xs
xsm
sm
md
lg

"ลุงตู่" 2/1 จบเร็ว ลุ้นหลังอาเซียนซัมมิต ยุบสภาล้างไพ่ใหม่ !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

** นาทีนี้จะว่าไปแล้วถือว่าการฟอร์มรัฐบาลผสม 10 พรรค ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรี หรือที่เรียกว่า รัฐบาล"ลุงตู่2/1" เสร็จเรียบร้อยในภาพรวมๆไปแล้ว เหลือเพียง "ลูกงอแง" ต่อรองในรายละเอียดแบบน่ารำคาญบ้างเท่านั้น ในช่วงที่ยังพอมีเวลาให้มีการเคลื่อนไหวป่วนก่อนที่จะมีการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ
แน่นอนว่าด้วยองค์ประกอบของรัฐบาลใหม่ที่ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค มีเสียงปริ่มน้ำ นั่นคือเมื่อรวบรวมเสียงแล้วมีเสียงเกินเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร 251 เสียงเพียง 2-3 เสียงเท่านั้น นั่นคือรัฐบาลมีเสียงรวมกัน ราว 254 เสียง ถือว่า"ปริ่มน้ำ" อย่างมาก ซึ่งรัฐบาลลักษณะนี้ จะต้องมีเอกภาพเท่านั้นถึงจะอยู่ได้นาน
แต่สภาพความเป็นจริงในเวลานี้ทุกอย่างกลายเป็นตรงกันข้าม แทบทุกพรรคล้วนมีความแตกแยก รวมกลุ่มกดดันเพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยหลายคนเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งรัฐมนตรีที่ตัวเองอยากไปนั่ง ก็ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม มีแบ็กกราวด์ไม่โปร่งใส อย่างไรก็ดี ในเมื่อมีตัวเลือกจำกัด และเสียงสนับสนุนที่ปริ่มน้ำดังกล่าว มันก็เอื้อให้เกิดการต่อรอง กดดัน ได้ตลอดเวลา เพราะทุกเสียงย่อมเป็น"ตัวแปร" มีผลทำให้รัฐบาลไปต่อ หรือล่มสลายได้โดยพลันก็ได้
เหมือนกับที่เห็นในเวลานี้ ที่ภายในพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่ยังเคลื่อนไหวต่อรองเก้าอี้กันไม่หยุด ซึ่งมีทั้งในพรรคแกนนำ อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่มีกลุ่มก๊วนภายในสารพัดอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรี หรือแม้แต่บางพรรคที่มีเสียง ส.ส.อยู่แค่หนึ่งถึงสองที่นั่ง ก็ยังอ้างเหตุผลเพื่อขอเก้าอี้รัฐมนตรี
**ด้วยสภาพความเป็นจริงแบบนี้ ย่อมมีผลต่อเถียรภาพของรัฐบาลผสม ที่บริหารงานได้ลำบาก เพราะจะเกิดรายการป่วนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีภาวะผู้นำสูงส่งแค่ไหนก็ตาม มันก็จะหาความราบรื่นได้ยาก
แน่นอนว่าหากผ่านพ้นเรื่องการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ได้สำเร็จก็ตาม ต้องไปเจอด่านทดสอบสำคัญในสภาผู้แทนราษฎรในระยะอันใกล้นี้ก็คือ การพิจารณา ร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ถือว่าเป็นไฟต์บังคับ ต้องนำเข้าสภา และจะเป็นการพิสูจน์เอกภาพของรัฐบาลผสมของลุงตู่ ครั้งสำคัญ เพราะถ้าไม่ผ่าน นายกฯ ก็มีทางเลือกสองทาง คือไม่ลาออกก็ยุบสภา แม้ว่าหากพิจารณาในภาพรวมแล้วก็ยังมั่นใจว่า โอกาส "ผ่าน" จะมีมากกว่า "ไม่ผ่าน" ก็ตาม เพราะเชื่อว่าหากมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองก็ต้องยกมือให้ผ่าน เนื่องจากเวลานี้ ถือว่ามีความล่าช้าไปมากแล้ว แต่เชื่อว่าก็ต้องมีเรื่องให้ต้องลุ้น หรือมีเรื่องให้น่ารำคาญใจกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
ด้วยสภาพเท่าที่เห็น ไม่ว่ามองในมุมไหน หากไม่ใช่โลกสวยก็ต้องยอมรับความจริง "อยู่ไม่ยืด" เพียงแต่ว่าจะกี่เดือนเท่านั้น ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ทางอารมณ์ของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แม้ว่าจะมีการประกาศว่าจะ "ปรับตัว"ไปมากแค่ไหนก็ตาม ก็เชื่อว่าคง "ทนกับสภาพแบบนี้ไม่นาน" เพียงแต่ว่าในเวลานี้ เหมือนกับกัดฟันเพื่อป้องกันแรงกระเพื่อมไปมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ลากมาจนเป็นนายกฯได้เกือบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
และที่สำคัญในช่วงเวลานี้ยังมี "งานใหญ่" รออยู่ข้างหน้า นั้นคือภารกิจในฐานประธานอาเซียน และที่พลาดอีกไม่ได้เป็นอันขาดก็คือการ "ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน" ในช่วงวันที่ 20-23 มิถุนายนนี้ ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี
**อย่างไรก็ดี หลังจากผ่านการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนไปแล้วนี่สิมันน่าจับตา เพราะเชื่อว่าในช่วงเวลานั้น จะมีแรงกดดันใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกรอบ ในเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี แม้ว่าถึงอย่างไรน่าจะลากยาวไปจนถึง ร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 เข้าสภาไปก่อน ถึงตอนนั้นแหละต้องจับตามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะหากไม่ผ่าน หรือเห็นว่า"ท่าไม่ดี" ก็อาจมี การชิงยุบสภาล้างไพ่กันใหม่ เพราะถึงอย่างไร "ลุงตู่" ก็ยังได้เปรียบอยู่ดี เนื่องจากส.ว. 250 คน ยังอยู่ รวมไปถึงในช่วงเวลานั้น กรณีปมถือหุ้นต้องห้ามของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คงมีการชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว หากผลออกมาเป็นลบ ก็รู้ว่าใครจบเห่
ดังนั้น เมื่อพิจารณากันตามสถานการณ์ หากให้เดากันล่วงหน้าก็เหมือนกับว่าต้องลากไปต่อกันไปอีกสักพักหนึ่ง ให้ผ่านช่วงเวลาสำคัญไปก่อน แต่หากอยู่ได้ หรือสามารถดึง"งูเห่า" จากอีกฟากหนึ่งเข้ามาเสริมได้อีก ก็ไปต่อ แต่ไม่ว่ามองมุมไหนหลังจากประชุมสุดยอดอาเซียน หรืออย่างช้า หลังพระราชบัญญัติงบประมาณเข้าสภาน่าจะได้ลุ้นยุบสภาเลือกตั้งใหม่
**เพราะดูแล้วไปต่อยาก และที่สำคัญ "ลุงตู่" ยังได้เปรียบอยู่ดี !!
กำลังโหลดความคิดเห็น