xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ระเบิดเวลา “ประยุทธ์ 2” แบ่งเค้กลงตัว-ไม่ลงรอย ถึงคิว “ลุงตู่” นำ พปชร.เอง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เห็นหน้าเห็นตัวกันเกือบครบแล้ว

สำหรับดรีมทีม “ครม.ประยุทธ์ 2” กับรายชื่อบุคคลที่รัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เรียกว่าเขย่ากันจนหยดสุดท้าย ขนาด “ผู้จัดการรัฐบาล” ออกปาก “เห็นแก่หน้าผมเถอะ” เพื่อให้ทุกก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐหยุดเคลื่อนไหว

แต่ก็ไม่วายมี “อาฟเตอร์ช็อก” ดิสเครดิตกันเองไม่เลิก

ว่ากันตามจริง เรื่องแบ่งเค้กโควตารัฐมนตรี กับพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย นั้นจบตั้งแต่ก่อนการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือก “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯสมัยที่ 2 แล้ว

อย่างที่ทราบโดยทั่วกับว่า ทั้ง “ค่ายสะตอ - ค่ายเซราะกราว” ต่างฟาด “กระทรวงเกรดเอ” กันไปแทบเกลี้ยง กล่าวคือ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ รมว.พาณิชย์, รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ่วงกับอีก 4 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย รวมทั้งบัลลังก์ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ ชวน หลีกภัย ฟาดไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ได้ตามเป้าเป๊ะๆ ทั้ง รมว.คมนาคม, รมว.สาธารณสุข และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พ่วงกับอีก 4 รัฐมนตรีช่วย รวมทั้งเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ส่ง “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม ขึ้นบัลลังก์ไปล่วงหน้าแล้ว

เมื่อ “กระทรวงเกรดเอ” ถูกรวบไปเกือบหมด เป็นเหตุให้ภายในพรรคพลังประชารัฐที่รวบรวมระดับ “ดาวฤกษ์” ไว้คับคั่ง เกิดปัญหา “คลื่นใต้น้ำ” ทั้งกดดันไปยังพรรคร่วมรัฐบาล และกดดันกันเอง รวมทั้งส่งเสียงโวยวายไปยัง “ผู้จัดการรัฐบาล”

และแม้สามารถเกลี่ยตำแหน่งจนสงบศึกได้แล้ว แต่ก็อาจกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ในอนาคต

  เกรดเอหมดมือ พปชร.ต้องล่อกันเอง
“ทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง เห็นแก่หน้าผมเถอะ” คือคำขอร้องของ “อดีตนายทหารใหญ่” ในฐานะ “ผู้จัดการรัฐบาล” ที่ส่งไปถึง “ระดับนำ” ในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเบรกกระแสข่าวที่ปล่อยกันไม่หยุดหย่อน กับการพยายามยื่นข้อเสนอไปยังพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อขอแลกเปลี่ยนกระทรวง

โดยมีคีย์เวิร์ดสำคัญว่า “กระทรวงสำคัญ-กระทรวงเศรษฐกิจ” ต้องอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กระทรวงที่ต้องการทวงคืนนั้นก็มี อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงกระทรวงคมนาคม ที่ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย

ตามประสา “เนื้อเข้าปากเสือ อ้อยเข้าปากช้าง” มีหรือจะยอมคาย ไม่เล่นด้วยไม่เท่าไร ยังส่งเสียงขู่กลับด้วยว่า ถ้า “บิดพลิ้ว” จากข้อตกลง มีปัญหาแน่

เป็นเสียงของพรรคร่วมที่คิดว่าถือ “ไพ่เหนือกว่า” ในสภาพรัฐบาลพลังประชารัฐที่มีเสียงปริ่มน้ำ หากแหกคอกไปแค่ 2-3 เสียง ก็อาจจะพังเอาง่ายๆ

จึงไม่แปลกที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะหาญกล้าใช้พื้นที่โซเชียลฯ ประกาศให้สาธารณะ รับทราบโดยทั่วกันว่า “กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่ มีไว้ให้มาแลกไปมาจบข่าว!!!” พร้อมมีบางข้อความตอบกลับแฟนคลับด้วยว่า “คมนาคม สาสุข (สาธารณสุข) ท่องเที่ยว เปลี่ยนไม่ได้”

เช่นเดียวกับทางพรรคประชาธิปัตย์ โดย “เสี่ยคึก” เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่ออกมากระทุ้งว่า หากมีการเปลี่ยนแปลง เท่ากับไม่รักษาคำพูด พรรคประชาธิปัตย์ อาจจำเป็นต้องทบทวนการเข้าร่วมรัฐบาลเสียใหม่

เจอแบบนี้เข้าไป “ผู้จัดการรัฐบาล” ที่ว่าแข็งๆ ก็ยังต้องยอม

เมื่อง้าง “เค้กชิ้นโต” จากพรรคร่วมฯไม่ได้ ก็ต้องแบ่งสันปันส่วนกันเท่าที่มี ทำให้ภายในพรรคพลังประชารัฐ ต้องหันมารบกันเอง

เมื่อหักในส่วนโควตาของพรรคร่วมฯออกไปแล้ว 7 ที่นั่งของพรรคประชาธิปัตย์ 7 ที่นั่งของพรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่งของพรรคชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่งของพรรครวมพลังประชาชาติไทย และ 1 ที่นั่งของพรรคชาติพัฒนา

ทำให้โควตาของพรรคพลังประชารัฐเองเหลืออยู่เพียง 17 เก้าอี้ จาก 35 เก้าอี้ในฝ่ายบริหาร

ซ้ำร้ายใน 17 ที่นั่งนั้นก็มี “โควตากลาง” จับจองไว้แบบแตะต้องไม่ได้ ทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่มาเงียบๆ แต่ก็ฟาด รมว.มหาดไทย ไปเหมือนเดิม

เบ็ดเสร็จแล้วเหลือแค่ 13 ที่นั่งให้ช่วงชิงกัน ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่มีทางพอ เพราะมีคนต่อคิวร่วมครึ่งร้อย ที่ต่างก็งัดผลงานช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ตลอดจนรวบรวมเสียง ส.ส.สนับสนุน โดยกลุ่มก๊วนต่างๆ ก็เริ่มออกงิ้วกันอย่างเต็มที่

โดยเมื่อกางโผล่าสุดที่ว่ากันว่า 90% แล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงในขั้นการตรวจสอบคุณสมบัติบางตำแหน่ง ปรากฏดังนี้ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค เป็น รมว.คลัง, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เป็น รมว.อุตสาหกรรม, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค เป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็น รมว.พลังงาน, สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็น รมว.ยุติธรรม

“เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค แกนนำกลุ่ม กปปส. เป็น รมว.ศึกษาธิการ, “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค แกนนำกลุ่ม กปปส. เป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี, “เสี่ยติ๊ก” อิทธิพล คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มชลบุรี เป็น รมว.วัฒนธรรม, “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี เป็น รมว.แรงงาน, อัครา พรหมเผ่า น้องชาย “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เป็น รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

สันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์ เป็น รมช.คลัง, “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็น รมช.คลัง และ “ปลัดแบงค์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ ลูกชาย “วิรัช” เป็น รมช.คมนาคม

หากฉายให้เห็นภาพการแบ่งเค้กในพรรคพลังประชารัฐ ก็จะพบว่า “กลุ่มสี่กุมาร” ที่เสียสละลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ไปทำพรรคนั้น ได้รับ 4 ตำแหน่ง ในส่วนของ “อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์” รวมไปถึง “สมคิด” ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่หลุดไปมีเพียง กอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่เดิมมีชื่อเป็น รมว.ดีอี หรือ รมต.สำนักนายกฯ แต่จำเป็นต้องหลีกทางเพื่อให้โควตาเกลี่ยลงตัว แต่ก็คาดว่า “พี่กอบ” จะมีตำแหน่งสมฐานะในรัฐบาลชุดใหม่ เนื่องจาก “ลุงตู่” ชื่นชอบการทำงานเป็นการส่วนตัว

ด้าน “กลุ่มสามมิตร” ที่ถูกจับตามองกับแอ็กชันช่วงหลัง ถือว่าได้ตามเป้ากับ 3 เก้าอี้ ของ “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา” แม้จะไม่ได้กระทรวงเกษตรฯ หรือกระทรวงคมนาคม อย่างที่รีเควสไป แต่ที่ได้มาก็พอสมน้ำสมเนื้อ กับผลงานดูแล ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 30 ชีวิต

ถัดมา “กลุ่มลูกกรอก กปปส.” ที่ได้ 2 ที่นั่ง สำหรับ “ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์” แต่เกิดผิดคิวเล็กน้อย เพราะเดิมชื่อของ “เสี่ยตั้น” แปะอยู่ที่ รมว.พลังงาน มานานจนคิดว่าแบเบอร์แน่นอน แต่โค้งสุดท้ายกลับถูก “สุริยะ ณ สามมิตร” ปาดหน้าไป อันอาจเป็นที่มาของ “รายการดิสเครดิต” ที่ไล่ถล่ม “กลุ่มสามมิตร” อย่างต่อเนื่อง อันเป็นที่รู้กันว่าหมายทวงกระทรวงพลังงานคืนนั่นเอง

ทำให้ “เสี่ยตั้น” ต้องโร่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กทันควันว่า ไม่เคยต่อรอง เชื่อมั่นใน “นายกฯตู่”

ที่มาแรงสุดๆ ยุคนี้ เห็นจะเป็น “กลุ่มผู้กองมนัส” ที่หากไล่ตามรายชื่อว่าที่เป็นรัฐมนตรี ดูแลถึง 4 ตำแหน่ง ทั้งในส่วนของ “น้องชายผู้กอง” ที่ลอยมามีชื่อเป็น รมว.ดีอี รวมไปถึง “เสี่ยเฮ้ง” ในตำแหน่ง รมว.แรงงาน แม้จะอยู่เมืองชลฯ แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจาก “ธรรมนัส” จนมีชื่อคั่วเก้าอี้รัฐมนตรี ขณะที่เก้าอี้ของ “สันติ” ที่ยอมลดเกรดลงไปเป็น รมช.คลัง กับ “ลูกชายวิรัช” ก็ถือว่าอยู่ในความดูแลของ “ผู้กองมนัส” อีกด้วย

โผในส่วนของพลังประชารัฐนั่นถือว่า “วิน-วิน” แบบพอถูไถไปได้ แบบที่ผ่านการตบตีจนช้ำไปกันถ้วนหน้า


 พรรคร่วมฯลงตัว ส่งชื่อเช็กคุณสมบัติ
หันมาดูในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีถึง 18 พรรคนั้น ได้รับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีตามโผล่าสุดไป 5 พรรคด้วยกัน ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคชาติพัฒนา โดย 3 พรรคแรกนั้นได้มีการทำข้อตกลงและวางตัวคนตาม “ดีลเดิม” ไว้เกือบครบถ้วนแล้ว

โดย พรรคประชาธิปัตย์ มีการวางตัวบุคคลก่อนหน้าจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอมติพรรค ไว้ดังนี้ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นรองนายกฯควบ รมว.พาณิชย์, สี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์, “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีชื่อ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมไปถึง ไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน ร่วมลุ้นอยู่ด้วย, นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค เป็น รมช.มหาดไทย โดยมี ถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รอสอดแทรก, ส่วนอีก 3 รัฐมนตรีช่วย ประกอบด้วย รมช.ศึกษาธิการ, รมช.คมนาคม และ รมช.สาธารณสุข นั้น มีหลายรายชื่อร่วมชิงชัย อาทิ “เสี่ยต๊ง”มนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ คนสนิทของเลขาฯพรรค, “เสี่ยตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง และรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง, ประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช, อัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. และ กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรค เป็นต้น

ที่นิ่งแล้วน่าจะเป็น “ค่ายเซราะกราว” ที่วางตัว “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.สาธารณสุข , “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เป็น รมว.คมนาคม, “โกเกี้ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เสียบแทนภรรยา “เจ๊เปี้ยะ นาที รัชกิจประภา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ จนได้มาถึง 9 ที่นั่ง แต่ “เจ๊เปี้ยะ” ยังมีคดีความเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินในอดีตค้างอยู่

ส่วน 4 ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ได้แก่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย หรือ รมช.เกษตรฯ โดยอาจจะสลับกระทรวงกับ “คู่เขยเนวิน” ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.เกษตรและสหกรณ์, “กำนันป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เสี่ยแป้งมันพันล้านแห่งเมืองโคราช เป็น รมช.พาณิชย์ และ กนกวรรณ วิลาวัลย์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ ตอบแทนที่ได้ ส.ส.ปราจีนบุรียกจังหวัด

เช่นเดียวกับ พรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของ 10 ที่นั่ง ส.ส.ที่ได้รับการจัดสรร 2 ตำแหน่ง คือ “เสี่ยท๊อป” วราวุธ ศิลปอาชา เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ประภัตร โพธสุธน เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์

ด้าน “พรรคเทพเทือก” ไม่งอแง ก้มหน้าก้มตาหนุน “ลุงตู่” ท่าเดียว กำ 5 ที่นั่ง ส.ส.คว้า 1 รัฐมนตรีว่าการ หวยไปออกที่ รมว.การต่างประเทศ ที่ “ลุงตู่” ซึ่งวันนี้ลงมาเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” เองแล้ว กำชับให้หาบุคคลเหมาะสมดำรงตำแหน่ง ซึ่งคงไม่มีใครเหมาะไปกว่า “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค

ต้องนับถือ “เซียนเหยียบเมฆ” อย่าง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่ “โน พรอบเบลม” เจียมเนื้อเจียมตัวในฐานะพรรค 3 เสียงมาตลอด แต่กลับคว้ามาได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย เตรียมส่ง เทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค ประเดิม เป็นเสนาบดีครั้งแรก ด้วย

โดยขณะนี้รายชื่อของพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ ถูกส่งถือมือ “บิ๊กตู่” เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ แสกน “คิวซี” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 ไฟต์บังคับ “ลุงตู่” กุมบังเหียน พปชร.
อย่างที่ “ผู้สันทัดกรณี” หลายสำนักวิเคราะห์ว่า การขับเคลื่อน “รัฐนาวาลุงตู่ 2” อาจไปด้วยความยากลำบาก การจำต้องประสานประโยชน์ให้ทุกฝ่ายลงตัว คือทางเดียวที่จะประคอง “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” ที่มีความห่างกันของเสียง 254 ต่อ 246 เสียง ให้ไปรอด

ที่สำคัญ การเป็น “รัฐบาลผสม” จาก 19 พรรคการเมือง ความเป็นเอกภาพและเสถียรภาพยากที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่สามารถบริหารประเทศตามแนวทางของตัวเองได้เลย เพราะต้องเกรงอกเกรงใจและปกป้องพวกพ้อง เพื่อรักษาอำนาจไว้

ถือว่าเกมกระดานนี้ ไม่สามารถพลาดให้ฝั่งตรงข้ามได้แม้แต่ก้าวเดียว โดยเฉพาะการที่ฝ่ายค้านประกาศก้องว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น หมายล้มคว่ำรัฐบาลให้เร็วที่สุด

ประกอบกับภาพความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูจะเป็นจุดเปราะบางที่สุดของรัฐบาล จึงมีแนวคิดที่จะผลัดเปลี่ยนผู้นำพรรคคนใหม่ แทนที่ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่ดูจะถนัดแนวทางวิชาการ มากกว่าการเมือง ที่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาดูจะปวดหัวไม่น้อย เช่นเดียวกับ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ที่อาจต้องไปทุ่มเทการทำงานขับเคลื่อนนโยบายในฝ่ายบริหารเต็มตัว

เดิมทีมีกระแสข่าวหนาหูว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนต่อไป อาจจะชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. แต่จากปัญหาสุขภาพ รวมทั้งยังมีภารกิจในรัฐบาล จึงได้ปฏิเสธไป

ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูกว่าเดิมว่า เตรียมที่จะเชิญ “บิ๊กตู่” มาสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังการจัดตั้ง ครม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนที่จะเรียกประชุมใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเสนอชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นหัวหน้าพรรค แทน “อุตตม” ส่วนเลขาธิการพรรค ก็อาจปรับเปลี่ยนเป็น “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลที่ “นายกฯตู่” ไว้ใจมาทำหน้าที่แทน “สนธิรัตน์”

หากเป็นจริงตามนี้ ก็เสมือนการประกาศเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว และเตรียมลุยการเมืองในระยะยาว แก้ข้อครหาที่ถูกค่อนขอดว่าเป็น “พรรคเฉพาะกิจ”

อีกทั้งยังเสมือนเป็น “ไฟต์บังคับ” ที่ “ลุงตู่” ต้องลงมาคุมพรรคด้วยตัวเอง แก้ไขปัญหาการต่อรองของกลุ่มก๊วนการเมืองด้วย.


กำลังโหลดความคิดเห็น