ผู้จัดการรายวัน360-กทพ.หารืออัยการ พิจารณายื่นศาลเพิกถอนหรือไม่ หลังแพ้คดีปรับค่าผ่านทาง ปี 46 อนุญาโตฯ สั่ง จ่ายชดเชย BEM คดีพิพาทปรับค่าผ่านทางด่วน ขั้น2 ส่วน D วงเงินเกือบ 2 พันล้าน
จากกรณีที่ คณะอนุญาโตตุลาการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จ่ายค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,048.23 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ในคดีพิพาทปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษ (ทางด่วน) ศรีรัชส่วน D ช่วงถนนรัชดาภิเษก-ศรีนครินทร์ ปี 2546 ระหว่างกทพ. และ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยมีคำชี้ขาดลงวันที่ 22 เมษายน 2562 นั้น
นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำการแทนผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. รับทราบผลคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการคดีข้อพิพาทการปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษศรีรัช ส่วน D ช่วงถนนรัชดาภิเษก-ศรีนครินทร์ ปี 2546 ที่ให้ กทพ. จ่ายค่าเสียให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือ BEM วงเงินเกือบ 2 ,000 ล้านบาท แล้ว ซึ่งตามขั้นตอน กทพ.จะต้องรอเอกสารจากอนุญาโตตุลาการ แจ้งมาอย่างเป็นทางการ จากนั้น จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาแนวทาง ดำเนินการ ซึ่งยังมีขั้นตอนยื่นเพิกถอนเพิกถอนคำชี้ขาด โดยขึ้นกับการพิจารณาว่าจะยื่นหรือไม่
สำหรับข้อพิพาทคดีปรับค่าผ่านทางดังกล่าว นั้น ถือเป็นคดีที่ 2 ที่กทพ. แพ้ในชั้นอนุญาโตตุลาการ มติเอกฉันท์ด้วยเสียง 3 ต่อ 0 ซี่งเป็นไปตามการคาดการณ์ และคาดว่าจะมีคดีแบบนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งกทพ.และBEM ยังมีข้อพิพาทที่อยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการอีกหลายเรื่อง
ดังนั้น กทพ.จึงได้นำข้อพิพาทที่มีทั้งหมด นำมาเจรจารวมอยู่ใน การเจรจากับ BEM เรื่องการขยายสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่2 เพื่อแลกจ่ายชดเชย ที่กทพ. แพ้คดีทางแข่งขันทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ให้กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL ซี่งเป็นบริษัทลูกของ BEM โดยให้ BEM ยกเลิกฟ้องร้องข้อพิพาททั้งหมด
โดยขณะนี้คณะอนุกรรมการฯ ที่มีนายปกรณ์ อาภาพันธุ์ กรรมการ กทพ.เป็นประธาน อยู่ระหว่างการเจรจากับ BEM คาดว่าภายในเดือน พค. นี้น่าจะได้ข้อสรุป
ทั้งนี้ ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการลงวันที่ 22 เมษายน 2562 โดยคณะอนุญาโตตุลาการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้ขาดให้กทพ.ค่าเสียหายแก่ BEM พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,048.23 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ข้อ 25.6 ของต้นเงินค่าเสียหายจำนวน 914.35 ล้านบาท คิดเป็นรายวันตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่ากทพ.จะชำระเสร็จสิ้น และ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาง ตามอัตราค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2546 กับส่วนแบ่งที่ บริษัทฯ มีสิทธิจะได้รับตามสัญญา โดยคำนวณตามจำนวนรถยนต์แต่ละประเภทที่ใช้ทางตามจริง เป็นรายวัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2551 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2551และดอกเบี้ยผิดนักสัญญา
ในขณะที่ กทพ. อาจขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดได้ โดยยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำชี้ขาด
จากกรณีที่ คณะอนุญาโตตุลาการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จ่ายค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,048.23 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ในคดีพิพาทปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษ (ทางด่วน) ศรีรัชส่วน D ช่วงถนนรัชดาภิเษก-ศรีนครินทร์ ปี 2546 ระหว่างกทพ. และ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยมีคำชี้ขาดลงวันที่ 22 เมษายน 2562 นั้น
นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำการแทนผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. รับทราบผลคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการคดีข้อพิพาทการปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษศรีรัช ส่วน D ช่วงถนนรัชดาภิเษก-ศรีนครินทร์ ปี 2546 ที่ให้ กทพ. จ่ายค่าเสียให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือ BEM วงเงินเกือบ 2 ,000 ล้านบาท แล้ว ซึ่งตามขั้นตอน กทพ.จะต้องรอเอกสารจากอนุญาโตตุลาการ แจ้งมาอย่างเป็นทางการ จากนั้น จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาแนวทาง ดำเนินการ ซึ่งยังมีขั้นตอนยื่นเพิกถอนเพิกถอนคำชี้ขาด โดยขึ้นกับการพิจารณาว่าจะยื่นหรือไม่
สำหรับข้อพิพาทคดีปรับค่าผ่านทางดังกล่าว นั้น ถือเป็นคดีที่ 2 ที่กทพ. แพ้ในชั้นอนุญาโตตุลาการ มติเอกฉันท์ด้วยเสียง 3 ต่อ 0 ซี่งเป็นไปตามการคาดการณ์ และคาดว่าจะมีคดีแบบนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งกทพ.และBEM ยังมีข้อพิพาทที่อยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการอีกหลายเรื่อง
ดังนั้น กทพ.จึงได้นำข้อพิพาทที่มีทั้งหมด นำมาเจรจารวมอยู่ใน การเจรจากับ BEM เรื่องการขยายสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่2 เพื่อแลกจ่ายชดเชย ที่กทพ. แพ้คดีทางแข่งขันทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ให้กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL ซี่งเป็นบริษัทลูกของ BEM โดยให้ BEM ยกเลิกฟ้องร้องข้อพิพาททั้งหมด
โดยขณะนี้คณะอนุกรรมการฯ ที่มีนายปกรณ์ อาภาพันธุ์ กรรมการ กทพ.เป็นประธาน อยู่ระหว่างการเจรจากับ BEM คาดว่าภายในเดือน พค. นี้น่าจะได้ข้อสรุป
ทั้งนี้ ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการลงวันที่ 22 เมษายน 2562 โดยคณะอนุญาโตตุลาการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้ขาดให้กทพ.ค่าเสียหายแก่ BEM พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,048.23 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ข้อ 25.6 ของต้นเงินค่าเสียหายจำนวน 914.35 ล้านบาท คิดเป็นรายวันตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่ากทพ.จะชำระเสร็จสิ้น และ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาง ตามอัตราค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2546 กับส่วนแบ่งที่ บริษัทฯ มีสิทธิจะได้รับตามสัญญา โดยคำนวณตามจำนวนรถยนต์แต่ละประเภทที่ใช้ทางตามจริง เป็นรายวัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2551 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2551และดอกเบี้ยผิดนักสัญญา
ในขณะที่ กทพ. อาจขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดได้ โดยยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำชี้ขาด