xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯยาว "เพื่อแม้ว"เจ็บใจยากจะลืม !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**เชื่อหรือไม่ว่า บรรยากาศการเมืองที่หลังเลือกตั้งแล้วการจับขั้วเพื่อแข่งขันกันจัดตั้งรัฐบาลที่คู่คี่ สูสี อย่างที่เห็นในตอนนี้ เพิ่งมีให้เห็นเป็นครั้งแรก หรือรัฐบาลผสมในลักษณะแบบนี้ และที่สำคัญในการเลือกตั้งคราวนี้ เป็นครั้งแรกที่พรรคการเมืองในเครือข่ายของ "ทักษิณ ชินวัตร" ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน และมิหนำซ้ำบรรดาแกนนำพรรคระดับหัวแถว ต่างไม่ได้เป็น ส.ส.เลยแม้แต่คนเดียว
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ถือว่าเป็น "เผด็จการ" คนแรก ที่สามารถกุมอำนาจในฐานผู้นำฝ่ายบริหาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 ปีแล้ว และกำลังแปลงสถานะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านการโหวตของสมาชิกรัฐสภา แม้ว่าจะโดนค่อนขอด โจมตี ว่าเป็น"ประชาธิปไตยอำพราง" หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นั่นก็เป็นเพียงเสียงโจมตีจากการเมืองขั้วตรงข้าม ที่ลงแข่งขันตั้งแต่แรกทุกขั้นตอน แต่ก็พ่ายแพ้ กลายเป็นฝ่ายค้านในตอนนี้
พวกเขากล่าวหาว่าเป็น "กติกาเอาเปรียบ" ก็ว่ากันไป แต่ต้องไม่ลืมว่าในตอนที่กำลังจะลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน คือ ฉบับปี 2560 เครือข่ายของระบอบทักษิณ ทั้งพรรคเพื่อไทย และในรูปแบบของมวลชนในสังกัดอย่างคนเสื้อแดง ก็เคยรณรงค์ต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างเต็มที่ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย แต่ก็ต้านไม่อยู่ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า ส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านประชามติด้วยเสียงท่วมท้น นั้นก็เป็นเพราะความนิยมส่วนตัว ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีส่วนอยู่ไม่น้อย นอกเหนือจากบทบัญญัติหลายหมวด หลายมาตรา ที่มีความก้าวหน้าและเข้มงวดในด้านจริยธรรมของนักการเมือง ที่เพิ่มมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550
เมื่อวกกลับมาที่บรรยากาศการเมืองที่กลายมาเป็นแบบ "สูสี"ในเวลานี้ ซึ่งไม่เคยปรากฏให้เห็นในรอบเกือบสามสิบปี เพราะที่ผ่านมาฝ่าย "ระบอบทักษิณ" มักจะชนะเลือกตั้งแบบขาดลอยทุกครั้ง ไม่ว่าจะส่งใครก็ตามก็ชนะในแบบที่เรียกว่า "นอนมา" เสมอ แต่คราวนี้ผิดคาด จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ หรือเป็นเพราะความผิดพลาดในพรรคไทยรักษาชาติ หรือ "ฮ่องกงเอฟเฟกต์ " ก็ว่ากันไป แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ทำให้พรรคเพื่อไทย และพรรคพันธมิตรในเครืองข่ายจัดตั้งรัฐบาลได้ จนต้องไปเป็นฝ่ายค้านอย่างที่เห็น
**เมื่อสภาพการเมืองเป็นแบบนี้ มองในมุมที่หลายคนมองข้ามไปนั่นคือ การเมืองไทยกำลังกลับมาสู่สภาพ "ความสมดุล" อีกครั้ง ซึ่งหากมองในแง่บวก มันก็จะทำให้ระบบการ "ถ่วงดุล" กลับมาทำงานได้อยางมีพลังได้อีกครั้ง หลังจากการเมืองไทยอยู่ในระบบการ "ผูกขาด" หรือเสียงข้างมากลากไป นานนับสิบปี
สำหรับรัฐบาลผสม ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีเสียงปริ่มน้ำ มองในด้านเสถียรภาพความมั่นคงแล้ว หากมองจากตัวเลขแล้วต้องยอมรับว่า อาจมีน้อย และน่าหวาดเสียวตลอดเวลา แต่อีกด้านหนึ่งรัฐบาลแบบนี้หากต้องการให้ไปรอด อยู่ยาว มีทางเดียวก็ต้องมีเอกภาพ ทำงานเป็น มีผลงานเข้าตาชาวบ้านเท่านั้น และที่สำคัญต้องไม่มีเรื่องทุจริต การเล่นพรรคเล่นพวก หรือมีเรื่อง "ยี้"ให้เห็นจนน่ารำคาญใจ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ บทบาทฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทย ที่ถือว่าเป็นบทบาทใหม่ที่ไม่คุ้นชิน เพราะไม่ได้ทำหน้าที่แบบนี้มานานจนแทบจะเรียกว่ามือไม้ปั่นป่วนกันเลยทีเดียว อีกทั้งบรรดาระดับบิ๊กเนม ในพรรคเพื่อไทยต่างก็ล้วนไม่ได้เป็น ส.ส. ที่เห็นอยู่ในเวลานี้ล้วนเป็นพวกระดับ "แถวสอง แถวสาม" ทั้งสิ้น หลายคนก็เป็นมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ในสภา และต้องไม่ลืมว่า "พูดมาก" ย่อมไม่ใช่พูดเก่ง
แม้กำลังจับตาว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ จะเป็น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะมาแทน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคคนเก่าที่ไม่ได้เป็น ส.ส.เพื่อมาทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน เพราะไม่ว่าใครก็ถือว่าเป็น "มวยรอง" ทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องถูกดันหลังขึ้นเวทีด้วยความจำเป็น หลังจากระดับ "ดาวสภา"ไม่ได้เข้าสภา
**ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากบทบาทใหม่ในฐานะเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากพวก "มือใหม่" ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอย่าง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กุมอำนาจรัฐมายาวนานต่อเนื่อง มันก็ได้แต่เจ็บปวด นั่งมองตาปริบๆ โดยเฉพาะ"นายใหญ่" ที่เวลานี้ถึงเก็บตัวเงียบ ปิดการสื่อสารทางโซเชียล เงียบกริบ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น