**อาจเป็นเพราะสถานการณ์เปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน รวมไปถึงอาจเป็นเพราะมี "ขวัญใจ" หรือ "ไอดอล" คนใหม่หรือเปล่า ทำให้การโผล่ออกมาของ ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้กลับ "ไม่ปัง" หรือเปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากสถานการณ์ก็ต้องบอกว่า เวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองที่ทั้งสองขั้วกำลังรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่เริ่มเห็นรูปเห็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่ามีความเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองกันว่าย่อมมีผลต่ออนาคตของตัวเอง และคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก ต้องยอมรับกันว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นหนึ่งในสองขั้วการเมือง ที่แย่งชิงกันจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่า "ขั้วฝ่ายทักษิณ" กำลังตกเป็นรอง ขั้วที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลานี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบปี ที่ ทักษิณ มีสภาพแบบนี้ ในสภาพการเมืองแบบสูสี เพราะที่ผ่านมา ทักษิณ ชนะขาดมาตลอด
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นการออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ หรือมีข่าวคราวอะไรก็ตามที่ผ่านมาก็ต้องเรียกเสียงฮือฮา ได้รับความสนใจจากสังคมเสมอ แต่ครั้งล่าสุดไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ ทั้งที่มีประเด็นสำคัญจากคำพูดที่เขาพยายามสื่อออกมาอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นคำพูดในทำนองว่า "ทำดีแต่ไม่มีใครเห็นคุณค่า" และที่สำคัญคำพูดที่ว่า "หากมีคนสั่งให้หยุดก็จะหยุด" มันเป็นคำพูดที่ "ส่อนัย" อย่างชัดเจนว่าหมายถึง"ใคร" ซึ่งถือว่าเหิมเกริมแบบนี้มาตลอด
อีกทั้งที่มาพร้อมๆ กันก็คือเรื่องรายงานการเคลื่อนไหวในการเข้าซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอล "คริสตัล พาเลส" ของอังกฤษ ออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน โดยในกรณีของการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลดังกล่าว ยังไม่ยืนยันแบบร้อยเปอร์เช็นต์ แต่หากพิจารณาจากองค์ประกอบแวดล้อมก็พอเข้าใจได้ว่า ทำไมต้องมีข่าวในทำนองนี้ออกมา เช่น หนึ่ง เป็นช่วงของกระแสฟุตบอลในอังกฤษกำลังพีคสุด โดยเฉพาะการลุ้นแชมป์ของสองสโมสรดัง ที่มีแฟนบอลในเมืองไทยจำนวนมาก หากไม่นับกรณีที่เขาเคยเป็นเจ้าของสโมสร "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" และล้มเหลว ก็ต้องบอกว่าในยุคหนึ่งช่วงที่เคยมีการ "สร้างกระแส" ว่าจะซื้อสโมสรฟุตบอล "ลิเวอร์พูล" มีความเคลื่อนไหวที่ดูเป็นจริงเป็นจังมาก โดยเป็นช่วงที่เขากำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อยู่พอดี แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าทุกอย่างเงียบหายไปตามสายลม แต่ถึงอย่างไรแม้ว่าครั้งนั้นผลจะออกมา ในแบบไม่มีจริง แต่ก็ต้องบอกว่า เขาประสบความสำเร็จในด้านการตลาด ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
ผิดกับคราวนี้ที่ทุกอย่างกลับเงียบเชียบ ไม่ปังเปรี้ยงปร้างเหมือนกับครั้งก่อน และแม้ว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีเรื่องของการได้วีซ่า พำนักอยู่ในอังกฤษแบบยาวๆ หลังถูกเพิกถอน จึงต้องหาทางลงทุนทำธุรกิจที่นั่นอีกครั้ง หลังจากที่น้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้วีซ่านานถึง 10 ปีไปแล้ว
**ขณะเดียวกัน ข่าวคราวในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ก็เงียบเชียบส่อไปในทางพ่ายแพ้ออกมาให้เห็นมากขึ้นทุกที
สาเหตุที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิงแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถคุมเกมอะไรได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อกรกับ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดกว่า 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งในเวลานี้สังคมในกลุ่มที่เคยนิยมชมชอบเขามานาน เวลานี้ก็เปลี่ยนไปเป็นการทุ่มเทให้กับ "ไอดอล" คนใหม่ของเขาแล้ว นั่นคือ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" จากพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังมาแรง เหมือนกับที่แทบจะไม่มีใครสนใจบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงกันเลย ไม่ว่าจะเป็น "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" หรือ "จตุพร พรหมพันธุ์" คนพวกนี้กำลังถูกเลือนหาย
ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมันก็อาจเป็นคำตอบได้เหมือนกันว่า ทำไมกระแสของ ทักษิณ ชินวัตร ถึงไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อก่อน ตรงกันข้ามกับกระแสของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของพรรคอนาคตใหม่ ที่มาแรงกลายเป็น"ไอดอล" ใหม่ เพียงแต่ว่า คนอย่างธนาธร จะสามารถยืนระยะไปได้นานแค่ไหน เพราะด้วยบทบาทและการเคลื่อนไหวของเขานั้นมันหวือหวา ไม่รัดกุมและ"นิ่ง"จนถูกมองว่าไม่ได้เป็นความหวังของคนในสังคมทุกระดับ อาจเป็นได้แค่ขวัญใจของพวกเด็กๆที่มองโลกตามตำราเท่านั้น
**ดังนั้น หากโฟกัสเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ ถือว่ากระแสเริ่มตกลงไปมาก จนอาจเรียกได้ว่าอยู่ในกระแสปกติทั่วไปเข้าไปทุกทีแล้ว ทางหนึ่งเป็นเพราะเขาทอดเวลานานเกินไป และหากคราวนี้ต้องทอดยาวออกไปอีก ก็หมดสภาพแล้ว !!
ขณะเดียวกัน สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่ามีความเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองกันว่าย่อมมีผลต่ออนาคตของตัวเอง และคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก ต้องยอมรับกันว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นหนึ่งในสองขั้วการเมือง ที่แย่งชิงกันจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่า "ขั้วฝ่ายทักษิณ" กำลังตกเป็นรอง ขั้วที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลานี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบปี ที่ ทักษิณ มีสภาพแบบนี้ ในสภาพการเมืองแบบสูสี เพราะที่ผ่านมา ทักษิณ ชนะขาดมาตลอด
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นการออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ หรือมีข่าวคราวอะไรก็ตามที่ผ่านมาก็ต้องเรียกเสียงฮือฮา ได้รับความสนใจจากสังคมเสมอ แต่ครั้งล่าสุดไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ ทั้งที่มีประเด็นสำคัญจากคำพูดที่เขาพยายามสื่อออกมาอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นคำพูดในทำนองว่า "ทำดีแต่ไม่มีใครเห็นคุณค่า" และที่สำคัญคำพูดที่ว่า "หากมีคนสั่งให้หยุดก็จะหยุด" มันเป็นคำพูดที่ "ส่อนัย" อย่างชัดเจนว่าหมายถึง"ใคร" ซึ่งถือว่าเหิมเกริมแบบนี้มาตลอด
อีกทั้งที่มาพร้อมๆ กันก็คือเรื่องรายงานการเคลื่อนไหวในการเข้าซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอล "คริสตัล พาเลส" ของอังกฤษ ออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน โดยในกรณีของการซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลดังกล่าว ยังไม่ยืนยันแบบร้อยเปอร์เช็นต์ แต่หากพิจารณาจากองค์ประกอบแวดล้อมก็พอเข้าใจได้ว่า ทำไมต้องมีข่าวในทำนองนี้ออกมา เช่น หนึ่ง เป็นช่วงของกระแสฟุตบอลในอังกฤษกำลังพีคสุด โดยเฉพาะการลุ้นแชมป์ของสองสโมสรดัง ที่มีแฟนบอลในเมืองไทยจำนวนมาก หากไม่นับกรณีที่เขาเคยเป็นเจ้าของสโมสร "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" และล้มเหลว ก็ต้องบอกว่าในยุคหนึ่งช่วงที่เคยมีการ "สร้างกระแส" ว่าจะซื้อสโมสรฟุตบอล "ลิเวอร์พูล" มีความเคลื่อนไหวที่ดูเป็นจริงเป็นจังมาก โดยเป็นช่วงที่เขากำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อยู่พอดี แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าทุกอย่างเงียบหายไปตามสายลม แต่ถึงอย่างไรแม้ว่าครั้งนั้นผลจะออกมา ในแบบไม่มีจริง แต่ก็ต้องบอกว่า เขาประสบความสำเร็จในด้านการตลาด ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
ผิดกับคราวนี้ที่ทุกอย่างกลับเงียบเชียบ ไม่ปังเปรี้ยงปร้างเหมือนกับครั้งก่อน และแม้ว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีเรื่องของการได้วีซ่า พำนักอยู่ในอังกฤษแบบยาวๆ หลังถูกเพิกถอน จึงต้องหาทางลงทุนทำธุรกิจที่นั่นอีกครั้ง หลังจากที่น้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้วีซ่านานถึง 10 ปีไปแล้ว
**ขณะเดียวกัน ข่าวคราวในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ก็เงียบเชียบส่อไปในทางพ่ายแพ้ออกมาให้เห็นมากขึ้นทุกที
สาเหตุที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิงแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถคุมเกมอะไรได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อกรกับ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดกว่า 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งในเวลานี้สังคมในกลุ่มที่เคยนิยมชมชอบเขามานาน เวลานี้ก็เปลี่ยนไปเป็นการทุ่มเทให้กับ "ไอดอล" คนใหม่ของเขาแล้ว นั่นคือ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" จากพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังมาแรง เหมือนกับที่แทบจะไม่มีใครสนใจบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงกันเลย ไม่ว่าจะเป็น "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" หรือ "จตุพร พรหมพันธุ์" คนพวกนี้กำลังถูกเลือนหาย
ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมันก็อาจเป็นคำตอบได้เหมือนกันว่า ทำไมกระแสของ ทักษิณ ชินวัตร ถึงไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อก่อน ตรงกันข้ามกับกระแสของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของพรรคอนาคตใหม่ ที่มาแรงกลายเป็น"ไอดอล" ใหม่ เพียงแต่ว่า คนอย่างธนาธร จะสามารถยืนระยะไปได้นานแค่ไหน เพราะด้วยบทบาทและการเคลื่อนไหวของเขานั้นมันหวือหวา ไม่รัดกุมและ"นิ่ง"จนถูกมองว่าไม่ได้เป็นความหวังของคนในสังคมทุกระดับ อาจเป็นได้แค่ขวัญใจของพวกเด็กๆที่มองโลกตามตำราเท่านั้น
**ดังนั้น หากโฟกัสเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ ถือว่ากระแสเริ่มตกลงไปมาก จนอาจเรียกได้ว่าอยู่ในกระแสปกติทั่วไปเข้าไปทุกทีแล้ว ทางหนึ่งเป็นเพราะเขาทอดเวลานานเกินไป และหากคราวนี้ต้องทอดยาวออกไปอีก ก็หมดสภาพแล้ว !!