมบัติ และยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง และต่อมาศาลก็รับวินิจฉัย และสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราวดังที่รับทราบกันดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี สำหรับแนวทางการต่อสู้คดีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวก หากสังเกตให้ดี สิ่งที่พวกเขาพยายามเน้นย้ำให้เห็นนอกเหนือจากการขอยืดระยะเวลาการส่งเอกสารชี้แจงออกไปให้นานที่สุดแล้ว ยังมีอีกวิธีการหนึ่งก็คือ ความพยายามสร้างกระแสจากสังคมภายนอกมากดดัน ที่เห็นชัดก็คือ การยื่นคำร้องผ่านทางประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของ บรรดาส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาล จากการถือหุ้นสื่อ ในแบบที่เรียกว่า "สร้างมาตรฐานเดียวกัน" หรือถ้า "ข้าชั่ว เอ็งก็เลว" ประมาณนั้น และต่อมา พรรคพลังประชารัฐ ก็ยื่นร้อง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ในเรื่องเดียวกันและผ่านช่องทางเดียวกัน แม้ว่าในรายละเอียดและความจริงอาจจะต่างกัน และ การประกอบธุรกิจตามความจริง มันก็ต่างกันก็ตาม แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งเพื่อความชัดเจน และเป็นบรรทัดฐานในอนาคต ก็สามารถเคลียร์ให้จบไปเลย เพราะหากไม่ เคลียร์กรณีแบบนี้ก็จะคาราคาซัง สร้างความรำคาญไปกับชาวบ้านไปไม่มีที่สิ้นสุด
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พยายามสร้างกระแสกดดันเริ่มตั้งแต่พยายามชี้ให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการวินิจฉัยส่งคำร้องไปยังศาลฯ อย่างรวดเร็ว ทั้งที่วิธีการ และช่องทางในการร้องมันต่างกัน เพราะกรณีของ ธนาธร มีคนร้องผ่าน กกต. และมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน สืบค้นหาความจริงจากเอกสารทางราชการ ซึ่งทำได้ไม่ยาก และไม่นาน ก็สรุปว่า เข้าข่ายผิด ก็ร้องต่อให้ศาลฯ วินิจฉัย
ขณะที่ กรณีของพวก ส.ส. และ ส.ว. ทั้งหลายนั้น ยังไม่มีการไต่สวนหาความจริง แต่ผ่านทางช่องทางอื่น เช่นประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่เหมือนบุรุษไปรษณีย์ ส่งต่อไปที่ศาลฯ เท่านั้น ซึ่งเหมือนกับต้องเริ่มขึ้น ยังต้องใช้เวลาไต่สวน แต่ก็เชื่อว่าคงไม่นาน เพราะเป็นเอกสารทางราชการ
ขณะเดียวกัน ที่น่าจับตาก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้กล่าวว่า หากเขาถูกตัดสินว่าผิดจากกรณีการถือหุ้นสื่อ "จะทำให้ประชาชนตาสว่าง" แม้จะไม่รู้ความหมายที่แน่ชัด ว่าอย่างไรกันแน่ แต่เชื่อว่าที่ผ่านมาหลายคนก็ตาสว่างกันมากพอสมควรแล้ว และในอนาคต ก็ยิ่งจะตาสว่างมากขึ้นไปอีก
**แต่สำหรับในวันที่ 8 กรกฎาคม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะต้องลุ้นระทึกว่า ศาลฯ จะนัดวันวินิจฉัย วันไหน เพราะทุกอย่างงวดเข้ามา ในการชี้ชะตาอนาคตทางการเมืองของเขาว่าจะจบเห่ หรือไม่ แม้ว่าจะพอคาดเดาออกได้ตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม !!
กำลังโหลดความคิดเห็น