xs
xsm
sm
md
lg

วิเคราะห์อาการทางจิตของ “ทรัมป์บ้า” อย่างเป็นระบบ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
ปิดฉากสัปดาห์นี้...เห็นทีคงต้องลองไปสำรวจตรวจสอบอย่างจริงๆ จังๆ หรืออย่างเป็นระบบกันซะที ว่าผู้นำอเมริกาอย่างประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” นั้น ท่านมีลักษณะอาการอย่างที่ท่าน “ฮัสซัน โรฮานี” (Hassan Rouhani) ประธานาธิบดีอิหร่านท่านใช้คำเรียกว่า “Mental Disorder” หรือออกไปทาง “บ้า” จริงๆ หรือไม่???...

เพราะขนาดเพิ่งประกาศตัวเองเป็นพวก “พิราบ” อยู่หยกๆ หรือแค่ไม่กี่ชั่วโมง หลังสั่งยกเลิกแผนปฏิบัติการโจมตีอิหร่านแบบหวุดๆ หวิดๆ ชนิดเล่นเอาบรรดาที่ปรึกษาความมั่นคงรอบข้าง หรือบรรดาพวก “เหยี่ยว” ทั้งหลาย ต้องหงายเงิบกันไปเป็นแถบๆ แต่ก็เอาอีกแล้ว...ขณะให้สัมภาษณ์ตอบข้อซักถามรายการโทรทัศน์ “Fox Business Network” เมื่อช่วงวันพุธ (26 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ก็ออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดังฟังชัด ว่า “ความขัดแย้งทางทหาร” ระหว่างอเมริกาและอิหร่าน คงต้องมีข้อสรุปอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล โดยถ้าหากเกิดขึ้น ก็คงไม่ถึงกับยืดเยื้อและไม่มีการส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าไปดินแดนอิหร่านแต่อย่างใด...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...กลับไปส่งเสียงคำราม ขู่ฟ่อด ขู่ฟ่อ ว่าอาจมีสิทธิ์ “โจมตีทางยุทธวิธี” ต่ออิหร่านเหมือนเดิมๆ อีกนั่นแหละ โดยถ้าหากอิหร่านยังไม่คิดเจรจากับอเมริกา หลังจากถูก “ยกตีนลูบหน้า” คราวแล้ว คราวเล่า จนกระทั่งครั้งล่าสุดที่ประกาศแซงชั่นตัวบุคคล อย่างผู้นำทางจิตวิญญาณอันเป็นที่เคารพ ศรัทธาสูงสุดของชาวอิหร่าน อย่างท่าน “อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี” (Sayyid Ali Hosseini Khamenei) ซึ่งโดยลักษณะอาการเช่นนี้ ถ้าพูดกันแบบบ้านๆ แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรมาก มันก็น่าจะออกไปทาง “บ้า” หรือ “โรคจิต” อย่างที่ผู้นำอิหร่านท่านว่าเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ...

แต่ถ้าลองมองให้ลึกๆ มองอย่างพยายาม “เข้าถึง-เข้าใจ” ให้มากๆ เข้าไว้...อาการโรคจิต หรืออาการบ้าของ “ทรัมป์บ้า” ก็ออกจะมีที่มา-ที่ไป ที่น่าเห็นอก-เห็นใจ หรือน่าจะพอ “เข้าใจได้” อยู่พอสมควรเหมือนกัน คือสรุปง่ายๆ ว่า...เมื่อมาถึงจุดนี้ มาถึง ณ วินาทีนี้ ด้วย “ความโดดเดี่ยว-โฮมอโลน” ของจักรวรรดินิยมอย่างอเมริกานั่นเอง ทำให้ประเทศที่ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรสังหาร” หรือประเทศที่ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังอำนาจทางการทหารมาโดยตลอด คงต้องหาทาง “ทำอะไรสักอย่าง” เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของตัวเองกลับมาคืนมาใหม่ได้อีกครั้ง ส่วนจะ “Great Again” หรือ “Dead Again” หรือไม่? อย่างไร? อันนั้นคงต้องไปว่ากันอีกที...

เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว...บรรดา “พันธมิตร” ที่พร้อมจะลากหัว ลากหาง เดินตามอเมริกาในทุกๆ ฝีก้าว มันแทบไม่เหลือ หรือเหลืออยู่น้อยเต็มที เหลือแค่อิสราเอลที่ก็ยังไม่รู้เอาเข้าจริงๆ แล้ว ใครลากใครกันแน่??? หรือ “สุนัขพูเดิล” อย่างอังกฤษ ที่ก็กรอบเป็นข้าวเกรียบ หาทางออก ทางไปของประเทศตัวเองยังไม่เจอ ในกรณีเบร็กส่ง เบร็กซิต ที่ใกล้ถึงเส้นตายเข้ามาทุกทีเรียกว่าบรรดา “พันธมิตรในตะวันออกกลาง” ที่พร้อมจะไปไหน-ไปกันกับอเมริกาในทุกวันนี้ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ แม้แต่ซาอุดีอาระเบีย ที่เคยคิดตั้งตัวเป็นแกนหลัก แกนนำของ “อาหรับ-นาโต” แต่จากการประชุมกลุ่มประเทศสันนิบาตอาหรับคราวล่าสุด ยังไงๆ...คงหนีไม่พ้นต้องยืนหยัดอยู่กับประเด็นว่าด้วย “ความเป็นเอกราชของปาเลสไตน์” อย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น อันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับ “แผนสันติภาพ” หรือ “แผนแห่งศตวรรษ” ของอเมริกาและอิสราเอลโดยสิ้นเชิง...

กระทั่งพันธมิตรอย่างยูเออี หรือสหพันธรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ที่ผู้นำรายสำคัญของประเทศอย่างมกุฎราชกุมาร “MbZ” (Mohammed bin Zayed Al-Nahyan) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบรรดาพวก “B-Team” ที่อยากลากกองทัพอเมริกันมาถล่มอิหร่านชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร แต่ในการแถลงข่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศยูเออีคราวล่าสุด (26 มิ.ย.) หลังพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่กรุงมอสโกได้ให้ข้อสรุปแบบชัดเจน ว่ายูเออียังไม่พร้อมที่จะตั้ง “ข้อกล่าวหา” ประเทศหนึ่ง-ประเทศใดว่าอยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมเรือสินค้าในบริเวณอ่าวเปอร์เซีย อย่างที่อเมริกาและซาอุฯ พยายายามยืนหยัด ยืนยัน ว่าเป็นฝีมือของอิหร่านมาโดยตลอด ด้วยเหตุเพราะ “เรายังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ไม่อาจโต้แย้งได้ว่า...ใครคือผู้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้” หรือพูดง่ายๆ...ไม่ถึงกับเอาด้วย หรือ “เห็นควรด้วย” ไปกับคุณพ่ออเมริกาในทุกเรื่อง ทุกกรณีนั่นเอง...

ไปจนถึงประเทศที่อาจถูกใช้เป็น “ฐานปฏิบัติการ” ในการโจมตีอิหร่าน อย่างอิรักเป็นต้น แม้จะมีทหารอเมริกันประจำการอยู่จำนวนถึง 5,000 คน รวมทั้งกำลังที่พยายามเพิ่มเติมเข้ามาอย่างเป็นระลอก แต่ด้วยคำยืนยันอย่างสุดแสนจะหนักแน่นของประธานาธิบดีอิรัก “นายBarham Salih” ต่อสำนักข่าว CNN เมื่อวันพุธ (26 มิ.ย.) ที่ผ่านมาว่า “อิรักจะไม่ยอมให้ประเทศใดใช้พื้นที่ของประเทศเป็นฐานปฏิบัติการสร้างความเป็นปรปักษ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิหร่านโดยเด็ดขาด” ก็ยิ่งเท่ากับสะท้อนให้เห็นถึงอาการ “โฮมอโลน” ของคุณพ่ออเมริกายิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

ยิ่งถ้าหากเลยไปถึงภูมิภาคอื่นๆ...ยิ่งน่าโหวงๆ เหวงๆ เข้าไปใหญ่ ไม่ว่าพันธมิตรทางยุทธศาสตร์อย่างอินเดีย ที่ถือเป็นหัวหอกรายสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิก” แม้รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายไมค์ ปอมเปโอ” จะลงทุนไป “ขู่” ถึงบ้านเมื่อช่วงวัน-สองวันมานี้ ห้ามไม่ให้ซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ “S-400” จากรัสเซีย แต่จากคำยืนยันของรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย “นายSubrahmanyam Jaishankar” อินเดียก็ยังพร้อมที่จะเดินหน้าไปตาม “ผลประโยชน์แห่งชาติ” ของตัวเอง ไม่เพียงแต่กรณี “S-400” เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการปกป้องผลประโยชน์ของอินเดีย หากต้องเจอกับ “สงครามการค้า” กับอเมริกาแบบเดียวกับที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนกำลังเจอๆ อยู่ในทุกวันนี้เช่นเดียวพันธมิตรนาโต อย่างตุรกี...ที่ไม่ว่าจะเทียวไล้ เทียวขื่อ เทียวขู่ไปถึงขั้นไหน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี “นายMevlut Cavusoglu” ก็ยังคงให้คำตอบไม่ต่างไปจากเดิม คือพร้อมจะซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ “S-400” จากรัสเซียอย่างไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง แม้อเมริกาจะไม่ยอมส่งมอบเครื่องบินรบ “F-35” ให้กับตุรกีตามสัญญาซื้อ-ขายที่ทำกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ หรือแม้แต่อเมริกาคิดจะลงโทษตุรกีในทางเศรษฐกิจด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม...

กระทั่งแกนนำรายสำคัญของยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิก” อย่างญี่ปุ่น เจ้าภาพการประชุม G20 คราวนี้ การอาศัยการแข่งขันระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นเครื่องถ่วงดุล เป็นตัวปิดล้อมจีน ที่เคยดำเนินต่อเนื่องมาโดยตลอด มาในช่วงหลังๆ บรรยากาศทำนองนี้ มันแทบ “หายเกลี้ยง” ไปแถบๆ ชนิดไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ที่จีนกับญี่ปุ่นดันหันมาจับมือร่วมลงทุนในประเทศที่ 3 หรือในโครงการ “EEC” บ้านเรา อย่างเป็นเนื้อ เป็นหนัง เหมือนช่วงหลังๆ นี้ ด้วยความโหวงเหวง ความโดดเดี่ยวโฮมอโลน ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ประมุขโลกหรือจักรวรรดิโลกอย่างอเมริกาเลยคงต้องหาทาง “ทำอะไรสักอย่าง” ก่อนที่จะแห้งเหี่ยว หัวโต หรือต้อง “Dead Again” แทนที่จะ “Great Again” อย่างที่ผู้นำอเมริกาหวังและปรารถนาเอาไว้เช่นนั้น การอาศัยพลังอำนาจเท่าที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะด้วย “เงินดอลลาร์อเมริกัน” ที่ชักจะเสื่อมค่าลงไปทุกที หรือไม่งั้นก็ด้วย “กองทัพอเมริกัน” ที่ยังคงพอมีฤทธิ์ มีเดชอยู่ไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าจะ “บ้า...ก็...บ้าวะ” หรือไม่ว่าจะบ้าแบบไหน อย่างไรก็ตามที แนวโน้มที่รัฐบาลอเมริกันพยายามหาทาง “แก้ไขความผิดพลาดอย่างมหันต์ ด้วยความผิดพลาดอย่างอภิมหามหันต์” ดังที่นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันเองได้เคยทำนายเอาไว้ ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...


กำลังโหลดความคิดเห็น