xs
xsm
sm
md
lg

"แรมโบ้"หลุดคดี แกนนำเสื้อแดงน้ำท่วมปาก!?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**หลายคนที่อยู่ในวงการกฎหมาย มองเห็นในทางเดียวกันการที่ "สุภรณ์ อัตถาวงศ์" หรือ "แรมโบ้อีสาน" อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลุดคดีที่ถูกฟ้องเป็นหนึ่งในจำเลยคดีก่อความวุ่นวายในการชุมนุม ระหว่างประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่เมืองพัทยา เมื่อปี 2552 เนื่องจากคดีขาดอายุความนั้น จะว่าไปแล้วเป็นเพียงเทคนิกทางกฎหมายพื้นๆ เท่านั้น แม้ว่าอาจจะมีกำลังภายในจากอำนาจรัฐเข้ามาเกื้อหนุนด้วยหรือไม่ ก็ว่ากันไป อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
แต่สำหรับคนอื่นๆ ที่ตกเป็นจำเลยพร้อมๆกัน อย่างพวกแกนนำคนเสื้อแดงรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดิษร เพียงเกษ เหวง โตจิราการ จักรภพ เพ็ญแข (หลบหนี) เป็นต้น ที่ตกเป็นจำเลยในคดีเดียวกัน คงต้องตีอกชกหัว ได้แต่เจ็บใจตัวเองทำนองว่า "ทำไมคิดไม่ได้วะ" อะไรประมาณนี้ หรือเปล่า
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือน "น้ำท่วมปาก" บางครั้งมันก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะจะเข้าตัวเอง เพียงแต่หากพิจารณาจากความเป็นจริงที่มองเห็นกันอยู่ และความเข้าใจที่สังคมมองออก มันก็สามารถอธิบายเรื่องราวและเส้นทางความเป็นมาของคดีนี้ได้ดีไม่น้อย
แน่นอนว่าสำหรับ "สุภรณ์ อัตถาวงศ์" แล้ว แม้ว่าจะสามารถหลุดคดีดังกล่าวไปได้ เนื่องจากขาดอายุความไปเสียก่อน จากสาเหตุที่อัยการไม่สามารถนำตัวส่งฟ้องได้ทันตามกำหนด ภายในวันที่ 11 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าเขายังมีคดีอาญาอื่นๆ ติดตัวอีกหลายคดี ซึ่งก็คงต้องว่ากันเป็นกรณีไป แต่เมื่อหลุดคดีนี้ไปได้ ก็ต้องถือว่าโล่งไปได้เปลาะหนึ่งเหมือนกัน
เพราะที่ผ่านมามีจำเลยอีกชุดหนึ่ง มีแกนนำหลายคนที่ถูกพิพากษาจำคุกไม่น้อยกว่าคนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญามาแล้วก่อนหน้านี้ แม้ว่าคดียังไม่จบ ยังอุทธรณ์ ฎีกา ก็ต้องว่ากันไปตามลำดับ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นๆ อีกบางอย่างสำหรับคดีในลักษณะเดียวกันนี้ ที่อาจทำให้บรรดาแกนนำ โดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดง อยู่ในภาวะ "น้ำท่วมปาก" ไม่อาจโวยวายได้เต็มที่ อยากมากก็อาจแค่ "ตัดพ้อ" กันพอหอมปากหอมคอ เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นกับ "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงศ์ คนนี้ ที่มีบางคนพยายามเสียดสี มีเจตนากล่าวหาให้เข้าใจว่า เป็นเพราะ "ย้ายคอก" ย้ายค่าย มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ก็เลยรอดอะไรประมาณนี้ ก็อาจมองเห็นภาพคล้อยตามแบบนั้นก็ได้ จริงไม่จริง ไม่รู้
แต่ขณะเดียวกันที่น่าสังเกตก็คือ หากพิจารณาจากช่วงระยะเวลาของการเกิดคดี โดยเฉพาะที่เรียกกันว่า "คดีล้มประชุมอาเซียน" ที่พัทยาดังกล่าวนั้น มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 52 แต่หากตรวจสอบวันเวลาที่เริ่มมีการส่งฟ้องจำเลยทั้งหมด ก็ล่วงเข้าปี 60 ไปแล้ว ใช้เวลาในการทำคดีนานถึงกว่า 8 ปี คำถามก็คือ ทำไมมันใช้เวลานานขนาดนั้น ซึ่งหากให้ตอบ ก็ต้องตอบมีข้อสงสัยกลับไปเช่นเดียวกันว่า มันก็ใช้เทคนิกทางกฎหมายในการ "ยื้อ" เช่นเดียวกัน
**ที่สำคัญในช่วงเวลานั้น "ใครเป็นรัฐบาล" รัฐบาลพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช่หรือเปล่า
เพราะจากการแถลงของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะจากฝ่ายอัยการ ทำให้สามารถสรุปความได้ว่า "ได้รับสำนวนคดีมาดำเนินการต่อ ก็เป็นช่วงหลังเกิดเหตุถึง 8 ปีกว่า" นั่นก็ย่อมหมายความว่า ก่อนหน้านั้นคดีก็ต้องอยู่ในชั้นสอบสวนของตำรวจ ซึ่งตอนนั้นจะมีพวก "มะเขือเทศ" ปะปนอยู่มากน้อยแค่ไหน ก็ลองหลับตานึกภาพดูเอาก็แล้วกัน... และอีกคำถามต่อมาก็คือ ในช่วงเวลา 8 ปีดังกล่าวนี่แหละ มีการใช้อำนาจรัฐเข้าไปช่วยเหลือยื้อคดีในชั้นสอบสวนหรือไม่
หากพิจารณากันตั้งแต่ต้น คือหลังจากเกิดเหตุเมื่อปี 2552 และทางฝ่ายอัยการยืนยันว่า ได้รับสำนวนคดีนี้มาหลังเกิดเหตุนานกว่า 8 ปี นั่นก็แสดงว่า คดีนี้เริ่มเดินอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปี มานี้เอง ซึ่งก็คือในยุครัฐบาลคสช. ในยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่แหละแต่ก่อนหน้านั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต่อเนื่องกันที่มีอำนาจรัฐมาอย่างต่อเนื่อง
**ดังนั้น ถึงได้บอกว่าการที่ "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงศ์ พ้นคดีล้มเวทีประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยา เมื่อปี 52 เนื่องจากขาดอายุความนั้น บรรดาแกนนำเสื้อแดงคนอื่นคงไม่กล้าอิจฉา คงได้แต่ตีอกชกหัว เจ็บใจตัวเอง ที่มองข้ามเทคนิกทางกฎหมายในขั้นตอนสุดท้าย ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เพราะในเมื่อที่ผ่านมา คดีล่าช้ามาได้นานถึง 8 ปี กว่าจะเริ่มพิจารณาสำนวนส่งฟ้อง ทั้งที่เคยทำทุกอย่าง ทั้งขอความเป็นธรรม ขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี หรือแม้ในที่สุด ก็ต้องออกหมายจับ และตำรวจก็ตามจับไม่ได้ จนหมดอายุความดังกล่าว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น