xs
xsm
sm
md
lg

4วันตาย237เจ็บ2,322 แย้มแก้กม.เพิ่มโทษเมาขับ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-เผยสถิติ 7 วันอันตราย ย่างเข้าสู่วันที่ 4 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,232 ครั้ง เสียชีวิต 237 ราย บาดเจ็บ 2,322 คน ดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุหลักในเส้นทางตรง ส่วน 12 จังหวัดการตายเป็นศูนย์ ขณะที่ถนนสายรองพบอุบัติเหตุกลุ่มขับขี่รถมอไซค์มากที่สุด กำชับด่านชุมชนกวดขัน พร้อมเตรียมแผนรับมือประชาชนเดินทางกลับ ทั้งจุดพักและรถโดยสาร กลาโหมแย้มแก้กฎหมาย เพิ่มโทษพวกเมาแล้วขับ

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 ว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2562 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 567 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 59 ราย ผู้บาดเจ็บ 598 คน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 42.86 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 67.55 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 29.10 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 22.22 โดยได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,039 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,337 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,072,767 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 238,111 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 65,349 ราย ไม่มีใบขับขี่ 58,950 ราย และจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 21 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย และร้อยเอ็ด 20 คน

ส่วนสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน ระหว่างวันที่ 11-14 เม.ย.2562 เกิดอุบัติเหตุ 2,232 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 237 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,322 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 12 จังหวัด ได้แก่ ตรัง ตราด นครนายก ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พังงา แม่ฮ่องสอน สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุโขทัย อ่างทอง และอำนาจเจริญ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 81 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา และอุดรธานี 11 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 82 คน

ทั้งนี้ จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 4 วันที่ผ่านมา พบว่า ถนนสายรองและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูง เนื่องจากหลายพื้นที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ และเฉลิมฉลองด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้อัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูง มีสาเหตุหลักจากการขับรถเร็ว และดื่มแล้วขับ จึงได้กำชับให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเน้นการเรียกตรวจของด่านชุมชน เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะดื่มแล้วขับและขับรถเร็วในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับ ได้ขอให้จังหวัดบูรณาการเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เกิดความคล่องตัว รวมถึงจัดเตรียมจุดบริการ จุดพักรถ และระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอในการรองรับการเดินทางกลับของประชาชน ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่เตรียมความพร้อมในการเดินทางผ่านทุกช่องทางสื่อ ทั้งการเตรียมร่างกาย ตรวจสอบสภาพรถ และวางแผนการใช้เส้นทางอย่างเหมาะสม เพื่อให้การเดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 15-16 เม.ย.2562 พื้นที่ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนในลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ทำให้สภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ดี จึงขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางเป็นพิเศษ

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานความห่วงใยในการสูญเสียของประชาชนจากเทศกาลสงกรานต์ผ่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกส่วนงานของ คสช.และรัฐบาล พร้อมน้อมรับพระราชกระแสรับสั่งไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและจิตอาสา ยังคงร่วมกันอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุอย่างเต็มที่

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในอนาคตจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้ผู้ที่เมาแล้วขับ และขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จนให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ได้รับโทษที่รุนแรงขึ้น โดยจะมีการการทำประชาพิจารณ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญ ก่อนส่งให้สภาพิจารณาต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น