xs
xsm
sm
md
lg

"ธนาธร"ส่อจบเกมเร็ว ติดกับดักตัวเองหรือคนใกล้ตัวพาพัง !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**ถือว่าเหนือความคาดหมายเหมือนกัน กับมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดอันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งเป็นส.ส. ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบตรา 98 (3)
ตามรายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่เป็นบริษัทที่ระบุวัตถุประสงค์ในการยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ว่า "ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน" รวมทั้งเมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัท พบว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร และให้บริการโฆษณา ซึ่งถือเป็นการประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชน และยังคงประกอบกิจการอยู่ ไม่มีการจดทะเบียนยกเลิกบริษัท หรือเสร็จการชำระบัญชีแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นหรือ บอจ. 5 ที่ กกต.ได้รับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็ยังปรากฏชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นมาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2562
ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประกาศเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562 จึงเท่ากับว่า ขณะที่ ธนาธร ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เขายังถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ จึงเข้าข่ายขาดคุณสมบัติต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561
มาตรา 42(3)
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไปก็คือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า ส.ส.ซึ่งถูกร้องมีกรณีดังกล่าวจริง ศาลรัฐธรรมนูญอาจมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ก็ต้องบอกว่าเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นคำร้องให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแบบนี้ ประกอบกับเป็นมติเอกฉันท์อย่างที่เห็น นั่นก็แสดงว่า "หลักฐานชัดเจน" โดยเฉพาะหลักฐานที่ปรากฏเป็นเอกสารทางราชการ ที่สำหรับใช้กับคนภายนอก ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ คณะกรรมการการเลือกตั้งนั่นเอง ที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และกรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกร้องเรียนในภายหลังและมีการตรวจสอบ โดยกรณีนี้แสดงให้เห็นว่า เป็นการพิจารณาจากเอกสารยืนยันทางราชการ นั่นคือ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่เป็น บอจ.5 ยืนยันหลักฐานว่า เขาเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ตั้งแต่ปี 2558 ถึง 21 มีนาคม 2562 พ้นกำหนดจากวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ ที่เขายื่นสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
**นั่นเท่ากับว่าเขาเข้าข่ายมีคุณสมบัติต้องห้ามในเรื่องการ "ถือหุ้นสื่อ"
แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมา อาจทำให้หลายคนนำไปเปรียบเทียบกับเรื่องที่ ส.ส.หลายคนกำลังถูกร้องเรียนในเรื่องเดียวกัน ก็ต้องบอกว่า "ต่างกัน" เพราะอย่างที่บอก กรณีของ ธนาธร ถือว่ามีการถือหุ้นสื่ออย่างชัดเจน และเป็นบริษัทที่เข้าองค์ประกอบกิจการสื่อ และมีการระบุ "วัตถุประสงค์" ชัดเจน ขณะที่หลายคนที่ถูกร้องนั้น จะเป็นแบบหนังสือคำร้องจดแจ้งบริษัทที่เป็นแบบฟอร์มระบุวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุม เช่น ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แต่ขณะเดียวกันในแบบฟอร์มจดแจ้งก็มีครอบคลุมทั้ง 11 ด้าน เอาไว้ด้วย
หรือหากเปรียบเทียบกับกรณีของผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ เขต 2 สกลนคร ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง จากการมีคุณสมบัติต้องห้าม กรณีถือหุ้นสื่อ ก็มีรายละเอียดต่างกัน โดยก่อนหน้านี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายได้อธิบายเพิ่มเติมว่า กรณีนี้แม้จะรู้สึกแปลกใจที่ศาลตัดสินแบบนี้ แต่เขาให้ความเห็นว่า อาจเป็นเพราะผู้สมัครรายนั้น ระบุแบบ "เจาะจงเพิ่มเติม" ว่า "มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการสื่อด้วย" ทำให้ศาลมีคำตัดสินมาอีกแบบ
สำหรับกรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ่งที่เขาพยายามต่อสู้ ชี้แจง และแก้ต่าง มีอยู่สองสามเรื่อง คือ หนึ่ง สู้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่มีอำนาจในการพิจารณา สอง พยายามหาหลักฐานว่า เขาได้โอนหุ้นในบริษัท ที่ "ประกอบกิจการสื่อ" ก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง นั่นคือ วันที่ 8 มกราคม 2562 มีการยืนยันตัวตน สถานที่ต่างๆนานา หลังจากที่ กกต. แจ้งข้อกล่าวหาว่าอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติเลือกตั้งมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือตอนนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับการรับรองเป็นส.ส.ไปแล้ว ซึ่งอาจถูกสอยภายใน 1 ปี แต่กรณีที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มันเหมือนกับว่า "เร็วเกินคาด" เพราะอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.เอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำพิพากษาออกมา
สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ออกมาแบบนี้หลายคนเชื่อว่า น่าจะเป็นเพราะ "ลืม" ก็เป็นได้ อาจเป็นเพราะ "มือใหม่" และหลังจากได้เห็นตัวอย่างกรณีผู้สมัครพรรคตัวเองที่ สกลนคร จึงนึกขึ้นได้ แล้วตาลตาเหลือกไปจัดการเรื่องเอกสารโอนหุ้น
**แต่ยิ่งแก้ไข มันเหมือนยิ่งมีพิรุธ ยิ่งน่าสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก และรัดคอตัวเองมากกว่าเดิม อีกทั้งยังพบเอกสารหลักฐานใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก
ขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นคำถามก็คือ หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามแนวทางที่เจ้าตัวยืนยันว่าได้ดำเนินการโอนหุ้นตามกำหนดเวลาถูกต้องจริง ทำไมถึงไม่มีน้ำหนัก ทั้งที่ในวันเข้าชี้แจง มีการหอบเอกสารเข้าไปเป็นลังๆ จึงไม่มีความหมาย หรือว่าเป็นประเภท "ถามช้างตอบม้า" เป็นคนละเรื่อง หรือเป็นเพราะ "กุนซือ" อ่อนหัด ไร้ประสบการณ์ จินตนาการเหมือนในตำรา ที่ต่างกับชีวิตจริง
และหากจำกันได้กรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กุนซือฝ่ายกฎหมายที่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ปราฏมีเพียงคนเดียว คือ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรค และเป็นนักวิชาการด้านกฎหมาย แต่เมื่อพิจารณาจากการแถลงชี้แจงช่วยเหลือ กลับไม่ค่อยเคลียร์ ตรงกันข้ามกลายเป็นเพิ่มความน่าสงสัย เกิดเป็นคำถามเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
ดังนั้นแม้ว่ากรณีนี้ยังต้องรอคำชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะออกมาอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้ม จากมติเอกฉันท์ของกกต. ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจคุณสมบัติแล้วมัน "สาหัส" ซึ่งนาทีนี้ไม่รู้ว่าเขาติดกับดักตัวเอง หรือว่า "กุนซือ" ใกล้ตัว พาพัง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น