xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"สั่งดึงม.ชั้นนำโลก พัฒนาแรงงานรับอีอีซีบูม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"สั่งดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเข้ามาร่วมดำเนินการพัฒนาแรงงาน รองรับความต้องการในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง คาดในอีก 5 ปีข้างหน้า ต้องการแรงสูงสูงกว่า 4.75 แสนคน ปัจจุบันยังผลิตได้ไม่เพียงพอ ด้านการลงทุนในอีอีซี คาดบูมสุดขีดในช่วงปี 63-64 จะเป็นปีทองแห่งการลงทุนอย่างแท้จริง เผยต่างชาติไม่หวั่นการเมืองไทยเปลี่ยน เหตุนโยบายไม่เปลี่ยน

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า

เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้ สกพอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ 12 ซึ่งว่าด้วยอุตสาหกรรมการพัฒนาคนและการศึกษา ให้มีการดึงมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกเข้ามาร่วมมือกับไทยในการพัฒนาแรงงานไทยให้ตรงกับความต้องการในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง

"ขณะนี้ สกพอ. ได้มีความร่วมมือกับ ม.บูรพา เป็นหลักในการพัฒนากำลังคนป้อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยตั้งแต่กลางปีนี้จะเร่งชักชวนการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งการศึกษาและอุตสาหกรรมเป้าหมาย และในปลายปีจะเน้นการพัฒนาผังเมืองในการรองรับเมืองใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม"

สำหรับแรงงานที่ต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมายและโครงสร้างพื้นฐานหลักใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2562-66) มีจำนวน 475,674 ตำแหน่ง ซึ่ง สกพอ. ได้เร่งพัฒนาคนในพื้นที่อีอีซีแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ยอมรับว่ายังไม่ตรงกับความต้องการในพื้นที่ จำเป็นต้องไปปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับผู้ประกอบการต้องการ ขณะเดียวกันจะมีการเร่งดำเนินการปีนี้ คือ การยกระดับผู้ที่จบปริญญาตรีมาแล้วให้มีความรู้เพียงพอที่จะไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นต้น

นายคณิศกล่าวว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัก 5 โครงการในเขตพัฒนพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน และศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา มูลค่าการลงทุน 6.5 แสนล้านบาท ที่อาจล่าช้าจากที่วางเป้าหมายไว้ประมาณ 3 เดือน ประกอบกับมีการเลือกตั้ง ทำให้ภาพรวมการลงทุนในปี 2562 ในพื้นที่อีอีซีทั้งโครงสร้างพื้นฐานหลักและอุตสาหกรรมเป้าหมายจะไปกระจุกตัวมากสุดในปี 2563-64 และจากการพบปะนักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ ไม่ได้กังวลต่อนโยบายอีอีซี แม้จะมีการเลือกตั้งที่จะได้รัฐบาลใหม่ เพราะพรรคหลักๆ ไม่มีนโยบายยกเลิก หากแต่จะมีเพียงแค่ปรับให้เหมาะสมเท่านั้น

"การลงทุนในอีอีซีปลายปีอาจจะมีบ้าง แต่ก็คงไม่มากอย่างที่เราคาดเอาไว้ จะไปมากสุดในปี 2563-64 ดังนั้น ปีแห่งการลงทุนที่แท้จริงน่าจะเป็นปี 63-64 ซึ่งที่ผ่านมา อีอีซีมีส่วนสำคัญที่ทำให้การลงทุนของขยายตัวเป็นบวก 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งมีส่วนช่วยให้เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย"นายคณิศกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น