"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.ระงับการประกาศผล และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมลงโทษอาญา "11 ผู้สมัคร -ว่าที่ ส.ส.อนาคตใหม่" ถือหุ้นสื่อ ด้าน "ธนาธร"พร้อมเข้าชี้แจง กกต. 30 เม.ย.นี้ ท้าตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์จาก "ดีแทค"ได้ว่า วันที่ 8 ม.ค. 62 อยู่ จ.บุรีรัมย์ หรือไม่ ลั่นถ้าอนาคตใหม่ถูกยุบ พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์ ต้องโดนด้วย
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งข้อมูลมาจากประชาชนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อฯ ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และว่าที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า มีถึง 11 ราย ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตาม ม. 98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.42 (3) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561
ดังนั้นทางสมาคมฯ จะนำความ พร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 11 คนไปยื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อระงับการประกาศผล และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมลงโทษตาม ม.151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี”ด้วย
ทั้งนี้ สมาคมฯ จะไปยื่นคำร้องต่อกกต. ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.จากพรรคต่างๆ ทั้งฝ่ายที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และฝ่ายสืบทอดอำนาจอีกมาก ที่เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อซึ่งสมาคมฯ จะรวบรวมนำไปร้องกกต.ในโอกาสต่อไป
ท้าไปเอาข้อมูล"ดีแทค" มายืนยันได้
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีการโอนหุ้นสื่อ ที่ตนจะไปชี้แจงต่อ กกต. ในวันที่ 30เม.ย.นี้ว่า คงไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรมาก เพราะมั่นใจว่า ชี้แจงได้ทุกเรื่อง เรามีเอกสารทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตผ่านการรายงานข่าวต่างๆ นั้น ที่ผ่านมาก็เป็นการพูดด้วยวาจา แต่ไม่เคยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ถ้ามีหลักฐาน ก็เอามาดู เอามาสู้กัน
ส่วนกรณีที่จะมีการสืบค้นเรื่องการเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ มากรุงเทพฯ เพื่อโอนหุ้น ในวันที่ 8 ม.ค.62 โดยตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือนั้น ตนยินดี และอนุญาตให้ดีแทค เปิดเผยข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ที่ตนใช้ในวันดังกล่าวได้เลย เรื่องจะได้จบ
"ขอย้ำอีกครั้ง หากใครเจอ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการศูนย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือใครก็ตาม ถ้าไปขอข้อมูลจาก ดีแทค เกี่ยวกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผม เพื่อยืนยันแหล่งที่อยู่ของผมในวันที่ 8 ม.ค. ก็ฝากไปกับสื่อมวลชนตอนนี้เลยว่า ผมอนุญาต เปิดเผยข้อมูลได้เลย " นายธนาธร กล่าว
สำหรับกรณี นายภูเบศวร์ เห็นหลอด อดีต ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคอนาคตใหม่ ถูกคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ถอนออกจากการเป็นผู้สมัคร เนื่องจากถือหุ้นสื่อ และอาจทำให้ถูกยุบพรรค เนื่องจากหัวหน้าพรรคเซ็นรับรองโดยไม่ตรวจสอบก่อนนั้น นายธนาธร กล่าวว่า "เขาไม่ได้ขาย (หุ้น) แต่ผมขาย ซึ่งการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ผ่านฐานข้อมูลในออนไลน์ ยังไม่สามารถหารายละเอียดในระดับบริคณฑ์สนธิได้ว่า บริษัท ทำกิจการประเภทอะไรได้บ้าง พรรคอนาคตใหม่ มีผู้สมัครเกือบ 500 คน การตรวจสอบจะทำอย่างไร แล้วผมก็มีข้อมูลอยู่ว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคประชาธิปัตย์ คนไหนบ้างที่มีกรณีแบบนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งต่างจากของผมที่ขายแล้ว transaction (การซื้อขาย) สำเร็จไปแล้ว ก่อนสมัครรับเลือกตั้งด้วย ผมพร้อมที่จะชี้แจงทุกประเด็น ถ้าถึงกับยุบพรรค ก็ต้องยุบกันทุกพรรค เราเองก็จะฟ้องพลังประชารัฐ เหมือนกัน ในเคสเดียวกันเลย และคนของพลังประชารัฐ ที่เราฟ้องยังถือหุ้นอยู่ แต่กรณีของผมไม่ได้ถือหุ้นแล้ว มันแตกต่างกันอย่างชัดเจน" นายธนาธร กล่าว
พปชร.ถูกร้องถือหุ้นสื่อ ผวาลาม"อุตตม"
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์ กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัครส.ส. กทม. เขต 15 พรรคพปชร. ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 กรณีถือหุ้นสื่อฯ เข้าข่ายกระทำขัดรธน. รวมถึง นายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 5 พรรคพปชร. อีกราย ที่เข้าข่ายผิดลักษณะเดียวกันว่า ตนโทรศัพท์พูดคุยกับนายชาญวิทย์แล้ว ขอตรวจสอบข้อมูลที่ถูกร้องก่อนว่า ถูกร้องบริษัทไหน ต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงอย่างไร ส่วนกรณีผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เพิ่งเห็นจากข่าว ขนะนี้ได้นัดหารือร่วมกับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และฝ่ายกฎหมาย วันที่ 29 เม.ย. เบื้องต้น นายชาญวิทย์ ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสื่อแต่อย่างใด
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพปชร. กล่าวว่า ตามที่มีผู้ยื่นเรื่องขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมศักดิ์ ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนนั้น ตรวจสอบได้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน ส่วนจะเชื่อมโยงไปถึง นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ที่เป็นผู้เซ็นรับรองคุณสมบัติหรือไม่นั้น ต้องรอฟังผลการตรวจสอบจาก ผอ.เลือกตั้ง จ.สกลนคร ก่อน
นายธนกร กล่าวด้วยว่า บรรยากาศการเมืองขณะนี้ กลับไปสู่วังวนเดิม มีการโจมตีตอบโต้กันไปมา ใช้วาทกรรมต่างๆ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรกับพี่น้องประชาชน มีแต่สร้างความเบื่อหน่าย และก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว แต่พรรคการเมืองบางพรรค ก็ยังออกมาโจมตีพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. อยู่ตลอดเวลา แต่จะสังเกตได้ว่า พรรค พปชร. ไม่เคยออกมาโจมตีให้ร้ายใครเลย มีแต่ถูกพรรคการเมืองบางพรรคคอยดิสเครดิต ตลอดเวลา วันนี้บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว น่าจะนำประเทศเดินไปข้างหน้า ปัญหาทุกอย่างก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทุกฝ่ายต้องยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่มีใครไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ เมื่อทุกอย่างยุติ ก็ต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นสังคมจะไม่ปกติสุข
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งข้อมูลมาจากประชาชนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อฯ ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และว่าที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า มีถึง 11 ราย ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตาม ม. 98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.42 (3) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561
ดังนั้นทางสมาคมฯ จะนำความ พร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 11 คนไปยื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อระงับการประกาศผล และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมลงโทษตาม ม.151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี”ด้วย
ทั้งนี้ สมาคมฯ จะไปยื่นคำร้องต่อกกต. ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.จากพรรคต่างๆ ทั้งฝ่ายที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และฝ่ายสืบทอดอำนาจอีกมาก ที่เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อซึ่งสมาคมฯ จะรวบรวมนำไปร้องกกต.ในโอกาสต่อไป
ท้าไปเอาข้อมูล"ดีแทค" มายืนยันได้
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีการโอนหุ้นสื่อ ที่ตนจะไปชี้แจงต่อ กกต. ในวันที่ 30เม.ย.นี้ว่า คงไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรมาก เพราะมั่นใจว่า ชี้แจงได้ทุกเรื่อง เรามีเอกสารทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตผ่านการรายงานข่าวต่างๆ นั้น ที่ผ่านมาก็เป็นการพูดด้วยวาจา แต่ไม่เคยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ถ้ามีหลักฐาน ก็เอามาดู เอามาสู้กัน
ส่วนกรณีที่จะมีการสืบค้นเรื่องการเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ มากรุงเทพฯ เพื่อโอนหุ้น ในวันที่ 8 ม.ค.62 โดยตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือนั้น ตนยินดี และอนุญาตให้ดีแทค เปิดเผยข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ที่ตนใช้ในวันดังกล่าวได้เลย เรื่องจะได้จบ
"ขอย้ำอีกครั้ง หากใครเจอ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการศูนย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือใครก็ตาม ถ้าไปขอข้อมูลจาก ดีแทค เกี่ยวกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผม เพื่อยืนยันแหล่งที่อยู่ของผมในวันที่ 8 ม.ค. ก็ฝากไปกับสื่อมวลชนตอนนี้เลยว่า ผมอนุญาต เปิดเผยข้อมูลได้เลย " นายธนาธร กล่าว
สำหรับกรณี นายภูเบศวร์ เห็นหลอด อดีต ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคอนาคตใหม่ ถูกคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ถอนออกจากการเป็นผู้สมัคร เนื่องจากถือหุ้นสื่อ และอาจทำให้ถูกยุบพรรค เนื่องจากหัวหน้าพรรคเซ็นรับรองโดยไม่ตรวจสอบก่อนนั้น นายธนาธร กล่าวว่า "เขาไม่ได้ขาย (หุ้น) แต่ผมขาย ซึ่งการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ผ่านฐานข้อมูลในออนไลน์ ยังไม่สามารถหารายละเอียดในระดับบริคณฑ์สนธิได้ว่า บริษัท ทำกิจการประเภทอะไรได้บ้าง พรรคอนาคตใหม่ มีผู้สมัครเกือบ 500 คน การตรวจสอบจะทำอย่างไร แล้วผมก็มีข้อมูลอยู่ว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคประชาธิปัตย์ คนไหนบ้างที่มีกรณีแบบนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งต่างจากของผมที่ขายแล้ว transaction (การซื้อขาย) สำเร็จไปแล้ว ก่อนสมัครรับเลือกตั้งด้วย ผมพร้อมที่จะชี้แจงทุกประเด็น ถ้าถึงกับยุบพรรค ก็ต้องยุบกันทุกพรรค เราเองก็จะฟ้องพลังประชารัฐ เหมือนกัน ในเคสเดียวกันเลย และคนของพลังประชารัฐ ที่เราฟ้องยังถือหุ้นอยู่ แต่กรณีของผมไม่ได้ถือหุ้นแล้ว มันแตกต่างกันอย่างชัดเจน" นายธนาธร กล่าว
พปชร.ถูกร้องถือหุ้นสื่อ ผวาลาม"อุตตม"
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์ กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัครส.ส. กทม. เขต 15 พรรคพปชร. ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 กรณีถือหุ้นสื่อฯ เข้าข่ายกระทำขัดรธน. รวมถึง นายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 5 พรรคพปชร. อีกราย ที่เข้าข่ายผิดลักษณะเดียวกันว่า ตนโทรศัพท์พูดคุยกับนายชาญวิทย์แล้ว ขอตรวจสอบข้อมูลที่ถูกร้องก่อนว่า ถูกร้องบริษัทไหน ต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงอย่างไร ส่วนกรณีผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เพิ่งเห็นจากข่าว ขนะนี้ได้นัดหารือร่วมกับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และฝ่ายกฎหมาย วันที่ 29 เม.ย. เบื้องต้น นายชาญวิทย์ ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสื่อแต่อย่างใด
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพปชร. กล่าวว่า ตามที่มีผู้ยื่นเรื่องขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมศักดิ์ ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนนั้น ตรวจสอบได้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน ส่วนจะเชื่อมโยงไปถึง นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ที่เป็นผู้เซ็นรับรองคุณสมบัติหรือไม่นั้น ต้องรอฟังผลการตรวจสอบจาก ผอ.เลือกตั้ง จ.สกลนคร ก่อน
นายธนกร กล่าวด้วยว่า บรรยากาศการเมืองขณะนี้ กลับไปสู่วังวนเดิม มีการโจมตีตอบโต้กันไปมา ใช้วาทกรรมต่างๆ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรกับพี่น้องประชาชน มีแต่สร้างความเบื่อหน่าย และก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว แต่พรรคการเมืองบางพรรค ก็ยังออกมาโจมตีพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. อยู่ตลอดเวลา แต่จะสังเกตได้ว่า พรรค พปชร. ไม่เคยออกมาโจมตีให้ร้ายใครเลย มีแต่ถูกพรรคการเมืองบางพรรคคอยดิสเครดิต ตลอดเวลา วันนี้บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว น่าจะนำประเทศเดินไปข้างหน้า ปัญหาทุกอย่างก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทุกฝ่ายต้องยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่มีใครไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ เมื่อทุกอย่างยุติ ก็ต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นสังคมจะไม่ปกติสุข