xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองรอเดือดหลัง 9 พ.ค. มองทุกมุม"ลุงตู่"รูปมวยยังกินขาด!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**หากพิจารณาบรรยากาศการเมืองในช่วงเวลานี้โดยรวมแล้วถือว่าเป็นช่วงระหว่างรอ ทั้งรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่จะประกาศรับรอง ส.ส.ไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคม และที่สำคัญที่สุด ก็คือระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ฝ่ายการเมืองทุกฝ่ายไม่ควรเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้โดยหลักการแล้วถือว่า "นิ่ง"
แต่อาจมีบ้างที่เคลื่อนไหวในรูปแบบของการร้องเรียน พรรคนั้น พรรคนี้ คนนั้น คนนี้ ทำผิดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง หรือมีเสียงโวยวายตามมา ประเภทที่ว่า ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการเอื้อประโยชน์ให้กับอีกฝ่าย ก็ว่ากันไป แต่นั่นคงไม่ใช่เป็นสาระหลัก แม้อาจจะมีกรณีข้อกล่าวหาเรื่องถือหุ้นสื่อของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าจะเข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามการรับสมัครส.ส.หรือไม่ ที่กำลังลุ้นว่า จะออกหัว ออกก้อย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชี้ขาดว่าจะให้ "ใบส้ม" หรือ"แขวน" หรือไม่ หรือหากแขวน จะเกิดขึ้นก่อน หรือ หลังวันที่ 9 พฤษภาคม
แต่หากให้สรุปในภาพรวมเบื้องต้นเท่าที่พอมองเห็นในเวลานี้ก็คือ การเมืองจะเริ่มเคลื่อนไหวจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม นั่นคือ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีก 3 วัน ตามกฎหมายจะต้องมีการประกาศรายชื่อส.ว.จำนวน 250 คน โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคสช.ได้ย้ำว่า ได้เตรียมรายชื่อไว้พร้อมแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงการตรวจทานเรื่องคุณสมบัติให้รอบคอบ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้น
**ขณะเดียวกัน หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้วยังมั่นใจว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งน่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส.ร้อยละ 95 ไปก่อน เพื่อให้สามารถเปิดสภาและดำเนินการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามขั้นตอน
ดังนั้นหากเป็นไปตามนี้ นั่นก็หมายความว่าตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมเป็นต้นไป เมื่อได้รับทราบว่าแต่ละพรรคมีจำนวน ส.ส. จำนวนเท่าใด ก็จะได้เห็นการเจรจาทาบทามอย่างจริงจัง และเป็นทางการ ก็จะเริ่มขึ้นทันที แม้จะเชื่อว่าในช่วงเวลานั้นจะมีการวิจารณ์ โจมตีรายชื่อ ส.ว. ชุดใหม่ ประเภทไม่ถูกใจ หรือเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของพวกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ว่ากันไป
แต่หากพิจารณาจากความน่าจะเป็น จากแนวโน้มเท่าที่เห็น แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีเสียงส.ส.มากที่สุด แต่ก็เชื่อว่าไม่อาจรวบรวมเสียงได้เกินครึ่งของ ส.ส.คือ 251 เสียง หรือได้ไม่ถึงครึ่งของเสียงส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรด้วยซ้ำไป เพราะในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคพลังประชารัฐ ไม่อาจไปรวมกับพรรคเพื่อไทย มันก็ไม่มีทางได้เสียงเกินครึ่งดังกล่าว ทำให้การยืนยันข้ออ้างในเรื่องสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาลก่อน ต้องกร่อยไป เพราะในความเป็นจริงการอ้างสิทธิ์ในความหมายที่ว่า "กินไม่ได้" นั่นคือทำอย่างไรก็เสียงไม่พอโหวตเก้าอี้นายกฯ เพราะต้องใช้เสียงสนับสนุนถึง 376 เสียงขึ้นไป
ขณะที่ฝั่งของพรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุน "บิ๊กตู่" หรือ"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะยังไม่รู้ว่าสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ในสภาได้ถึง 251 เสียง หรือไม่ แต่ถือว่ามีเสียงส.ว.แต่งตั้งตุนเอาไว้ในมือแล้ว จากจำนวนเต็ม 250 เสียง ส่วนจะโหวตให้เท่าไหร่นั้น แม้ยังไม่ทราบแต่รับรองว่าต้องมากพอและรวมกับส.ส. เกิน 376 เสียงแน่นอน เพียงแต่รอลุ้นให้ได้เสียงสนับสนุนมากพอสำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลดความเสี่ยงในเก้าอี้นายกฯ เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในภาพรวมของการเมืองในเวลานี้มองดูแลจะนิ่ง อาจมีเสียงโวยวายจากเสียงร้องกันไปมารายวันให้รำคาญหัวใจบ้าง แต่โดยหลักแล้วยังต้องรอวันที่ 9 พฤษภาคม เป็นต้นไป แต่ก็ได้เห็นแนวโน้มความตึงเครียด วุ่นวาย ซ่อนอยู่แบบรอวันปะทุได้เหมือนกัน
**เมื่อพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว แม้ในช่วงนั้นการเมืองจะกลับมาร้อนแรงกันอีกรอบ แต่สำหรับคู่ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากไม่มีอะไรพลิกผัน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาทีนี้ ยังเต็งหนึ่ง เนื่องจากมีองค์ประกอบพร้อมมากกว่าใคร !!
กำลังโหลดความคิดเห็น