xs
xsm
sm
md
lg

อิสรภาพในสวนหลังบ้านอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะกลับไปดูประเทศเวเนซุเอลา ที่อยู่แถวๆ “สวนหลังบ้าน” ของคุณพ่ออเมริกาเค้าดูสักหน่อย เพราะเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว หรือเมื่อวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็น “วันประกาศอิสรภาพ” ของประเทศนี้ตั้งแต่เมื่อเกือบ 200 กว่าปีที่แล้ว จากการที่เคยต้องตกเป็นอาณานิคมของพวกฝรั่งยุโรป อย่างประเทศสเปน จนสามารถเริ่มต้นความเป็นชาติ ความเป็นประเทศ เป็น “Captaincy General of Venezuela” หรือเป็น “Kingdom of Venezuela” มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1811 โน่นเลย...

และช่วงวันครบรอบการประกาศอิสรภาพคราวนี้...ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งของชาวเวเนซุเอลา อย่าง “นายนิโคลัส มาดูโร” ท่านก็ได้ออกมาเรียกร้องไว้อีกครั้ง ให้บรรดาพวกฝ่ายค้าน หรือพวกที่หันไปสนับสนุนประธานาธิบดีที่มาจากการแต่งตั้งตัวเอง อย่าง “นายฮวน กุยโด” เร่งเข้าร่วมกระบวนการเจรจาเพื่อหาทางประนีประนอมระหว่างผู้คนภายในชาติ เพื่อดำรงรักษาความเป็นชาติ และความเป็นอิสรภาพเท่าที่เคยมีมาตลอด 200 กว่าปี ให้สืบต่อไปให้จงได้ ด้วยคำพูดที่ว่า “ผมยังขอย้ำถึงข้อเรียกร้องที่จะให้เปิดการเจรจาระดับชาติ เพื่อนำไปสู่สันติภาพและเอกภาพของชาติอย่างไม่มีวันผันแปรไปเป็นอื่น ขออย่าได้มีความพยายามที่จะสมคบคิดการแสดงความโกรธเกรี้ยวใดๆ อีกต่อไป เลิกเสียเถอะ...สำหรับการเรียกร้องให้ต่างชาติแทรกแซงเวเนซุเอลาด้วยกำลังทางทหาร และแม้แต่การแทรกแซงทางการค้าใดๆ ก็ตาม...”

ซึ่งดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องคราวนี้...จะเริ่มได้รับการสนองตอบขึ้นมามั่งแล้ว สำหรับผู้นำฝ่ายค้าน หรือประธานาธิบดีที่มาจากการแต่งตั้งตัวเองอย่าง “นายฮวน กุยโด” ที่ได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่อง 24 ของฝรั่งเศส เมื่อช่วงวันศุกร์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่าพร้อมแล้วที่จะเริ่มนั่งโต๊ะเจรจากับ “นายมาดูโร” เพียงแต่อดไม่ได้ที่ยังคงต้องยืนกรานเอาไว้ว่า การประท้วงและการอาศัยกรรมวิธีทางการทูตกดดันรัฐบาล “มาดูโร” ยังคงต้องดำเนินสืบไป แต่อย่างน้อย...ก็ยังไม่ถึงกับต้องออกเดินสายเพื่อ “อัพเดตสถานการณ์”ให้กับพวกฝรั่งต่างชาติ ตามแบบฉบับ “ธนาธรแห่งเวเนซุเอลา” หรือ “กุยโดแบบไทยๆ” ที่เห็นว่าจะเริ่มออกเดินสายกันอีกไม่นานนับจากนี้...

อย่างไรก็ตาม...จะเป็นด้วยเหตุเพราะสถานภาพของ “นายกุยโด” ในทุกวันนี้ ออกจะเสื่อมโทรม ทรุดโทรมลงไปหรือไม่ อย่างไรก็มิอาจทราบได้ อย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า จากคะแนนนิยมที่เคยพุ่งขึ้นไปถึง 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มาถึง ณ ขณะนี้...หดลงไปเหลือแค่ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เอาเลยก็ไม่แน่ ขณะที่คะแนนนิยมของ “นายมาดูโร” ที่เคยอยู่แค่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ พุ่งสวนขึ้นไปถึง 40 กว่าๆ อันเนื่องมาจาก “ความเป็นชาติ” นั่นแหละเป็นตัวการสำคัญ คือขณะที่ “นายกุยโด” แกพยายามไปลากใครต่อใครมา “บุกเวเนซุเอลา” ให้จงได้ ชี้ชวน เชิญชวน กองทัพอเมริกา โคลัมเบีย บราซิล ให้ส่งกำลังทหารเข้ามาเล่นงานรัฐบาล “มาดูโร” ยุให้คุณพ่ออเมริกา “แซงชั่น” เวเนซุเอลาให้หนักๆ เข้าไว้ จนเหยื่อการแซงชั่น คือชาวเวเนซุเอลาด้วยกันเองนั่นแหละ ต้องหิวโหย อดอยากปากแห้ง ไม่มียารักษาโรค ต้องล้มตายกันไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40,000 คนเป็นอย่างน้อย ตามการสำรวจและวิจัยของหน่วยงานสหประชาชาติ อีกทั้งตัวเองก็ไม่ได้ดีเด่ สะอาดสดใส บริสุทธิ์กว่า “นายมาดูโร” มากมายสักเท่าไหร่ ยังมีข่าว “คอร์รัปชัน” เอาเงินบริจาคเพื่อความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ไปใช้ปรนเปรอความสุข ความงาม ไปกิน ไปเที่ยว ไปซื้อเสื้อผ้าหรูๆ มาแต่งองค์ทรงเครื่องให้เฉิดฉายพอๆ กับ “น้องช่อ” บ้านเราซะอีกต่างหาก...

ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง...เลยทำให้กระบวนการเจรจาประนีประนอม ระหว่างผู้คนในชาติเวเนซุเอลาด้วยกันเอง มันเลยเริ่มเห็นช่อง เห็นทาง เห็น “ความเป็นไปได้” ชัดเจนขึ้นมาบ้างแล้ว และที่สำคัญเอามากๆ ก็คือว่า...ผู้ที่อยาก “แทรกแซง” เวเนซุเอลาซะเหลือเกิน ไม่ว่าโดยกำลังทหาร หรือโดยวิธีอื่นๆ อย่างคุณพ่ออเมริกานั้น นับวันชักออกอาการ “เหี่ยวปลาย” ลงไปเรื่อยๆ แม้การเผด็จศึกรัฐบาล “มาดูโร” ด้วยกรรมวิธีทางทหาร จะยังคง “วางอยู่บนโต๊ะ” ของผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ตาม แต่โอกาสที่จะหันมาใช้กรรมวิธีที่ว่า นับวันจะลดน้อยถอยลงชนิดที่ “แทบเป็นไปไม่ได้” เอาเลย โดยเฉพาะเมื่อบรรดาประเทศที่พร้อมจะเป็นมิตรสหายกับ “นายมาดูโร” ไม่ว่ารัสเซีย-จีน-อิหร่าน-คิวบา ฯลฯ ต่างโดดเข้าไปช่วยประคับประคอง “ความเป็นชาติ” หรือ “อำนาจอธิปไตย” ของเวเนซุเอลากันคนละมือสองมือ จน “ยากส์ส์ส์” เอามากๆ ที่อเมริกาจะหันมาใช้วิธีนี้ แม้เป็นวิธีที่เคยใช้ๆ กับบรรดาประเทศในละตินอเมริกา หรือใน “สวนหลังบ้าน” ของตัวเองมาโดยตลอด...

สำหรับรัสเซียนั้น...ถ้าฟังจากคำพูด คำให้สัมภาษณ์ของรองรัฐมนตรีต่างประเทศ “นายSergey Ryabkov” คราวล่าสุด แม้รัสเซียยังไม่ถึงกับต้องส่ง “กำลังทหาร” เข้าไปประจำการในเวเนซุเอลาเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยข้อตกลงและพันธสัญญาตามตัวบทกฎหมายระหว่างประเทศ ระหว่างรัสเซียกับเวเนซุเอลา ก็ได้ส่งผลให้ประเทศละตินอเมริกาประเทศนี้ กลายสภาพเป็น “หมูเขี้ยวตัน” ไปแล้วอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าอุปกรณ์เครื่องไม้-เครื่องมือทางทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ถูกส่งเข้าไปยังประเทศเวเนซุเอลาโดยเร่งด่วน ไปจนถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า ที่ “พัฒนาไปถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ตามที่ประธานาธิบดีรัสเซีย “นายวลาดิมีร์ ปูติน” ได้ประกาศเอาไว้ขณะเดินทางไปเยือนประเทศอิตาลีเมื่อไม่กี่วันมานี้ การบุกเวเนซุเอลาของกองทัพอเมริกา ก็อาจไม่ต่างไปจากการ “ผูกคอตาย” ภายในสวนหลังบ้านของตัวเองเอาง่ายๆ...

ยิ่งโดยเฉพาะคุณพี่จีนด้วยแล้ว...ใครที่เคยได้อ่านข้อเขียน บทความ เรื่อง “China’s Front Door to America’s Backyard” หรือเรื่อง “ประตูหน้าของจีนไปยังสวนหลังบ้านอเมริกา” โดย “นายDon Giolzetti” นักวิเคราะห์นโยบายจีนของ “CNN” ในเว็บไซต์ “The Diplomat” เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คงพอนึกภาพออกได้บ้างว่า การนำเอาวิธีการเก่าๆ ไม่ว่าการแทรกแซงด้วยกำลังทหาร การก่อการรัฐประหาร หรือแม้แต่การใช้อำนาจผูกขาดตัดตอนทางเศรษฐกิจ ฯลฯ มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการพื้นที่สวนหลังบ้านของอเมริกา หรือบรรดาประเทศละตินอเมริกาทั้งหลาย อย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด นับวันชักเป็นอะไรที่มีแต่จะลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ “อำนาจอย่างอ่อน” (Soft Power) ของจีน ได้เริ่มปรากฏตัวให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นทุกที ไม่ว่าในเวทีการประชุม “China-CELAC forum” ระหว่างจีนกับบรรดาประเทศ “LAC” หรือประเทศในภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 โน่นเลยที่เม็ดเงินลงทุนประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์ของจีน เริ่มถูกแพร่กระจายเข้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้...

ส่งผลในอีก 2 ปีต่อมา...ไม่เพียงประเทศ อย่างปานามา โดมินิกัน เอลซัลวาดอร์ ฯลฯ หันมายึดถือนโยบาย “จีนเดียว” ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับ “ไต้หวัน” กันไปเป็นแผงๆ จนทุกวันนี้...อีก 15 ประเทศในภูมิภาค “LAC” ยังหันมาเซ็นข้อตกลง “MOU” พร้อมที่จะสนับสนุนโครงการ “BRI” หรือ “เส้นทางสายไหมใหม่” ของจีน เพื่อให้ทอดยาวเข้ามายังสวนหลังบ้านอเมริกาแบบชนิดเป็นรูพรุนกันไปเป็นแถบๆ ปานามานั้น...นอกจากกำลังคิดลงทุนสร้างรถไฟฟ้าด้วยเงินกู้จากจีน ยังพร้อมเปิดทางให้บริษัทเดินเรือ “COSCO” (Chinese Oversea Shipping) ของจีนเข้ามามีส่วนร่วมบริหาร ช่องทางเดินเรือที่มีความสำคัญอันดับ 3 ของโลกและช่องทางที่อเมริกาเคยมีบทบาทอิทธิพลสูงสุดมาโดยตลอด อย่าง “ช่องแคบปานามา” ที่เป็นตัวเชื่อมโยงมหาสมุทรแอตแลนติกกับแปซิฟิก อีกด้วยต่างหาก ขณะที่บราซิลกำลังถูกหวย ถูกลอตเตอรี่ อันเนื่องมาจากด้วยเหตุเพราะ “สงครามการค้า” ระหว่างอเมริกากับจีน ส่งผลให้จีนเลยหันมาซื้อ “ถั่วเหลือง” จากบราซิลและจากอีกหลายประเทศในละตินอเมริกากันเป็นกะตั๊กๆ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่ทำให้การบีบบังคับให้ชาติใด-ชาติหนึ่ง ต้องยอมก้มหัวศิโรราบให้กับชาติใด-ชาติหนึ่ง ไม่ว่าด้วยข้ออ้างว่าด้วยเสรีภาพ ความเป็นประชาธิปไตยใดๆ ก็แล้วแต่ กำลังกลายเป็นสิ่งที่ “พ้นสมัย” ไปแล้วอย่างมิอาจปฏิเสธได้...


กำลังโหลดความคิดเห็น