นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า“ลาขาดควันยาสูบ”หรือ “ECST”และแอดมินเพจ เฟซบุ๊ก “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร”ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวนี้ว่า "หน่วยงานสาธารณสุขไทย มักจะอ้างความกังวลเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชน จึงจำเป็นต้องแบน บุหรี่ไฟฟ้า ถ้าการแบนบุหรี่ไฟฟ้าเป็นมาตรการที่จะป้องกันเด็กได้จริง ทำไมเรายังเห็นเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้า ในขณะที่ประเทศต้นแบบ ที่สนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสำหรับการเลิกบุหรี่ อย่างอังกฤษ เลือกที่จะใช้กฎระเบียบที่เหมาะสม และรัดกุมแทน เลยสามารถควบคุมการเข้าถึงของเด็ก และเยาวชนได้ แถมยังช่วยให้อัตราผู้สูบบุหรี่โดยรวมของทั้งประเทศลดลงด้วย"
สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ได้เผยแพร่รายงานหัวข้อ "การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอังกฤษ: การปรับปรุงข้อมูลล่าสุด ก.พ.2019”ซึ่งมุ่งศึกษาเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน และหารูปแบบความสัมพันธ์ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน และผู้ใหญ่ สรุปว่า แม้เด็กและเยาวชนในอังกฤษ มีการทดลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่การใช้แบบประจำ ยังคงมีอัตราต่ำเพียง 0.4% ในกลุ่มเด็กอายุ 11 ปี และ 2.6% ในเด็กอายุ 18 ปี อีกทั้ง อัตราการสูบบุหรี่ของเยาวชนอายุ 13 และ 15 ปี ลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 2541 –2558 ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเวลา พบว่าแนวโน้มการลดลงของอัตราส่วนการสูบบุหรี่ในเยาวชน ไม่มีการหยุดชะงักหรือชะลอตัว แม้ในช่วงเวลาที่บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยม ยกเว้นในปี 2553 ที่อัตราการลดลงชะลอตัวเล็กน้อย เนื่องจากเป็นปีที่บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักแต่ยังไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม
"เครือข่ายจะเดินหน้าต่อ เพื่อเรียกร้องให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ได้รับการควบคุมอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเราจะได้ส่งรายงานฉบับนี้ ไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการพิจารณาหามาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า" นานยอาสา กล่าว
สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ได้เผยแพร่รายงานหัวข้อ "การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอังกฤษ: การปรับปรุงข้อมูลล่าสุด ก.พ.2019”ซึ่งมุ่งศึกษาเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน และหารูปแบบความสัมพันธ์ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน และผู้ใหญ่ สรุปว่า แม้เด็กและเยาวชนในอังกฤษ มีการทดลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่การใช้แบบประจำ ยังคงมีอัตราต่ำเพียง 0.4% ในกลุ่มเด็กอายุ 11 ปี และ 2.6% ในเด็กอายุ 18 ปี อีกทั้ง อัตราการสูบบุหรี่ของเยาวชนอายุ 13 และ 15 ปี ลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 2541 –2558 ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเวลา พบว่าแนวโน้มการลดลงของอัตราส่วนการสูบบุหรี่ในเยาวชน ไม่มีการหยุดชะงักหรือชะลอตัว แม้ในช่วงเวลาที่บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยม ยกเว้นในปี 2553 ที่อัตราการลดลงชะลอตัวเล็กน้อย เนื่องจากเป็นปีที่บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักแต่ยังไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม
"เครือข่ายจะเดินหน้าต่อ เพื่อเรียกร้องให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ได้รับการควบคุมอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเราจะได้ส่งรายงานฉบับนี้ ไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการพิจารณาหามาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า" นานยอาสา กล่าว