xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“พ่อฟ้า”ควง “ปิยบุตร”หงายการ์ด ! หอบลังหลักฐาน 26รายการ แจงกกต.ปมโอนหุ้น วี-ลัค มีเดีย ย้ำเป็นเรื่องการเมือง น่าเป็นห่วง กกต. เผือกร้อนถือครองหุ้นสื่อจะลวกมือ จับตาคิว“พลังประชารัฐ-เพื่อไทย”หากมาตรฐานแบ่งเป็นสองเมื่อไหร่ บานปลายแน่

วันนี้มาถึงจุดพีคอีกวัน สำหรับคดีถือครองหุ้นสื่อวี-ลัค มีเดีย ของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ควง "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรค มีภาพหอบลังเอกสารกล่องใหญ่ ที่ว่าบรรจุเอกสารกว่า 26 รายการ นำมาชี้แจงคณะกรรมการไต่สวน กกต. "พ่อฟ้า" กล่าวว่า “การให้ข้อมูลวันนี้ เป็นไปด้วยความตึงเครียด และคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ กกต.ไม่สามารถบอกได้ว่า หลักฐานชิ้นใดที่บ่งบอกว่าผมเองกระทำความผิด จึงเชื่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวโยงกับประเด็นทางการเมือง"...
“สบายใจมาก และ มั่นใจในการชี้แจงมาก ในการชี้แจงกับ กกต. ครั้งนี้ เชื่อมั่นว่ากระแสที่ถูกปลุกขึ้นมา ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่จะมาหักล้างหลักฐานที่เราได้ยืนยันต่อสาธารณะไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นต้องบอกว่า เป็นความพยายามที่จะหยิบเอาประเด็นเล็ก ประเด็นน้อยมาตั้งข้อสงสัย และพูดซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คนในสังคมเข้าใจผิดกันไปหมด แต่ถ้าสู้กันด้วยข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีใครมีหลักฐานมาหักล้างเราได้เลย”
ส่วน "ปิยบุตร" คอยเสริมว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ เรื่องผลทางกฎหมายของการโอนหุ้น ซึ่งเรื่องนี้พยานหลักฐาน ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง แนวคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งหมด สนับสนุนยืนยันชัดเจนว่า "ธนาธร" ไม่ได้ถือหุ้นสื่อแล้วในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง
สุดท้าย"พ่อฟ้า" ไม่ลืมปลุกเร้าอารมณ์บรรดาน้องฟ้าทั้งหลาย เรียกเสียงกริ๊ด โดยขู่จะตอบโต้กับฝ่ายที่เล่นงานของเขาด้วย'ว่า “ความอดทนของคนมีขีดจำกัด” ภายใน 1 ปีอนาคตใหม่โดนไปแล้ว 16 คดี บวกกับเรื่องวันนี้ที่ กกต. รับตั้งข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้ธนาธรเอาคืนแน่ โดยจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลที่ร้องเรียน แต่...จะกระทำหลัง คสช.หมดอำนาจ ... แม้ว่า พ่อฟ้าอาจจะต้องรอนานหน่อยงานนี้ แต่ก็น่าติดตามว่าโดยข้อเท็จจริง และความเป็นไปของข้อกล่าวหานี้ ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงจุดนี้ เป็นปัญหาที่ต้องตีความกันพอสมควร
น่าเป็นห่วงบริบท “ถือครองหุ้นสื่อ”ที่เข้าข่ายต้องห้ามนั้น มาตรฐานจริงๆ แต่ละกรณีไม่มีใครทราบต่างกันอย่างไร แต่ตอนนี้ถูกผูกโยงเข้ามาเป็นเรื่องเดียวกันไปเรียบร้อย
ถ้า กกต.ไต่สวนกรณีพ่อฟ้าหลังจากวันนี้ อย่างเป็นธรรมจริงๆ ไม่มีธงการเมืองอย่างที่ธนาธร ว่า “เผือกร้อน”ถือครองหุ้นสื่อก็ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เช่นนั้นหากกลายเป็นสองมาตรฐานเมื่อไหร่ คิดต่อได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องไม่คาดหมายจะมาโดยที่ควบคุมไม่ได้ จะยุ่งไปกันใหญ่ แว่วว่า "พี่ศรี" ศรีสุวรรณ จรรยา จะยื่นเรื่องการถือครองหุ้นสื่อของ พลังประชารัฐ และ เพื่อไทย เพื่อความเท่าเทียม ไม่เลือกเจาะจงส้มหวานเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ดังกล่าว ... เผือกร้อนจะลวกมือ กกต.หรือไม่ เท่าที่เปรยๆ กันออกมา พลังประชารัฐ เป้าอยู่ที่ "มาดามเดียร์" วทันยา วงษ์โอภาสี ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ก่อนหน้านี้ถือหุ้นสื่อค่ายเนชั่น แต่เรื่องนี้ว่าไปแล้ว มาดามเดียร์ ก็เคลียร์ตัวเองไปแล้ว และ เช็กคุณสมบัติของตัวเองเรียบร้อย ยกเว้นเสียแต่ว่า "พี่ศรี" มีทีเด็ด หรือไม่ใช่ มาดามเดียร์ แต่เป็นคนอื่นในพรรคลุงตู่ เช่นเดียวกับ "เพื่อไทย" สังคมก็อยากรู้ว่า ใครจะถูกร้อง และร้องอย่างไร
เรื่องนี้ทั้งอ่อนไหว และอาจมองได้ว่าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง ... กกต. ต้องอย่าให้ใครเขาว่า "รับใบสั่งทางการเมือง" เลือกที่รักมักที่ชัง เลือกข้าง สองมาตรฐาน สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็เป็นอย่างที่ ธนาธร และ ปิยบุตร ว่า วันนี้หากเอาตัวบทกฎหมาย การไม่มีข้อเท็จจริง มาทำลายกันทางการเมือง ถ้าเป็นอย่างนั้น ร้องกันไปร้องกันมา อีกฝ่ายก็ต้องร้องกลับ ใช้กฎหมายโต้กลับ ถึงเวลานั้นไม่ต้องทำอะไรกันพอดี...
เรื่องนี้เรื่องใหญ่ และถ้าสมมุติบานปลาย มีการสั่งแขวนชื่อ นายธนาธร หรือให้"ใบส้ม" ซึ่งแน่นอน พรรคอนาคตใหม่ ย่อมสู้เต็มที่ เพื่อแสดงว่า กกต.ไม่มีอำนาจ ปิยบุตร ก็พูดแล้ว ถ้าจะเอากันถึงขนาดนั้นก็แสดงว่า การตั้งข้อกล่าวหาโดยใช้ดุลยพินิจไม่ชอบ ส่งผลเสียหายร้ายแรง แล้วกกต. ทั้ง 7 คน จะรับผิดชอบไหวหรือ ?
ในผลที่จะเกิดจาก"คดีพลิก" หรือ "กระแสตีกลับ" หากพ่อฟ้าบริสุทธ์ โดยชี้แจงได้ ในแง่นี้ไม่ใช่แค่ กกต.ทั้ง 7 จะรับผิดชอบไหว หรือไม่ หากเป็นทั้งบางการเมือง โดยเฉพาะคสช. และรัฐบาลลุงตู่ ก็ต้องด้วย ... มองเห็นความขัดแย้งภายในสังคมจะปะทุรอบใหม่ ลางๆ... นี่คือเดิมพันที่ กกต.จะพลาดไม่ได้ .

**แฉตำรวจยังเดินหน้าเอาผิด "ซ้ง" ทีมงาน"อาจารย์เดชา" หมอพื้นบ้านครอบครองกัญชา ทั้งที่เรื่องพัฒนาไปไกล ทุกหน่วยงานสนับสนุน "ลุงตู่" สั่งลุยแล้ว
จากการตื่นตัวเพื่อพัฒนากัญชาพืชมหัศจรรย์ให้เป็นยารักษาโรค ใครจะไปคาดคิดว่า ตำรวจยังไม่ละความพยายามเอาผิดกับ "ซ้ง" พรชัย ชูเลิศ ที่เป็นทีมงานของ"อาจารย์เดชา ศิริภัทร" แห่งมูลนิธิข้าวขวัญหมอพื้นบ้าน ผู้เป็นแรงบันดาลใจใช้น้ำมันกัญชารักษาผู้ป่วย ..."พรชัย ชูเลิศ" ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหาผลิตและครอบครองกัญชา เมื่อวันที่ 3 เม.ย ที่ผ่านมา และได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา ขณะที่อาจารย์เดชา ตำรวจไม่แจ้งข้อกล่าวหา
จากวันนั้นต้องถือว่าได้กลายเป็นจุดเปลี่ยน กระแส Savedacha ในโลกออนไลน์ ทำให้"รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา" เปิดทางให้มีการพัฒนากัญชา และหนุนอาจารย์เต็มที่ ... วันนี้นโยบายให้ภาครัฐสนับสนุนการดำเนินงานของอาจารย์เดชา ศิริภัทร ซึ่งรวมถึงหลายสถาบันการศึกษาได้เข้าร่วมวิจัยในกิจกรรม อาจารย์เดชา ศิริภัทร อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนในหลายมิติยังดำเนินไปไกลมาก อีกทั้งกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกได้ประกาศให้อาจารย์เดชา ศิริภัทร เป็น"หมอพื้นบ้าน" อีกด้วย
ขณะที่ในข้อเท็จจริงแล้ว เป็นที่รับรู้ในทางสาธารณะแล้วว่า กัญชาทั้งหมดไม่ใช่ของพรชัย แต่เป็นของ อาจารย์เดชา ศิริภัทร ซึ่งได้แจกฟรีให้ประชาชนและผู้ป่วย เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ประกอบกับการจับกุมครั้งนั้น ยังไม่หมดช่วงนิรโทษกรรม ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น "ซ้ง" ทีมงานอาจารย์เดชาจ ควรได้รับความเป็นธรรม แต่จะให้ความเป็นธรรม มอบนโยบายสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ และประสานไม่ส่งฟ้อง เพื่อเอาผิด พรชัย ชูเลิศ หรือ ซ้ง โดยเร็วต่อไป หรือไม่นั้น อยู่ที่ "พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" ผบ.ตร. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

** ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รอบนี้ มี "ออฟชั่น" ร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาลลุงตู่ พ่วงมาด้วย ต้องวัดใจ "โหวตเตอร์" ว่าอยากให้พรรคเดินไปทางไหน
ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ค.นี้ จะมีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 4 คน ประกอบด้วย กรณ์ จาติกวณิชย์-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-อภิรักษ์ โกษะโยธิน และ พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ในจำนวนนี้ "กรณ์" ได้เริ่มออกเดินสายหาเสียงสนับสนุนแล้ว โดยเพิ่งลงพื้นที่ภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช และกระบี่ ไปเสนอแนวทางแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ และได้เปิดตัว "ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์" ว่าที่ ส.ส.ตาก มาเป็นเลขาธิการพรรคแล้ว จุดยืนและท่าที ไม่อยากนำพรรคไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ
ส่วน "จุรินทร์" รักษาการหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีจุดยืน"ไม่สนับสนุน" แนวทางการสืบทอดอำนาจของ "ลุงตู่" ให้การสนับสนุนอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะให้ใครมาเป็นเลขาธิการพรรค
ขณะที่ "อภิรักษ์" อดีต ผู้ว่าฯกทม. สองสมัย ที่มีภาพเป็นนักบริหาร มี "ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์" อดีตเลขาธิการอังค์ถัด เป็นพี่เลี้ยง ก็หวังจะเชื่อมคนรุ่นใหม่ กับรุ่นเก่าในพรรค เพื่อกอบกู้ ฟื้นฟูพรรคครั้งใหญ่เช่นกัน โดยยังไม่เปิดเผยว่าจะดึงใครมาเป็น "แม่บ้าน" และตัวอภิรักษ์เองก็ไม่ได้เป็นว่าที่ส.ส.เหมือนคู่แข่ง
ด้าน"พีรพันธุ์" เข้ามาในฐานะหัวหอกของสมาชิกสาย กปปส. โดยมี "ถาวร เสนเนียม" รับอาสาเป็นเลขาธิการพรรค จุดยืนชัดเจนว่าจะพาพรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ต่ออายุให้ "ลุงตู่" อยู่ต่อ
ที่ประชุมใหญ่ที่จะเลือกหัวหน้าพรรค ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ มีองค์ประชุมทั้งหมด 307 คน แต่ให้น้ำหนักในการโหวต ไม่เหมือนกัน โดยแบ่งการคำนวณคะแนนเป็นสองส่วน คือส่วนที่หนึ่ง ส.ส.ใหม่ 52 คน มีน้ำหนักในการโหวต 70% ส่วนที่สองมีน้ำหนักคะแนนในการโหวต 30% กลุ่มนี้จะประกอบด้วย กก.บห. ชุดเก่า อดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค กลุ่มผู้บริหารท้องถิ่น กลุ่มหัวหน้าสาขาพรรค หรือตัว แทนจังหวัด และกลุ่มตัวแทนผู้ ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ชุดล่าสุดอีก 25 คน
หากพิจารณาจาก "โหวตเตอร์" แล้ว คู่ของ "พีรพันธุ์-ถาวร" จะดูเป็น"มวยรอง" เพราะสาย กปปส. ในพรรคอาจจะดูน้อยกว่า แต่ก็มีฐานเสียงที่ชัดเจน และจุดยืนก็ชัดเจนว่า จะเป็นรัฐบาลร่วมกับคณะของ"ลุงตู่" ส่วนอีก 3 คน "กรณ์-จุรินทร์-อภิรักษ์" ภาพโดยรวมแม้จะมีฐานเสียงที่กว้างกว่า แต่ก็มีความทับซ้อนกันอยู่ หากมีการเฉลี่ยคะแนน หรือ"ตัดคะแนนกันเอง" โดยไม่เทไปที่คนใดคนหนึ่ง ผลสุดท้ายคู่ของ "พีรพันธุ์-ถาวร" อาจคว้าพุงปลาไปกิน ก็เป็นได้... โดยเฉพาะถ้าโหวตเตอร์ อยากให้ประชาธิปัตย์ได้ร่วมรัฐบาล

--------
รูป—ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – ปิยบุตร แสงกนกกุล
-เดชา ศิริภัทร--... "ซ้ง” พรชัย ชูเลิศ
กรณ์ จาติกวณิช - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์- อภิรักษ์ โกษะโยธิน- พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

กำลังโหลดความคิดเห็น