xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยที่ไม่มีประตูออก

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


มองการเมืองมองบ้านเมืองมองวิกฤตและปัญหาที่กำลังก่อตัวขึ้นแล้ว บอกตรงๆ เลยว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า สภาวะปกติของสังคมไทยจะกลับคืนมาได้อย่างไร

ถึงตอนนี้หลายคนคงจะรอการประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการ เพื่อจะได้รู้กันว่า พรรคไหนจะได้เสียงข้างมากในสภากันแน่ เพราะตัวเลขที่ออกมาตอนนี้ถือว่า ก้ำกึ่งกันมาก ฝั่งระบอบทักษิณมีเสียงมากกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าถูกสอยโอกาสที่จะพลิกผันให้ฝั่งรัฐบาลปัจจุบันกลับมาชนะถือเสียงข้างมากก็มีโอกาสเป็นไปได้

โดยเฉพาะที่สอยว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว 1 คน เพราะเอาเงินไปถวายพระ

ที่สำคัญดูว่า กกต.จะคิดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ออกมาอย่างไร เพราะตอนนี้ กกต.คิดออกมาไม่เหมือนกับที่ชาวบ้านเขาคิดกัน แถมวิธีคิดของ กกต.ที่จะทำให้พรรคเล็กต่ำกว่าค่าพึงมีได้นั้น มันขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ กกต.ก็เลยต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญว่า ทำอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่แปลก เพราะ กกต.ยังไม่เปิดเผยวิธีคิดของตัวเองออกมาเลย บางทีวิธีคิดของ กกต.อาจจะผิดเองก็ได้

ทีนี้ศาลรัฐธรรมนูญตอบกลับมาแล้วว่า จะมาถามได้อย่างไรก็ไปทำตามขั้นตอนกฎหมายที่ให้อำนาจไว้เสียก่อน ผมก็เลยลุ้นให้ กกต.ยืนยันอย่างที่ตัวเองเชื่อว่าคิดออกมาได้อย่างนั้น คือ ทำให้พรรคเล็กที่มีคะแนนต่ำกว่าค่าพึงมีมากได้ ส.ส.พรรคละ 1 ที่นั่งถึง 11 พรรค ซึ่งจะขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง แล้ว กกต.ก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์นั้นมันขัดถึงต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยการันตี แต่ศาลไม่เล่นด้วย เพราะไม่มีอำนาจที่จะทำอย่างนั้น

ตอนนี้มีคนพูดกันว่า เสียงพรรคเล็กที่มีคะแนนต่ำ 10 กว่าพรรคได้จะส่งผลดีต่อฟากรัฐบาลมากกว่า เพราะจะส่งผลให้พรรคอนาคตใหม่ได้เสียงต่ำกว่าค่าพึงมีมาก และพรรคเล็กส่วนใหญ่จะยืนอยู่ฝั่งรัฐบาล

ผลการคิดปาร์ตี้ลิสต์ของ กกต.จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย และ กกต.ก็ต้องไตร่ตรองให้ดีด้วยว่า คิดอย่างไร ที่จะไม่ทำให้ตัวเองมีคดีติดตัวและอาจได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับที่อดีต กกต.เคยได้รับมาแล้ว

แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะคิดออกมาอย่างไรก็ไม่มีผลที่แตกต่างกันนัก หากดูคะแนนเสียงตอนนี้แม้ฝั่งรัฐบาลอาจจะพลิกมาถือเสียงข้างมากได้ก็คงไม่มากมายอะไร คงเป็นได้อย่างมากแค่เสียงปริ่มน้ำ ดังนั้นอย่างไรเสียรัฐบาลนี้ไม่มั่นคงแน่เพราะถึงจะตั้งได้ก็ยากจะอยู่ยืน มองข้ามชอตไปเตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้าได้เลย

ส่วนถ้าจะให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีเสถียรภาพที่มั่นคง มองจากสองขั้วการเมืองที่ตั้งป้อมกันอยู่นี้ เห็นเลยว่าจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการจับงูเห่ามาต้อนเข้าคอกจำนวนมาก และมีการพูดกันว่า อาจจะต้องใช้เงินหลักสิบในการล่องูเห่าแต่ละตัว ถามว่า ถ้าการเมืองจะดำเนินไปอย่างนั้นจริงๆ บ้านเมืองของเราจะมีสภาพอย่างไร

ที่สำคัญพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคที่ถือเสียง ส.ส.ในมือ 50 กว่าเสียง ประกาศชัดแจ้งแล้วว่า อาจจะให้เข้าร่วมรัฐบาลมีเงื่อนไขเดียวคือ ต้องประกาศใช้กัญชาเสรี พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มสูงว่า จะมีเสียงแตกในพรรค แม้จะมีบางคนสนับสนุนรัฐบาลนี้ก็จะไม่ได้มาทั้งพรรค จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน

อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายเขียนเรื่องระยะเวลาการประกาศผลและการเปิดสภาเอาไว้ว่าอยู่ในห้วงเวลาไหนบ้าง แต่ไม่ได้เขียนว่าจะต้องโหวตนายกรัฐมนตรีให้ได้ในเวลาเท่าไหร่ ตราบที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลประยุทธ์ก็จะรักษาการอยู่ต่อไปพร้อมกับมีมาตรา 44 อยู่ในมือ

แต่การอยู่ในสภาพอย่างนั้นยาวนานย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเทศชาติแน่

จึงมีการพูดกันเสียงดังขึ้นว่า รัฐบาลข้างหน้าอาจจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนเดิม เพราะต้องยอมรับว่า ทางตันของรัฐบาลชุดหน้านั้นก็มาจากตัวนายกรัฐมนตรีคนนี้ด้วย มีการพูดกันถึงสถานะที่ดีกว่าของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีการพูดถึงบุคคลที่อาจจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกตามช่องที่รัฐธรรมนูญเปิดทางไว้

แต่ถ้าเราดูกฎหมายและกลุ่มการเมืองที่ยังตั้งหน้าประจันกันอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้นายกรัฐมนตรีคนนอก เพราะการไปสู่ทางเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกต้องขอเสียงจากสองสภาถึง 2 ใน 3 หรือ 500 เสียง นั่นหมายความว่า ฝั่งที่อยากให้ไปทางนี้ต้องมีเสียง ส.ส.อย่างน้อย 250 เสียง ในกรณีที่เชื่อว่า ส.ว.สามารถกำกับให้เดินไปทางเดียวกันได้

แล้วถ้ามีเสียง ส.ส.อยู่ในมือ 250 เสียงเพื่อไปทางนี้ได้ก็ต้องตั้งรัฐบาลได้ตั้งแต่ชอตแรกแล้วไม่ใช่หรือ จะดิ้นรนมาที่ชอตสองทำไม

ดังนั้นจากผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น และไม่มีฝ่ายไหนสามารถกุมชัยชนะด้วยเสียงข้างมากได้อย่างเด็ดขาด ต้องเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคจึงมองไม่เห็นเลยว่า ความยุ่งยากยุ่งเหยิงที่ดำรงอยู่ในการเมืองไทยมายาวนานจะยุติลงได้อย่างไร แล้วที่สำคัญถ้ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติในทุกด้าน

จากผลลัพธ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีรัฐบาลเสียงข้างมากที่จะนำพาประเทศไปอย่างมั่นคงได้ เพราะไม่มีทางที่พรรคไหนจะได้เสียงข้างมากเด็ดขาดพรรคเดียวแบบในอดีตอีกเพราะมันเคยทำให้เกิดนายกรัฐมนตรีที่ลุแก่อำนาจมาแล้ว จนเกิดความกลัว แต่ก็มีคำถามว่า เราจะให้ปรากฏการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปหรือจะหาทางออกกันอย่างไร

ถ้าถามว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เราคงต้องยอมรับว่า ความแตกแยกในบ้านเมืองยังคงดำรงอยู่ ประชาชนแบ่งฝ่ายมีจุดยืนทางการเมืองกันอย่างชัดเจน และมุ่งมั่นจะเอาชนะกันทุกวิถีทาง 5 ปีกว่าของรัฐบาลชุดนี้ที่บอกว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาสร้างความปรองดองนั้นไม่ได้ปรากฏมรรคผลอะไรขึ้นมาเลย และยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นเสียด้วย

ทุกวันนี้คนสองฝั่งเชื่อว่าตัวเองถูกแล้วชี้หน้าว่าอีกฝ่ายผิด คนจำนวนมากไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน เล่นพรรคเล่นพวกเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ไม่แตกต่างกันกับรัฐบาลในอดีต

สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากเบื่อหน่าย และพยายามหาทางออกของตัวเอง โดยไม่สนใจว่า ฝั่งที่ตัวเองเลือกข้างจะมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร มีแนวคิดต่อชาติบ้านเมืองอย่างไร และการตัดสินของตัวเองนั้นจะส่งผลอย่างไรต่ออนาคต เพราะเขามองเห็นอดีตที่ย่ำแย่อยู่แล้วนั่นเอง

วันนี้หลายคนเชื่อว่า ระบอบประชาธิปไตยคือ การปกครองที่ดีที่สุด และการเลือกตั้งคือความเท่าเทียมกันของอำนาจประชาชน แต่กลับไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา ขณะที่มีคนบางฝ่ายมองว่า ต้องมีทางออกให้บ้านเมืองที่มากกว่านี้ไม่ว่าจะใช้วิธีการอย่างไร

นั่นหมายความว่า สิ่งที่จะตามมาก็คือการปะทะกันทางความคิดและกำลังจากเชื้อไฟที่ปะทุอยู่แล้วให้ลุกลามขึ้นได้ง่าย ที่สำคัญวันนี้สังคมไทยไม่มีใครที่จะเป็นคนกลางที่สามารถทำให้คนสองฝ่ายหยุดรับฟังได้อีกแล้วเสียด้วย

มีใครพอจะมีทางออกบ้างไหมว่า สังคมไทยนับจากวันนี้จะเดินไปอย่างไรที่จะนำพาประเทศออกไปจากวิกฤต

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan
กำลังโหลดความคิดเห็น