ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก “ทักษิณ ชินวัตร” 2 ปี ตามความผิดมาตรา 157 ออกสลากหวยบนดินไม่ชอบ ฝ่าฝืน ก.ม. พร้อมออกหมายจับ
วานนี้ (6 มิ.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย คดีออกโครงการสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือหวยบนดินในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร คดีหมายเลขดํา อม.1/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย กรณีถูกกล่าวหาร่วมกลุ่มรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ 2 ปี 2549 และอดีตผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คนดำเนินโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย2และ3ตัว (หวยบนดิน) ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค. 2546– 16 ก.ย. 2549 โดยมิชอบองค์คณะฯ มีมติเสียงข้างมาก พิพากษาจำคุกนายทักษิณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี และให้ออกหมายจับจำเลยมาบังคับคดีตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลตอนหนึ่งระบุว่า ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายทักษิณ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2546-2549 เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดิน แม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกฯก็ไม่ได้มีการยับยั้ง จนทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ นายทักษิณยังเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสั่งการเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว รวมทั้งนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างผิดขั้นตอน และเร่งออกสลากโดยไม่รอเครื่องพิมพ์ แม้ว่าโครงการนี้จะทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้จากการขายสลากกว่า 1.2 แสนล้านบาท แต่การบริหารงานกลับขาดทุน 7 งวด เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้กับผู้ที่ถูกรางวัล นอกจากนี้ เงินรายได้กว่า 80% ที่สมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัลและส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคม มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากฯ นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่ากองสลากยังได้เบิกงานเกินบัญชีจากธนาคารออมสินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นเงินสำรอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยง แต่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงเหมือนขั้นตอนการออกสลากอย่างที่เคยเป็นมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในการดำเนินโครงการออกสลายพิเศษฯ ที่ร่วมกับจำเลยที่ 10 และจำเลยที่ 42 ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว องค์คณะฯมีมติเสียงข้างมาก พิพากษาจำคุกจำเลย เป็นเวลา 2 ปี และให้ออกหมายจับจำเลยมาปฏิบัติตามคำพิพากษา
ด้าน นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผอ.สำนักคดี ป.ป.ช. เปิดเผยว่า วันนี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปีนายทักษิณ คดีหวยบนดิน 2 ตัวและ 3 ตัว ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ฟ้องขอให้ศาลลงโทษหลายมาตรา แต่มีบางมาตราที่ศาลเห็นว่าไม่เป็นความผิด ดังนั้นจะได้นำผลคำพิพากษาไปแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่าพอใจผลคำพากษาหรือจะอุทธรณ์เพื่อให้ศาลลงโทษในฐานความผิดอื่นด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า คดีนี้นับเป็นคดีที่ 2 ที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาตัดสินจำคุกนายทักษิณในปี 2562 ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีลับหลังโดยไม่มีตัวจำเลยตามกฎหมายใหม่ ขณะที่คดีหวยบนดินนั้น ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องจำเลยรวมทั้งสิ้น 47 ราย โดยก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาฯ เคยมีคำพิพากษาในส่วนของกลุ่มคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2552 โดยตัดสินว่าให้จำคุกนายวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 2 ปีปรับ 2 หมื่นบาท, นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานบอร์ดกองสลากฯ จำเลยที่ 31 จำคุก 2 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท ตาม ป.อาญา ม.157, 83 และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี ผอ.กองสลาก จำเลยที่ 42 กระทำผิด ต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท แต่ให้รอการลงโทษจำเลยทั้ง 3 ราย ส่วนจำเลยอื่น พิพากษายกฟ้อง ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว.
วานนี้ (6 มิ.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย คดีออกโครงการสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือหวยบนดินในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร คดีหมายเลขดํา อม.1/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย กรณีถูกกล่าวหาร่วมกลุ่มรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ 2 ปี 2549 และอดีตผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คนดำเนินโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย2และ3ตัว (หวยบนดิน) ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค. 2546– 16 ก.ย. 2549 โดยมิชอบองค์คณะฯ มีมติเสียงข้างมาก พิพากษาจำคุกนายทักษิณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี และให้ออกหมายจับจำเลยมาบังคับคดีตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลตอนหนึ่งระบุว่า ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายทักษิณ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2546-2549 เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดิน แม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกฯก็ไม่ได้มีการยับยั้ง จนทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ นายทักษิณยังเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสั่งการเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว รวมทั้งนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างผิดขั้นตอน และเร่งออกสลากโดยไม่รอเครื่องพิมพ์ แม้ว่าโครงการนี้จะทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้จากการขายสลากกว่า 1.2 แสนล้านบาท แต่การบริหารงานกลับขาดทุน 7 งวด เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้กับผู้ที่ถูกรางวัล นอกจากนี้ เงินรายได้กว่า 80% ที่สมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัลและส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคม มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากฯ นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่ากองสลากยังได้เบิกงานเกินบัญชีจากธนาคารออมสินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นเงินสำรอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยง แต่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงเหมือนขั้นตอนการออกสลากอย่างที่เคยเป็นมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในการดำเนินโครงการออกสลายพิเศษฯ ที่ร่วมกับจำเลยที่ 10 และจำเลยที่ 42 ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว องค์คณะฯมีมติเสียงข้างมาก พิพากษาจำคุกจำเลย เป็นเวลา 2 ปี และให้ออกหมายจับจำเลยมาปฏิบัติตามคำพิพากษา
ด้าน นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผอ.สำนักคดี ป.ป.ช. เปิดเผยว่า วันนี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปีนายทักษิณ คดีหวยบนดิน 2 ตัวและ 3 ตัว ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ฟ้องขอให้ศาลลงโทษหลายมาตรา แต่มีบางมาตราที่ศาลเห็นว่าไม่เป็นความผิด ดังนั้นจะได้นำผลคำพิพากษาไปแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่าพอใจผลคำพากษาหรือจะอุทธรณ์เพื่อให้ศาลลงโทษในฐานความผิดอื่นด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า คดีนี้นับเป็นคดีที่ 2 ที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาตัดสินจำคุกนายทักษิณในปี 2562 ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีลับหลังโดยไม่มีตัวจำเลยตามกฎหมายใหม่ ขณะที่คดีหวยบนดินนั้น ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องจำเลยรวมทั้งสิ้น 47 ราย โดยก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาฯ เคยมีคำพิพากษาในส่วนของกลุ่มคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2552 โดยตัดสินว่าให้จำคุกนายวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 2 ปีปรับ 2 หมื่นบาท, นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานบอร์ดกองสลากฯ จำเลยที่ 31 จำคุก 2 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท ตาม ป.อาญา ม.157, 83 และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี ผอ.กองสลาก จำเลยที่ 42 กระทำผิด ต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท แต่ให้รอการลงโทษจำเลยทั้ง 3 ราย ส่วนจำเลยอื่น พิพากษายกฟ้อง ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว.