xs
xsm
sm
md
lg

อย่าปล้นชัยชนะไปจากเราสิ

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

ประธานาธิบดีอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกา แห่งแอลจีเรีย
เป็นอาการกดดันของเหล่า We, the People ของสองประเทศใหญ่ในแอฟริกา ที่เพิ่งโค่นล้มเผด็จการที่สูบเลือดเนื้อของประชาชนมาเป็นสิบๆ ปีได้สำเร็จ โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกองทัพที่ออกมาผลักเผด็จการให้ออกไป แต่กองทัพก็แสดงท่าทีจะครองอำนาจเสียเอง ไม่ยอมปล่อยให้ฝ่ายประชาชนได้รับเสรีภาพ และประชาธิปไตยอย่างเต็มที่

โลกกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของ People’s Power ในสองประเทศคือ ที่แอฟริกาเหนือ ได้แก่ ประเทศแอลจีเรีย ที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบ-เป็นสมาชิกของโอเปก ซึ่งมีผู้นำเผด็จการที่สามารถชนะการเลือกตั้งติดต่อกันมาถึง 4 สมัย ด้วยการหนุนหลังจากอำนาจสำคัญคือ กองทัพ, ข้าราชการพลเรือน และฝ่ายธุรกิจที่เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งร่วมมือกันปกครองประเทศชนิดที่ประชาชนยากจนข้นแค้นในดินแดนแห่งความมั่งคั่งด้วยทรัพยากรน้ำมัน

อีกประเทศอยู่ทางแอฟริกาตะวันออกที่ Horn of Africa คือ ประเทศซูดาน ซึ่งก็มีน้ำมันเช่นกัน แม้จะเสียพื้นที่ของบ่อน้ำมันดิบไปถึง 70% ของปริมาณน้ำมันให้แก่ประเทศซูดานใต้เมื่อปี 2011 (หลังซูดานใต้ประกาศเอกราช) แต่ซูดานเหนือยังมีโครงสร้างพื้นฐานคือท่อลำเลียงน้ำมันจากซูดานใต้ไปสู่ท่าเรือที่ทะเลแดง เพื่อนำน้ำมันไปขายต่อโลก; แม้จะไม่เข้าเป็นสมาชิกของโอเปก แต่ซูดานได้สร้างความมั่งคั่งแก่ชนชั้นปกครองจากน้ำมันทั้งจากใต้ดินของตนเอง และจากบ่อน้ำมันดิบที่ซูดานใต้ โดยประชาชนชาวซูดานยากจนข้นแค้นมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และซูดานใต้ยิ่งแร้นแค้นมากกว่าซูดานเหนือ ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันมหาศาลอยู่ซูดานใต้ แต่ท่าเรือน้ำมันออกที่ทะเลแดงซึ่งเป็นเขตของซูดาน (เหนือ) กลับมั่งคั่งเฟื่องฟูกว่าซูดานใต้หลายเท่า!

ประชาชนทั้งสองประเทศดูจะเหลืออดต่อเผด็จการที่ดำรงอยู่ในอำนาจ โดยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำร้ายประชาชน และลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกก็จะถูกปราบปรามอย่างรุนแรง ท่ามกลางการแบ่งสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมและไม่โปร่งใส โดยเผด็จการของสองประเทศนี้ ก็ได้ผ่านการเลือกตั้งที่สกปรกเพื่อสืบต่ออำนาจมาหลายสมัย

ที่แอลจีเรีย นายAbdelaziz Bouteflika เป็นปธน.มาถึง 4 สมัย โดยเฉพาะในปลายสมัยที่ 3 ของเขา ก็เกิดเส้นโลหิตในสมองแตก เดี้ยงไปเลยจนไม่สามารถปรากฏตัวให้สาธารณชนได้เห็น หรือได้ยินเสียงของเขาออกมาจากปากของเขา เพราะเขามีสภาพไม่ต่างไปจากผัก แต่เขาก็ยังสามารถชนะเลือกตั้งในการกลับมาเป็นปธน.ในสมัยที่ 4, ก็ด้วยการโอบอุ้มและเชิดเขาให้เป็นหุ่นในการบริหารผ่านทางคำสั่งต่างๆ ที่มีคณะที่เชิดเขา เป็นฝ่ายเขียนคำสั่งต่างๆ และมีน้องชายเขาลงนามเป็นลายมือของปธน.

วาระการดำรงตำแหน่งปธน.ของเขาจะหมดลงในปลายเดือนเมษานี้ แต่ก็มีการให้สัมภาษณ์ผ่านคำพูดของโฆษกเขาว่า เขาจะลงสมัครเป็นปธน.เป็นครั้งที่ 5 เขาประกาศออกมาราวเดือนกุมภาพันธ์ และทำให้ประชาชนเหลืออด โดยเฉพาะเหล่านักศึกษาปัญญาชนที่เป็นแกนนำชุมนุมแสดงความไม่พอใจ พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกโดยเฉพาะตัวปธน. ซึ่งโฆษกนายBouteflika ก็ออกมาแถลงว่า ปธน.จะไม่อยู่ครบวาระที่ 5; แต่ขอให้เขาชนะการเลือกตั้งก่อน และเมื่อได้เข้ามาบริหารแล้ว เขาสัญญาว่าจะลาออกก่อนครบวาระ!! โอ้โฮ ประชาชนเดือดดาลมากต่อผู้นำเผด็จการคนนี้ที่หักหาญน้ำใจว่าประชาชนโง่เขลา และเกรงกลัวอำนาจฝ่ายปกครอง (ที่เชิดปธน.คนนี้) ที่อยู่เบื้องหลัง

นักศึกษาและประชาชนออกมาชุมนุมผ่านการนัดรวมตัวด้วยโซเชียล มีเดีย ซึ่งมีการให้กำลังใจทำให้พวกเขาไม่กลัวการปราบปรามด้วยมือปืน Snipers อีกต่อไป

กองทัพก็เริ่มขยับ เมื่อฝ่ายผู้ชุมนุมปะทะกับฝ่ายความมั่นคง และเริ่มเสียชีวิตจากการปราบปรามของกองกำลังพิเศษของปธน.; และแล้วฝ่ายทหารก็ออกมากดดันให้ปธน.ลาออก ต่อมาปธน.ก็มีการแถลง (ผ่านคำประกาศ) ยอมลาออกเมื่อ 2 เมษายน

และผู้รักษาการปธน.ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญคือ ประธานวุฒิสภา (ซึ่งก็เป็นกลุ่มของ Bouteflika นั่นเอง) ได้มีประกาศจะจัดการเลือกตั้งวันที่ 4 ก.ค.นี้

ผู้ชุมนุมไม่พอใจ และต้องการ “โละ” อำนาจเก่าที่มีทั้งโกงกินกัดกร่อนบ้านเมือง มีการเล่นพวกพ้องและบริหารแบบไม่โปร่งใสทั้งสิ้น-ผู้ชุมนุมไม่ยอมสลายการชุมนุม และต้องการให้เปลี่ยนโครงสร้างคนและลงโทษขุมอำนาจเก่า การชุมนุมยังมีขึ้นอยู่ขณะนี้ ล่าสุด ประชาชนกดดันให้ดำเนินคดีกับเหล่าผู้โกงกินบ้านเมือง ในที่สุดตัวประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยอมลาออก และเป็นการเปิดทางให้เหล่าข้าราชการกังฉินหลายคนต้องชิงลาออกตาม มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงชาติ

แม้แต่ประธานวุฒิสภา Bensalah ที่กำลังรักษาการปธน. ก็กำลังถูกผู้ประท้วงเดินเท้าขับไล่ให้ “ออกไป-Bensalah”

การประท้วงชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธยังดำเนินต่อไป โดยมีท่าทีจากฝ่ายกองทัพว่า จะปกป้องประชาชน และอาจมีการตั้งรักษาการ ปธน.คนใหม่ ที่พวกประชาชนเป็นฝ่ายเสนอชื่อ

สำหรับที่ซูดาน (เหนือ) มีการปราบปรามการชุมนุมสงบโดยผู้ชุมนุมถูกยิงตายไปเกือบร้อย จากฝ่ายปธน.Bashir ที่เข้ามาด้วยการรัฐประหารเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และล่าสุดเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาสองสมัย และประชาชนได้ชุมนุมหน้ากองบัญชาการทหารที่เมืองคาร์ทูมเพื่อกดดันให้ทหารออกมาปกป้องประชาชน
ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาชีร์ แห่งซูดาน
วันพฤหัสฯ ที่ 11 เมษา มีการยึดอำนาจโดยฝ่ายทหาร นำโดยรมต.กลาโหม (คนใกล้ชิดของปธน.Bashir) ที่ออกมาประกาศจะปกครองโดยสภาความสงบแห่งชาติ 2 ปี เป็นคณะทหารทั้งหมด มีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเพื่อร่างใหม่, มีประกาศภาวะฉุกเฉิน 3 เดือน และห้ามออกนอกบ้านตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 4 (นัยคือ เหล่าผู้ชุมนุมต้องสลายการชุมนุมเพื่อกลับบ้านช่องของตน)

เหล่าประชาชนไม่ยอมกลับบ้าน และยืนหยัดไม่ให้ทหารมาปล้นชัยชนะที่ประชาชนได้โค่นล้มปธน.Bashir ออกไป หลังจากนั้น 24 ช.ม. มีหัวหน้าคณะปฏิวัติคนใหม่ (น่าจะยึดอำนาจจากรมต.กลาโหม) เป็นแค่นายพลโท ออกประกาศว่า คณะทหารจะรับฟังเสียงประชาชน โดยจะเลิกเคอร์ฟิว (ที่ห้ามออกนอกบ้านยามดึก) จะยกเลิกภาวะฉุกเฉิน และจะรับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุม เพื่อนำประเทศสู่ภาวะปกติ

ผู้ชุมนุมยังไม่ถอยแม้ก้าวเดียว ผู้คนปักหลักและเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาล (ช่วงเปลี่ยนถ่ายก่อนเลือกตั้งใหม่) พลเรือน โดยมีฝ่ายทหารร่วมด้วยบางตำแหน่ง) ได้ แต่ไม่ใช่ทหารทั้งคณะ

คณะพันธมิตรนักวิชาชีพ (Sudanese Professionals Assoc หรือ SPA) เริ่มเผยชื่อของแกนนำ (ที่ได้ปกปิดชื่อมาตลอดเพราะเกรงการปราบปรามจับเข้าคุก) จากวิชาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์, พยาบาล, วิศวกร, นักบัญชี, ครูบาอาจารย์ ฯลฯ ซึ่งจะจัดทำ list ของผู้สมควรเข้ามาบริหารบ้านเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน...เพื่อปกป้องชัยชนะที่เพิ่งได้มานี้ไม่ให้ถูกปล้นไปโดยกองทัพ


กำลังโหลดความคิดเห็น