"บุญยอด" จี้ กกต.สอบด่วน กรณี"ธนาธร" ให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงิน 110 ล้าน ส่อผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง “ศรีสุวรรณ' ยื่น กกต. 23 พ.ค.นี้ "เพื่อไทย" ยังไม่ละความพยายามหาแนวร่วม หวังชนะในการโหวตเลือก ปธ.สภาฯ 25 พ.ค.นี้ "วราวุธ" เผยถูก 2 ขั้วจีบตั้งรัฐบาล ระบุ พท.ใจป้ำ บอกจะเอาอะไรก็ได้ "จุรินทร์" เรียกประชุมทีมอเวนเจอร์ส แบ่งงานวันนี้ คาด 22 พ.ค.ได้ข้อสรุป ร่วมรัฐบาลลุงตู่ หรือไม่ "ภูมิใจไทย" ยกขบวน ส.ส. 51 ชีวิต ติวเข้มที่บุรีรัมย์ "อนุทิน" ย้ำจุดยืน เพื่อประโยชน์ "ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์-ประชาชน" สวนดุสิตโพลชี้ พปชร.ตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่จะเจอปัญหาความขัดแย้ง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เผยว่า ได้ให้เงินพรรคอนาคตใหม่ยืม110 ล้าน เนื่องจากพรรคระดมทุนไม่ทันในช่วงเลือกตั้งว่า ขอเรียกร้องให้นายธนาธร ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า เงินนั้นเป็นเงินหมวดอะไร ตามข้อกฎหมายของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพราะเท่าที่ตนตรวจสอบพบว่า ในกม.นี้ กำหนดที่มารายได้พรรคการเมืองไว้ใน หมวด 5 มาตรา 62 ว่า รายได้ของพรรคการเมือง อาจมีรายได้ ดังต่อไปนี้ (1) เงินทุนประเดิมตาม มาตรา 9 วรรคสอง (2) เงินค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองตามที่กำหนดในข้อบังคับ (3) เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้า หรือบริการของพรรคการเมือง (4) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง (5) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใด ที่ได้จากการรับบริจาค (6) เงินอุดหนุนจากองทุน (7) ดอกผลและรายได้ที่เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ของพรรคการเมือง
นอกจากนี้ใน มาตรา 64 ยังกำหนดว่า ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่จัดกิจกรรมระดมทุนสิ้นสุดลง ให้หัวหน้าพรรคการเมือง จัดทํารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมระดมทุน และจํานวนเงินที่ได้ ประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป พร้อมทั้งแจ้งให้นายทะเบียนทราบด้วย เมื่อพรรคการเมืองดําเนินการจัดกิจกรรมระดมทุนให้ออกใบเสร็จรับเงิน ตามแบบ พ.ก. 9 ให้แก่ผู้สนับสนุนเงิน การจัดกิจกรรมระดมทุนให้บันทึกบัญชีรายวัน แสดงรายได้ หรือรายรับ และนําไปแสดง ในงบการเงินประจําปีของพรรคการเมืองให้ครบถ้วน และถูกต้องตามที่กฎหมายกําหนด
อีกทั้งมาตรา 66 ยังระบุว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่า เกิน 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี มิได้ และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล การบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรค เกินปีละ5 ล้านบาท ต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมใหญ่คราวต่อไป หลังจากบริจาคแล้ว พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้
"ขอถามนายธร ว่า เมื่อกฎหมายให้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองทำได้ไม่เกินปีละ10 ล้านบาท และต้องรายงานกกต. ทุกเดือน ทำไมนายธนาธร ถึงบริจาคตั้ง 110 ล้าน หรือจะอ้างว่าให้พรรคยืม ก็ไม่มีระเบียบข้อไหนให้พรรคการเมืองยืมเงินใคร ดังนั้น นายธนาธร ตอบให้ได้ว่าอยู่ในหมวดไหน ระดมทุน หรือบริจาค และมีใบเสร็จมายืนยันหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ การให้ยืมนั้นทำไม่ได้อย่างแน่นอน จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย" นายบุญยอด กล่าว
'ศรีสุวรรณ'ยื่นกกต. 23 พ.ค.นี้
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า ได้ใช้เงินส่วนตัวให้ อนค. ยืมในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 110 ล้านบาท ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกอนค. ระบุว่า มีการยืมเงินนายธนาธรมา 250 ล้านบาท โดยมีการคิดดอกเบี้ย ทำให้น่าสงสัยว่า มีการยืมเงินเป็นจำนวนเท่าไร กันแน่
นอกจากนี้ น่าสงสัยว่า การให้พรรคการเมืองยืมเงินเพื่อไปประกอบกิจกรรมทางการเมืองนั้น ไม่มีข้อใดเขียนว่าสามารถใช้เงินยืมได้ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวนั้น ขัดต่อ ม. 66 ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง หรือไม่
"ผมเตรียมจะไปยื่นเรื่องดังกล่าวให้ กกต. ตรวจสอบในวันที่ 23 พ.ค. เพื่อวินิจฉัยว่า กรณีดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ นายธนาธร เองเป็นนักการเมือง ก็ต้องมีการตรวจสอบ หากมีความสงสัยเกิดขึ้นว่าสิ่งที่ทำนั้นขัดต่อกม. "นายศรีสุวรรณ กล่าว
"ธนาธร"คุยนักข่าวตปท.ให้พรรคยืมเงิน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นายธนาธร ได้รับเชิญให้ไปขึ้นเวทีบรรยาย ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ เอฟซีซีที (FCCT) ในหัวข้อ อะไรคืออนาคตของพรรคอนาคตใหม่ ตอนหนึ่ง นายธนาธรได้กล่าวถึงการบริหารการเงินของพรรคอนาคตใหม่ว่า เพื่อให้พรรคสามารถเดินหน้าในช่วงการเลือกตั้งได้ ปัจจุบันตนจึงให้เงินทางพรรคยืมไปแล้วราว 110 ล้านบาท
" พรรค (อนาคตใหม่) เป็นหนี้ผมอยู่ ผมให้เงินพรรคยืมอยู่ 110 ล้านบาท ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งรอบนี้ พรรคไม่สามารถระดมทุนได้ทันเวลาสำหรับการหาเสียง อย่างที่ผมบอกไปว่า พรรคเพิ่งมีตัวตนในทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 3 ต.ค.61 ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะสามารถระดมเงินได้ทันการหาเสียงเลือกตั้ง แต่เราก็ไม่ต้องการทำเหมือนพรรคอื่น เราต้องการความโปร่งใส ดังนั้นผมจึงไม่ได้ให้เงินพรรค แล้วบอกว่าให้พรรคใช้เงินก้อนนี้โดยไม่ต้องแจ้ง (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ผมต้องการที่จะเปิดเผยตรงไปตรงมา และเราก็แจ้งเรื่องเงินก้อนนี้ รวมถึงวิธีการใช้เงินของเรา ตอนนี้ในบัญชีของพรรค ผมเป็นเจ้าหนี้ การค้า (Account Payable)ร้อยกว่าล้าน ผมจำตัวเลขที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าจะประมาณ 105 หรือ 110 ล้านบาทไทย ผมให้พรรคยืมเงิน
"สิ่งสำคัญตอนนี้คือ การทำให้การเงินของพรรคยั่งยืนต่อไปได้ พรรคยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ และสามารถที่จะคืนเงิน 110 ล้านบาทนี้ให้กับผม (ผู้ฟังหัวเราะ) มันก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายหรือเปล่า ถ้าคนต่างชาติจะมาซื้อของที่ระลึกของเรา (ผู้ฟังหัวเราะ) แต่ถ้าคุณเป็นคนไทย กรุณาให้การสนับสนุนเราด้วย" นายธนาธร กล่าวกับผู้สื่อข่าว
พท.หวังชนะเลือกปธ.สภาฯ 25 พ.ค.นี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตย ยังมั่นคง เดินหน้า ร่วมเป็นแกนนำในการผ่าทางตันประเทศ หยุดการสืบทอดอำนาจ หยุด พล.อ.ประยุทธ์ ส่งคสช.กลับบ้าน มุ่งรักษาประชาธิปไตย ขอทุกฝ่ายเปิดใจกว้าง ทำหน้าที่เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่ความเป็นปกติโดยเร็ว วันนี้ กลุ่มอำนาจเดิม ยังพยายามใช้ทุกช่องทางเพื่อผลักดันให้ตัวเองสามารถสืบทอดอำนาจอยู่ต่อไป โดยไม่สนใจหลักการ หรือแนวปฏิบัติที่ถูกต้องใดๆ
วันนี้ กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ก็ยังไม่ได้หยุด ยังไม่จบการเดินทาง ทุกพรรคยังมุ่งมั่น ประสาน แลกเปลี่ยน หามุมมองใหม่ๆ จากทุกฝ่าย ผมยืนยันว่า การทำงานร่วมกันยังคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี แม้ฝ่ายกลุ่มผู้มีอำนาจเดิม จะพยายามออกมาพูดว่าทุกเรื่องคืบหน้า และจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ท่าทีเช่นนั้น ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ทางจิตวิทยา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพวกตนว่า กำลังจะเป็นรัฐบาล เพียงเพื่อหวังการโฆษณา ชวนเชื่อและคิดว่าหากทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่าพวกเขากระทำการเข้าสู่อำนาจได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่า พวกเรายังมีความมั่นคง มั่นใจ เดินหน้าทำสิ่งที่เราเชื่อมั่นต่อ และเรายังมีความหวัง ว่าเราจะชนะในเวทีของสภาผู้แทนราษฎร ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งผลแพ้ชนะจะรู้ชัดในวันที่เปิดประชุมสภาฯ ที่จะมาถึงในวันที่ 25 พ.ค.นี้ พลังประชาธิปไตย และความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เป็นเป้าหมายที่เราเชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมแน่นอน ถึงเวลา เคารพเสียงของประชาชน
ด้านนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ฝากถึงพี่ๆ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ครับ ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ยอมสละทุกอย่าง เพื่อกำจัดการสืบทอดอำนาจ ที่ผ่านมาเราต่อสู้ร่วมกันเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและอิสรภาพ ตอนนี้อยู่ที่ท่านแล้ว ที่จะเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน # ไม่ต้องรักเพื่อไทย แต่ขอให้รักประชาธิปไตยครับ
"วราวุธ"เผยถูก 2 ขั้ว จีบตั้งรัฐบาล
นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึง การจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดสรรโควตาให้กับพรรคการเมืองต่างๆ แล้วนั้น เชื่อว่าคงเป็นความเข้าใจกันในส่วนของพรรคพปชร.เอง แต่ในส่วนของพรรคชทพ. ยังไม่ได้มีการพูดคุยลงรายละเอียด และเท่าที่ตนได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น ทราบว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ ทั้งนั้น มีแต่ เพียงพูดคุยกันไว้หลวมๆ ถึงแนวทางการทำงาน แต่ในรายละเอียดยังไม่ได้มีใครได้รับการติดต่อจากพรรค พปชร. ว่าเป็นอย่างไร
"มีการติดต่อมาทั้ง 2 ข้าง แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะว่าตกลงกัน อย่างนั้น อย่างนี้ ยังไม่มีการพูดคุยกัน แค่เป็นการชักชวนเบื้องต้นจากทั้ง 2 ข้าง และเชื่อว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็โดนทั้ง 2 ข้างเทียบเชิญแน่นอน"
นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ในวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.นี้ จะมีการเลือกประธานสภา เราก็ยังไม่รู้เลยว่าแต่ละข้างจะเสนอใคร ทั้งนี้พรรคชทพ. จะต้องมีการประชุมพรรค เพื่อหารือว่าพรรคจะไปในทิศทางใด ซึ่งกำลังหารือกับหัวหน้าพรรค ก็ยังดูกันอยู่ว่าจะอย่างไร อาจจะเป็นวันที่ 23 พ.ค.ที่จะประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อถูกเทียบเชิญทั้ง 2 ข้าง แต่ละข้างยื่นข้อเสนออะไรให้บ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทย เสนอว่า จะเอาอะไรก็บอก ไม่มีปัญหา ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้กันอยู่ แต่ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรค พปชร.เสนอโควตารัฐมนตรี 2 เก้าอี้ให้พรรค ชทพ. นายวราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าเทียบกับจำนวน ส.ส. ที่เรามีอยู่ 10 ที่นั่งนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 7:1 หากปัดเศษกันแล้ว ให้เกียรติกันแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มมาจากพรรคพปชร. แต่อย่างใดว่า พรรคชทพ.ได้ 2 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวถามถึง ความเป็นไปได้เรื่องขั้วที่ 3 นายวราวุธ กล่าวว่า คิดว่าไม่มี คงมี 2 ขั้วเท่านั้น เพราะขั้วที่ 3 จะอยู่เองก็อยู่ไม่ได้ ขั้วที่ 1 และขั้วที่ 2 จะอยู่เอง ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นจะเกิดขั้วที่ 3 ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้
"จุรินทร์"ประชุม”ทีมอเวนเจอร์ส” วันนี้
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ได้นัดประชุมส.ส.และกรรมการบริห่ารพรรค ในวันนี้ (20 พ.ค.) เวลา 13.00 น. เพื่อมอบหมายงานให้รองหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค จะมอบหมายงานให้กับ คณะรองเลขาฯ รวมถึงจะมีการแบ่งงานด้านอื่นอีกหลายด้าน พร้อมทั้งตั้งคณะทำงานด้านต่างๆ เพื่อนำทีม "อเวนเจอร์ส" ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มรูปแบบ และในวันอังคาร ที่ 21 พ.ค. เวลา 13.00 น. ก็จะมีการเรียกประชุมเฉพาะส.ส.พรรค เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เตรียมงานต่างๆ ที่ต้องทำในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมี ส.ส.ใหม่หลายคนก็จะต้องมีการปฐมนิเทศ พูดคุยในเรื่องหลักการทำงานต่างๆ เพราะส.ส.ต้องทำหน้าที่ในสภาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ตาม
ส่วนกรณีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับส.ส.เพื่อพูดคุยในเรื่องการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดนัดประชุม แต่ขอให้ประชาชนวางใจ พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นายจุรินทร์ ได้ว่าจะยึดถือประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นที่ตั้ง
ปูด"ชวน"นั่งปธ.สภาฯ "บัญญัติ" ถอนตัว
ด้านนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า “ชวน come back!ในขณะที่มีข่าวหนาหูว่า หลายพรรคการเมืองจะโหวตให้คุณบัญญัติ เป็นประธานสภานั้น เช้านี้จู่ๆ ก็แวบขึ้นมาว่า คุณบัญญัติ ถอนตัว และมีการโหวตให้ คุณชวน เป็นประธานสภา!”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายไพศาล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าในวันที่ 25 พ.ค.จะมีการประชุมสภาฯ เป็นครั้งแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย แคนดิเดตประธานสภาฯ ในขณะนี้ น่าจะเหลือเฉพาะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสุชาติ ตันเจริญ และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และอาจเป็นไปได้ว่าทุกพรรคจะโหวตให้คุณบัญญัติ เป็นประธาน หมากกลชั้นครูจริงๆ
ปชป.รอมติพรรค ส่อร่วมพปชร.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ทราบทิศทางว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมติพรรค หากเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม ก็จะต้องไปในทิศทางเดียวกันทั้ง 52 คน แต่ขออย่าไปพูดข้างนอก
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มชัดเจน จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ มากกว่าไปร่วมกับพรรคการเมืองขั้วที่ 3 แต่เบื้องต้นยังไม่มีข้อยุติเรื่องโควต้ารัฐมนตรี อย่างที่เป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่า พรรคจะมีการประชุมร่วม ทั้งส.ส. และกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 22 พ.ค. เพื่อหารือ กำหนดทิศทางว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
"เสี่ยหนู"ประชุมกำหนดท่าทีวันนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก่อนที่จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก ในวันที่ 24 พ.ค. และจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ ในวันที่ 25 พ.ค.นั้น พรรคได้มีการจัดประชุมสัมมนา ส.ส. 51 คนของพรรคระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค. ที่โรงแรมโมเดน่า บาย เฟร์เซอร์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งในวันที่ 19 พ.ค. ช่วงบ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นำส.ส.ร่วมกิจกรรมสันทนาการ ละลายพฤติกรรม โดยได้ เล่นเกมต่างๆ สร้างความคุ้นเคย และใกล้ชิดระหว่างส.ส. จากนั้น เวลา 18.30 น. เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ ส.ส.ของพรรค
ส่วนวันที่ 20 พ.ค. จะมีการปฐมนิเทศ โดยมีนายอนุทิน เป็นประธานติวเข้มด้วยตัวเองซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดท่าที จุดยืน และทิศทางของพรรคว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้บรรยายเรื่องบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส. นอกจากนี้ยังมีการเชิญวิทยากรจาก สำนักงานป.ป.ช. มาให้ความรู้ เรื่องการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน พร้อมทั้งมีการประชุมเตรียมการตั้งคณะทำงานของกิจการส.ส.ด้วย
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค กล่าวว่า ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย จะอยู่ในสถานะใด จะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ยืนยันว่า ส.ส.ของพรรคทุกคน พร้อมทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
ส่วนท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ต่อการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ต้องรอดูที่ประชุม ส.ส. ของพรรค ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จะได้คำตอบเลยหรือไม่ เพราะยังมีเวลา ยังมีอีกหลายขั้นตอน ทั้งการเลือกประธาน ส.ว. การเลือกประธาน ส.ส. ดังนั้น คงต้องติดตามดูกันว่าในวันนี้ จะมีข้อสรุปออกมาหรือไม่
"พรรคภูมิใจไทยมีหลักการที่ท่านหัวหน้าพรรคบอกไว้ชัดเจนคือ จะยึดผลประโยชน์ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นที่ตั้ง ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจไปในทางใด ก็จะไม่พ้นกรอบหลักการนี้"โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว
โพลชี้พปชร.ตั้งรัฐบาลสำเร็จ
สวนดุสิตโพล เผยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณีรัฐบาลใหม่ในสายตาประชาชน จากกลุ่มตัวอย่าง 1,132 คน ระหว่างวันที่ 14-18 พ.ค.62 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร กับกระแสข่าวการรวมกลุ่มของพรรคการเมืองต่างๆในการจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 การเมืองวุ่นวาย มีแต่เรื่องผลประโยชน์ 59.52% อันดับ 2 การจับขั้วทางการเมืองยังไม่ชัดเจน ยังไม่เห็นข้อสรุปที่แน่นอน 24.48 %
2. คิดอย่างไร กรณีพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 เป็นพรรคที่ได้เก้าอี้ ส.ส.มากที่สุด ก็ควรได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล 43.76% อันดับ 2 ขึ้นอยู่กับการจับขั้วทางการเมือง ต้องดูจากคะแนนเสียงที่ได้ 39.59% อันดับ 3 ไม่น่าจะรวบรวมเสียงข้างมากได้ ไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล 20.92%
3. คิดอย่างไร กรณีพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 มีโอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ มีพรรคเล็กเป็นแนวร่วม 46.03% อันดับ 2 มีอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน 35.44% อันดับ 3 ขอให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม 31.26%
4. คิดอย่างไรกรณีพรรคขนาดกลาง (ปชป.-ภท.-อนค. ) จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 น่าสนใจ น่าจะบริหารบ้านเมืองได้ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง 50.47% อันดับ 2 เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ขอให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย 36.84% อันดับ 3 คงเป็นไปได้ยาก คะแนนเสียงที่มี อาจไม่พอ 16.02%
5. คิดว่าพรรคใด น่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อันดับ 1 พรรคพลังประชารัฐ 51.54% เพราะเป็นพรรคใหญ่ มีอำนาจต่อรองมีจำนวน ส.ส. มาก ได้รับเสียงสนับสนุนจาก 11 พรรคการเมือง มีแนวโน้มว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ฯลฯ อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 35.93% เพราะเป็นพรรคที่มีประสบการณ์ ชนะการเลือกตั้ง มีส.ส. มากที่สุด มีหลายพรรคให้การสนับสนุน ขึ้นอยู่กับการเจรจา ฯลฯ
6. ประชาชนคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ จะประสบปัญหาอะไรบ้าง อันดับ 1 ความขัดแย้ง คัดค้าน ต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม 40.82% อันดับ 2 ความไม่ชอบมาพากล ไม่เป็นธรรม 35.42% อันดับ 3 การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี โควต้าไม่ลงตัว 26.67%
"พรเพชร"เต็ง1ปธ.วุฒิฯ"บิ๊กจิน"รองฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงความเคลื่อนไหวการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนเพียงตำแหน่งเดียวคือ ประธานวุฒิสภาที่คาดว่าจะเป็นนายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นสายตรง และได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ส่วนอีก 2 ตำแหน่งที่เหลือ คือ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 กำลังเดินเกมขับเคี่ยวกันอยู่หลายคน จนมีข่าวลือออกมารายวัน อาทิ กลุ่ม 40 ส.ว. กลุ่มเดิมของ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีต รองประธาน สนช. นายพีระศักดิ์ พอจิต อดีตรองประธาน สนช. กลุ่ม ส.ว.สายทหาร นำโดย เตรียมทหารรุ่น 12 รุ่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ โดยปรากฏชื่อของ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อนสนิทของนายกฯ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ และนายศุภชัย สมเจริญ จะลงชิงตำแหน่งด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวระบุว่า สำหรับเก้าอี้ประธานวุฒิสภา เป็นของนายพรเพชร แน่นอน ส่วน นายสุรชัย และนายพีระศักดิ์ อาจจะไม่ได้ตำแหน่งรองฯ เพราะมีข่าวว่า คสช.จะมอบให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรองหัวหน้าคสช. อดีตรองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม แทน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เผยว่า ได้ให้เงินพรรคอนาคตใหม่ยืม110 ล้าน เนื่องจากพรรคระดมทุนไม่ทันในช่วงเลือกตั้งว่า ขอเรียกร้องให้นายธนาธร ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า เงินนั้นเป็นเงินหมวดอะไร ตามข้อกฎหมายของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพราะเท่าที่ตนตรวจสอบพบว่า ในกม.นี้ กำหนดที่มารายได้พรรคการเมืองไว้ใน หมวด 5 มาตรา 62 ว่า รายได้ของพรรคการเมือง อาจมีรายได้ ดังต่อไปนี้ (1) เงินทุนประเดิมตาม มาตรา 9 วรรคสอง (2) เงินค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองตามที่กำหนดในข้อบังคับ (3) เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้า หรือบริการของพรรคการเมือง (4) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง (5) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใด ที่ได้จากการรับบริจาค (6) เงินอุดหนุนจากองทุน (7) ดอกผลและรายได้ที่เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ของพรรคการเมือง
นอกจากนี้ใน มาตรา 64 ยังกำหนดว่า ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่จัดกิจกรรมระดมทุนสิ้นสุดลง ให้หัวหน้าพรรคการเมือง จัดทํารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมระดมทุน และจํานวนเงินที่ได้ ประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป พร้อมทั้งแจ้งให้นายทะเบียนทราบด้วย เมื่อพรรคการเมืองดําเนินการจัดกิจกรรมระดมทุนให้ออกใบเสร็จรับเงิน ตามแบบ พ.ก. 9 ให้แก่ผู้สนับสนุนเงิน การจัดกิจกรรมระดมทุนให้บันทึกบัญชีรายวัน แสดงรายได้ หรือรายรับ และนําไปแสดง ในงบการเงินประจําปีของพรรคการเมืองให้ครบถ้วน และถูกต้องตามที่กฎหมายกําหนด
อีกทั้งมาตรา 66 ยังระบุว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่า เกิน 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี มิได้ และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล การบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรค เกินปีละ5 ล้านบาท ต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมใหญ่คราวต่อไป หลังจากบริจาคแล้ว พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้
"ขอถามนายธร ว่า เมื่อกฎหมายให้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองทำได้ไม่เกินปีละ10 ล้านบาท และต้องรายงานกกต. ทุกเดือน ทำไมนายธนาธร ถึงบริจาคตั้ง 110 ล้าน หรือจะอ้างว่าให้พรรคยืม ก็ไม่มีระเบียบข้อไหนให้พรรคการเมืองยืมเงินใคร ดังนั้น นายธนาธร ตอบให้ได้ว่าอยู่ในหมวดไหน ระดมทุน หรือบริจาค และมีใบเสร็จมายืนยันหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ การให้ยืมนั้นทำไม่ได้อย่างแน่นอน จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย" นายบุญยอด กล่าว
'ศรีสุวรรณ'ยื่นกกต. 23 พ.ค.นี้
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า ได้ใช้เงินส่วนตัวให้ อนค. ยืมในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 110 ล้านบาท ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกอนค. ระบุว่า มีการยืมเงินนายธนาธรมา 250 ล้านบาท โดยมีการคิดดอกเบี้ย ทำให้น่าสงสัยว่า มีการยืมเงินเป็นจำนวนเท่าไร กันแน่
นอกจากนี้ น่าสงสัยว่า การให้พรรคการเมืองยืมเงินเพื่อไปประกอบกิจกรรมทางการเมืองนั้น ไม่มีข้อใดเขียนว่าสามารถใช้เงินยืมได้ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวนั้น ขัดต่อ ม. 66 ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง หรือไม่
"ผมเตรียมจะไปยื่นเรื่องดังกล่าวให้ กกต. ตรวจสอบในวันที่ 23 พ.ค. เพื่อวินิจฉัยว่า กรณีดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ นายธนาธร เองเป็นนักการเมือง ก็ต้องมีการตรวจสอบ หากมีความสงสัยเกิดขึ้นว่าสิ่งที่ทำนั้นขัดต่อกม. "นายศรีสุวรรณ กล่าว
"ธนาธร"คุยนักข่าวตปท.ให้พรรคยืมเงิน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นายธนาธร ได้รับเชิญให้ไปขึ้นเวทีบรรยาย ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ เอฟซีซีที (FCCT) ในหัวข้อ อะไรคืออนาคตของพรรคอนาคตใหม่ ตอนหนึ่ง นายธนาธรได้กล่าวถึงการบริหารการเงินของพรรคอนาคตใหม่ว่า เพื่อให้พรรคสามารถเดินหน้าในช่วงการเลือกตั้งได้ ปัจจุบันตนจึงให้เงินทางพรรคยืมไปแล้วราว 110 ล้านบาท
" พรรค (อนาคตใหม่) เป็นหนี้ผมอยู่ ผมให้เงินพรรคยืมอยู่ 110 ล้านบาท ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งรอบนี้ พรรคไม่สามารถระดมทุนได้ทันเวลาสำหรับการหาเสียง อย่างที่ผมบอกไปว่า พรรคเพิ่งมีตัวตนในทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 3 ต.ค.61 ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะสามารถระดมเงินได้ทันการหาเสียงเลือกตั้ง แต่เราก็ไม่ต้องการทำเหมือนพรรคอื่น เราต้องการความโปร่งใส ดังนั้นผมจึงไม่ได้ให้เงินพรรค แล้วบอกว่าให้พรรคใช้เงินก้อนนี้โดยไม่ต้องแจ้ง (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ผมต้องการที่จะเปิดเผยตรงไปตรงมา และเราก็แจ้งเรื่องเงินก้อนนี้ รวมถึงวิธีการใช้เงินของเรา ตอนนี้ในบัญชีของพรรค ผมเป็นเจ้าหนี้ การค้า (Account Payable)ร้อยกว่าล้าน ผมจำตัวเลขที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าจะประมาณ 105 หรือ 110 ล้านบาทไทย ผมให้พรรคยืมเงิน
"สิ่งสำคัญตอนนี้คือ การทำให้การเงินของพรรคยั่งยืนต่อไปได้ พรรคยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ และสามารถที่จะคืนเงิน 110 ล้านบาทนี้ให้กับผม (ผู้ฟังหัวเราะ) มันก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายหรือเปล่า ถ้าคนต่างชาติจะมาซื้อของที่ระลึกของเรา (ผู้ฟังหัวเราะ) แต่ถ้าคุณเป็นคนไทย กรุณาให้การสนับสนุนเราด้วย" นายธนาธร กล่าวกับผู้สื่อข่าว
พท.หวังชนะเลือกปธ.สภาฯ 25 พ.ค.นี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตย ยังมั่นคง เดินหน้า ร่วมเป็นแกนนำในการผ่าทางตันประเทศ หยุดการสืบทอดอำนาจ หยุด พล.อ.ประยุทธ์ ส่งคสช.กลับบ้าน มุ่งรักษาประชาธิปไตย ขอทุกฝ่ายเปิดใจกว้าง ทำหน้าที่เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่ความเป็นปกติโดยเร็ว วันนี้ กลุ่มอำนาจเดิม ยังพยายามใช้ทุกช่องทางเพื่อผลักดันให้ตัวเองสามารถสืบทอดอำนาจอยู่ต่อไป โดยไม่สนใจหลักการ หรือแนวปฏิบัติที่ถูกต้องใดๆ
วันนี้ กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ก็ยังไม่ได้หยุด ยังไม่จบการเดินทาง ทุกพรรคยังมุ่งมั่น ประสาน แลกเปลี่ยน หามุมมองใหม่ๆ จากทุกฝ่าย ผมยืนยันว่า การทำงานร่วมกันยังคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี แม้ฝ่ายกลุ่มผู้มีอำนาจเดิม จะพยายามออกมาพูดว่าทุกเรื่องคืบหน้า และจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ท่าทีเช่นนั้น ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ทางจิตวิทยา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพวกตนว่า กำลังจะเป็นรัฐบาล เพียงเพื่อหวังการโฆษณา ชวนเชื่อและคิดว่าหากทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่าพวกเขากระทำการเข้าสู่อำนาจได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่า พวกเรายังมีความมั่นคง มั่นใจ เดินหน้าทำสิ่งที่เราเชื่อมั่นต่อ และเรายังมีความหวัง ว่าเราจะชนะในเวทีของสภาผู้แทนราษฎร ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งผลแพ้ชนะจะรู้ชัดในวันที่เปิดประชุมสภาฯ ที่จะมาถึงในวันที่ 25 พ.ค.นี้ พลังประชาธิปไตย และความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เป็นเป้าหมายที่เราเชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมแน่นอน ถึงเวลา เคารพเสียงของประชาชน
ด้านนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ฝากถึงพี่ๆ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ครับ ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ยอมสละทุกอย่าง เพื่อกำจัดการสืบทอดอำนาจ ที่ผ่านมาเราต่อสู้ร่วมกันเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและอิสรภาพ ตอนนี้อยู่ที่ท่านแล้ว ที่จะเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน # ไม่ต้องรักเพื่อไทย แต่ขอให้รักประชาธิปไตยครับ
"วราวุธ"เผยถูก 2 ขั้ว จีบตั้งรัฐบาล
นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึง การจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดสรรโควตาให้กับพรรคการเมืองต่างๆ แล้วนั้น เชื่อว่าคงเป็นความเข้าใจกันในส่วนของพรรคพปชร.เอง แต่ในส่วนของพรรคชทพ. ยังไม่ได้มีการพูดคุยลงรายละเอียด และเท่าที่ตนได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น ทราบว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ ทั้งนั้น มีแต่ เพียงพูดคุยกันไว้หลวมๆ ถึงแนวทางการทำงาน แต่ในรายละเอียดยังไม่ได้มีใครได้รับการติดต่อจากพรรค พปชร. ว่าเป็นอย่างไร
"มีการติดต่อมาทั้ง 2 ข้าง แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะว่าตกลงกัน อย่างนั้น อย่างนี้ ยังไม่มีการพูดคุยกัน แค่เป็นการชักชวนเบื้องต้นจากทั้ง 2 ข้าง และเชื่อว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็โดนทั้ง 2 ข้างเทียบเชิญแน่นอน"
นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ในวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.นี้ จะมีการเลือกประธานสภา เราก็ยังไม่รู้เลยว่าแต่ละข้างจะเสนอใคร ทั้งนี้พรรคชทพ. จะต้องมีการประชุมพรรค เพื่อหารือว่าพรรคจะไปในทิศทางใด ซึ่งกำลังหารือกับหัวหน้าพรรค ก็ยังดูกันอยู่ว่าจะอย่างไร อาจจะเป็นวันที่ 23 พ.ค.ที่จะประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อถูกเทียบเชิญทั้ง 2 ข้าง แต่ละข้างยื่นข้อเสนออะไรให้บ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทย เสนอว่า จะเอาอะไรก็บอก ไม่มีปัญหา ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้กันอยู่ แต่ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรค พปชร.เสนอโควตารัฐมนตรี 2 เก้าอี้ให้พรรค ชทพ. นายวราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าเทียบกับจำนวน ส.ส. ที่เรามีอยู่ 10 ที่นั่งนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 7:1 หากปัดเศษกันแล้ว ให้เกียรติกันแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มมาจากพรรคพปชร. แต่อย่างใดว่า พรรคชทพ.ได้ 2 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวถามถึง ความเป็นไปได้เรื่องขั้วที่ 3 นายวราวุธ กล่าวว่า คิดว่าไม่มี คงมี 2 ขั้วเท่านั้น เพราะขั้วที่ 3 จะอยู่เองก็อยู่ไม่ได้ ขั้วที่ 1 และขั้วที่ 2 จะอยู่เอง ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นจะเกิดขั้วที่ 3 ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้
"จุรินทร์"ประชุม”ทีมอเวนเจอร์ส” วันนี้
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ได้นัดประชุมส.ส.และกรรมการบริห่ารพรรค ในวันนี้ (20 พ.ค.) เวลา 13.00 น. เพื่อมอบหมายงานให้รองหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค จะมอบหมายงานให้กับ คณะรองเลขาฯ รวมถึงจะมีการแบ่งงานด้านอื่นอีกหลายด้าน พร้อมทั้งตั้งคณะทำงานด้านต่างๆ เพื่อนำทีม "อเวนเจอร์ส" ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มรูปแบบ และในวันอังคาร ที่ 21 พ.ค. เวลา 13.00 น. ก็จะมีการเรียกประชุมเฉพาะส.ส.พรรค เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เตรียมงานต่างๆ ที่ต้องทำในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมี ส.ส.ใหม่หลายคนก็จะต้องมีการปฐมนิเทศ พูดคุยในเรื่องหลักการทำงานต่างๆ เพราะส.ส.ต้องทำหน้าที่ในสภาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ตาม
ส่วนกรณีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับส.ส.เพื่อพูดคุยในเรื่องการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดนัดประชุม แต่ขอให้ประชาชนวางใจ พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นายจุรินทร์ ได้ว่าจะยึดถือประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นที่ตั้ง
ปูด"ชวน"นั่งปธ.สภาฯ "บัญญัติ" ถอนตัว
ด้านนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า “ชวน come back!ในขณะที่มีข่าวหนาหูว่า หลายพรรคการเมืองจะโหวตให้คุณบัญญัติ เป็นประธานสภานั้น เช้านี้จู่ๆ ก็แวบขึ้นมาว่า คุณบัญญัติ ถอนตัว และมีการโหวตให้ คุณชวน เป็นประธานสภา!”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายไพศาล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าในวันที่ 25 พ.ค.จะมีการประชุมสภาฯ เป็นครั้งแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย แคนดิเดตประธานสภาฯ ในขณะนี้ น่าจะเหลือเฉพาะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสุชาติ ตันเจริญ และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และอาจเป็นไปได้ว่าทุกพรรคจะโหวตให้คุณบัญญัติ เป็นประธาน หมากกลชั้นครูจริงๆ
ปชป.รอมติพรรค ส่อร่วมพปชร.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ทราบทิศทางว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมติพรรค หากเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม ก็จะต้องไปในทิศทางเดียวกันทั้ง 52 คน แต่ขออย่าไปพูดข้างนอก
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มชัดเจน จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ มากกว่าไปร่วมกับพรรคการเมืองขั้วที่ 3 แต่เบื้องต้นยังไม่มีข้อยุติเรื่องโควต้ารัฐมนตรี อย่างที่เป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่า พรรคจะมีการประชุมร่วม ทั้งส.ส. และกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 22 พ.ค. เพื่อหารือ กำหนดทิศทางว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
"เสี่ยหนู"ประชุมกำหนดท่าทีวันนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก่อนที่จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก ในวันที่ 24 พ.ค. และจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ ในวันที่ 25 พ.ค.นั้น พรรคได้มีการจัดประชุมสัมมนา ส.ส. 51 คนของพรรคระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค. ที่โรงแรมโมเดน่า บาย เฟร์เซอร์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งในวันที่ 19 พ.ค. ช่วงบ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นำส.ส.ร่วมกิจกรรมสันทนาการ ละลายพฤติกรรม โดยได้ เล่นเกมต่างๆ สร้างความคุ้นเคย และใกล้ชิดระหว่างส.ส. จากนั้น เวลา 18.30 น. เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ ส.ส.ของพรรค
ส่วนวันที่ 20 พ.ค. จะมีการปฐมนิเทศ โดยมีนายอนุทิน เป็นประธานติวเข้มด้วยตัวเองซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดท่าที จุดยืน และทิศทางของพรรคว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้บรรยายเรื่องบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส. นอกจากนี้ยังมีการเชิญวิทยากรจาก สำนักงานป.ป.ช. มาให้ความรู้ เรื่องการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน พร้อมทั้งมีการประชุมเตรียมการตั้งคณะทำงานของกิจการส.ส.ด้วย
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค กล่าวว่า ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย จะอยู่ในสถานะใด จะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ยืนยันว่า ส.ส.ของพรรคทุกคน พร้อมทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
ส่วนท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ต่อการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ต้องรอดูที่ประชุม ส.ส. ของพรรค ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จะได้คำตอบเลยหรือไม่ เพราะยังมีเวลา ยังมีอีกหลายขั้นตอน ทั้งการเลือกประธาน ส.ว. การเลือกประธาน ส.ส. ดังนั้น คงต้องติดตามดูกันว่าในวันนี้ จะมีข้อสรุปออกมาหรือไม่
"พรรคภูมิใจไทยมีหลักการที่ท่านหัวหน้าพรรคบอกไว้ชัดเจนคือ จะยึดผลประโยชน์ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นที่ตั้ง ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจไปในทางใด ก็จะไม่พ้นกรอบหลักการนี้"โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว
โพลชี้พปชร.ตั้งรัฐบาลสำเร็จ
สวนดุสิตโพล เผยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณีรัฐบาลใหม่ในสายตาประชาชน จากกลุ่มตัวอย่าง 1,132 คน ระหว่างวันที่ 14-18 พ.ค.62 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร กับกระแสข่าวการรวมกลุ่มของพรรคการเมืองต่างๆในการจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 การเมืองวุ่นวาย มีแต่เรื่องผลประโยชน์ 59.52% อันดับ 2 การจับขั้วทางการเมืองยังไม่ชัดเจน ยังไม่เห็นข้อสรุปที่แน่นอน 24.48 %
2. คิดอย่างไร กรณีพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 เป็นพรรคที่ได้เก้าอี้ ส.ส.มากที่สุด ก็ควรได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล 43.76% อันดับ 2 ขึ้นอยู่กับการจับขั้วทางการเมือง ต้องดูจากคะแนนเสียงที่ได้ 39.59% อันดับ 3 ไม่น่าจะรวบรวมเสียงข้างมากได้ ไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล 20.92%
3. คิดอย่างไร กรณีพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 มีโอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ มีพรรคเล็กเป็นแนวร่วม 46.03% อันดับ 2 มีอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน 35.44% อันดับ 3 ขอให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม 31.26%
4. คิดอย่างไรกรณีพรรคขนาดกลาง (ปชป.-ภท.-อนค. ) จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 น่าสนใจ น่าจะบริหารบ้านเมืองได้ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง 50.47% อันดับ 2 เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ขอให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย 36.84% อันดับ 3 คงเป็นไปได้ยาก คะแนนเสียงที่มี อาจไม่พอ 16.02%
5. คิดว่าพรรคใด น่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อันดับ 1 พรรคพลังประชารัฐ 51.54% เพราะเป็นพรรคใหญ่ มีอำนาจต่อรองมีจำนวน ส.ส. มาก ได้รับเสียงสนับสนุนจาก 11 พรรคการเมือง มีแนวโน้มว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ฯลฯ อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 35.93% เพราะเป็นพรรคที่มีประสบการณ์ ชนะการเลือกตั้ง มีส.ส. มากที่สุด มีหลายพรรคให้การสนับสนุน ขึ้นอยู่กับการเจรจา ฯลฯ
6. ประชาชนคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ จะประสบปัญหาอะไรบ้าง อันดับ 1 ความขัดแย้ง คัดค้าน ต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม 40.82% อันดับ 2 ความไม่ชอบมาพากล ไม่เป็นธรรม 35.42% อันดับ 3 การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี โควต้าไม่ลงตัว 26.67%
"พรเพชร"เต็ง1ปธ.วุฒิฯ"บิ๊กจิน"รองฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงความเคลื่อนไหวการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนเพียงตำแหน่งเดียวคือ ประธานวุฒิสภาที่คาดว่าจะเป็นนายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นสายตรง และได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ส่วนอีก 2 ตำแหน่งที่เหลือ คือ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 กำลังเดินเกมขับเคี่ยวกันอยู่หลายคน จนมีข่าวลือออกมารายวัน อาทิ กลุ่ม 40 ส.ว. กลุ่มเดิมของ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีต รองประธาน สนช. นายพีระศักดิ์ พอจิต อดีตรองประธาน สนช. กลุ่ม ส.ว.สายทหาร นำโดย เตรียมทหารรุ่น 12 รุ่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ โดยปรากฏชื่อของ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อนสนิทของนายกฯ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ และนายศุภชัย สมเจริญ จะลงชิงตำแหน่งด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวระบุว่า สำหรับเก้าอี้ประธานวุฒิสภา เป็นของนายพรเพชร แน่นอน ส่วน นายสุรชัย และนายพีระศักดิ์ อาจจะไม่ได้ตำแหน่งรองฯ เพราะมีข่าวว่า คสช.จะมอบให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรองหัวหน้าคสช. อดีตรองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม แทน