xs
xsm
sm
md
lg

"ลุงตู่"ลุยจัดทัพครม.ใช้อำนาจนายกฯล้วงทุกกระทรวง!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**"หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จากนั้นผมจะคุยกับเขา (พรรคการเมือง)ได้ตามกฎหมาย วันนี้ต้องหาทางพูดคุยกันโดยคำนึงถึงความเหมาะสม หาจุดลงตัวให้ได้ นโยบายที่ทุกพรรคเสนอเข้ามานั้น ล้วนเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งสิ้น ในฐานะรัฐบาลถือเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงต้องเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้การนำนโยบายต่างๆ มาปรับให้สอดคล้องกับงบประมาณ ต้องดูทั้งแผนงานเดิมและแผนงานใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดคิดว่าคงเรียบร้อยโดยเร็ว"
คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อบ่ายวันที่ 11 มิถุนายน ก่อนที่จะมี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงไม่กี่นาที โดยในคำพูดดังกล่าว เขาได้ย้ำในสองสามประเด็นหลัก นั่นคือ เป็น"รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง" เป็นการปิดเกมวาทกรรมแบ่งฝ่าย ประชาธิปไตย กับเผด็จการ หรือ "สืบทอดอำนาจ" ของอีกฝ่ายหนึ่งที่พยายามสร้างกระแสแบ่งข้างมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง
ประเด็นต่อมา "ต้องมีการหลอมรวมนโยบาย" จากแต่ละพรรคร่วมเพื่อเป็น "นโยบายรัฐบาล" โดยให้สอดคล้องกับงบประมาณ ซึ่งต้องพิจารณาทั้งแผนงานเดิมและแผนงานใหม่ นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามีทั้ง "สานงานต่อและก่องานใหม่" ความหมายก็คือ แม้ว่าจะมีการหลอมหลายนโยบายจากหลายพรรคการเมือง แต่หลายนโยบาย หลายโครงการสำคัญของรัฐบาลเดิม จะต้องสานต่อหรือเดินหน้าต่อไป
แม้ว่านาทีนี้จะยังไม่มีข้อสรุปว่าแต่ละพรรคจะได้บริหารกระทรวงใดบ้าง หรือได้โควตากี่กระทรวง แต่นับจากนี้ จะได้เห็นการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ชัดเจนขึ้น เพราะเวลานี้ถือว่าเขามีอำนาจเต็มแล้ว และที่สำคัญ สามารถเคลื่อนไหวได้โดยเปิดเผยแล้ว ดังนั้น คำพูดที่ระบุว่า "จะจบโดยเร็ว" ก็น่าจะเป็นไปตามนั้น เพราะในฐานะนายกรัฐมนตรี สามารถใช้อำนาจของหัวหน้ารัฐบาลในการได้มากขึ้น
**แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ข้างต้น ก็พอมองออกว่าจะหลอมรวมเป็นนโยบายรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีสามารถกำกับดูแลสั่งการได้ทุกกระทรวง และรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐบาล เชื่อว่าคงจะไม่ปล่อยให้แต่ละพรรคไปแยกบริหารตามโควตากระทรวงเหมือนกับลักษณะ"แบ่งสัมปทาน" กันไปอย่างแน่นอน
เพราะหากปล่อยให้แยกบริหารตามโควตากระทรวง ตามที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับไป ย่อมต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ โดยเฉพาะกระทรวงที่มักมีเรื่องของผลประโยชน์จำนวนมาก
ดังนั้น แม้ว่าในเวลานี้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าการเจรจาต่อรองการบริหารกระทรวงใดบ้าง พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลจะสามารถดึงกลับมาได้หรือไม่ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พาณิชย์ รวมทั้ง คมนาคม เป็นต้น แต่รับรองว่าไม่ว่าพรรคไหนจะได้บริหาร เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องใช้อำนาจนายกฯ เข้าไปล้วงลูกสั่งการอย่างแน่นอน ในลักษณะที่จะทำให้เป็นผลงานของรัฐบาลไม่ใช่ผลงานของพรรคการเมือง
แน่นอนว่า การเลือกใช้วิธีบริหารจัดการแบบนี้ นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงบทบาท "ผู้นำ" อย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เดินหน้าไปตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเหมือนกับว่าถูกล้วงลูก โดยเฉพาะในบางโครงการที่อาจมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ดังนั้น หากพิจารณาจากท่าทีข้างต้นของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นับจากนี้ไปจะใช้บทบาทของนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มตัวลงไปประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง และแม้ว่าดีลแบ่งกระทรวงอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงได้มากนัก แต่รับรองว่าจะต้องใช้อำนาจในฐานะผู้นำรัฐบาล เข้าไปล้วงลูกสั่งการทุกกระทรวง คงไม่ปล่อยให้ "สร้างอาณาจักร" แบ่งสัมปทานกันไปอย่างแน่นอน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น