วานนี้ (20มิ.ย.) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ นำตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สนับสนุนญัตติของ นพ.ระวี ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากรณีการต่อสัญญาสัมปทานให้กับ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตามที่ นพ.ระวี ได้เสนอเป็นญัตติด่วนไปแล้ว เพื่อให้เกิดความรอบคอบ และป้องกันไม่ให้ประเทศชาติ ประชาชนได้รับความเสียหาย โดยนายชวน ได้รับเรื่องไว้แล้ว
นพ.ระวี กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในเรื่องดังกล่าว น่าจะดำเนินการได้ปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า โดยได้รับแจ้งจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า องค์ประกอบในกรรมาธิการฯ จะต้องมีตัวแทนจากรัฐบาลด้วย ดังนั้นจึงต้องรอการตอบรับจากฝ่ายรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้มีการตั้งกรรมาธิการชุดนี้โดยเร็ว เพื่อหาทางออกกรณีค่าโง่ทางด่วน และศึกษาการขยายสัมปทานทางด่วน ขั้นที่ 2 ที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จะต้องชดเชยให้บริษัททางด่วน และรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อแลกกับการจ่ายค่าชดเชย มูลค่า 4.3 พันล้านบาท ในคดีที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย.61 ซึ่งการทางพิเศษฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 3 แสนบาท แม้จะยังไม่มีการจ่ายเงินในขณะนี้ แต่ถ้ายิ่งล่าช้าออกไป ความเสียหายก็จะมากขึ้น จึงคิดว่ากรอบเวลาการศึกษาของ กรรมาธิการไม่ควรเกินสามเดือน เพื่อนำผลการศึกษา ส่งมอบให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ โดยในระหว่างนี้ตนจะยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้ชะลอการตัดสินใจตามที่มีการเสนอให้ขยายสัญญาสัมปทาน 30 ปี ให้กับ BEMแลกกับการยุติข้อพิพาทในคดีต่างๆ ออกไปก่อน โดยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งตนจะได้เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อได้รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม ด้วย เพื่อจะได้เสนอแนวทางให้รัฐบาลรอผลการศึกษาจากมธ.ฯ ชุดนี้ก่อน
นพ.ระวี กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในเรื่องดังกล่าว น่าจะดำเนินการได้ปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า โดยได้รับแจ้งจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า องค์ประกอบในกรรมาธิการฯ จะต้องมีตัวแทนจากรัฐบาลด้วย ดังนั้นจึงต้องรอการตอบรับจากฝ่ายรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้มีการตั้งกรรมาธิการชุดนี้โดยเร็ว เพื่อหาทางออกกรณีค่าโง่ทางด่วน และศึกษาการขยายสัมปทานทางด่วน ขั้นที่ 2 ที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จะต้องชดเชยให้บริษัททางด่วน และรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อแลกกับการจ่ายค่าชดเชย มูลค่า 4.3 พันล้านบาท ในคดีที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย.61 ซึ่งการทางพิเศษฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 3 แสนบาท แม้จะยังไม่มีการจ่ายเงินในขณะนี้ แต่ถ้ายิ่งล่าช้าออกไป ความเสียหายก็จะมากขึ้น จึงคิดว่ากรอบเวลาการศึกษาของ กรรมาธิการไม่ควรเกินสามเดือน เพื่อนำผลการศึกษา ส่งมอบให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ โดยในระหว่างนี้ตนจะยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้ชะลอการตัดสินใจตามที่มีการเสนอให้ขยายสัญญาสัมปทาน 30 ปี ให้กับ BEMแลกกับการยุติข้อพิพาทในคดีต่างๆ ออกไปก่อน โดยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งตนจะได้เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อได้รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม ด้วย เพื่อจะได้เสนอแนวทางให้รัฐบาลรอผลการศึกษาจากมธ.ฯ ชุดนี้ก่อน