ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จาก“อุ๊ หฤทัย”ใส่เกียร์ห้า จวก“ปิยบุตร”แนวคิดอันตราย “ลุงตู่”คอนเฟิร์ม ออกสารนายกฯ แฉความมีอยู่ของกระบวนการล้มเจ้า !! อัพเกรดขึ้นน่ากลัวปลุกพ่อ แม่ สั่งลูกหลานใกล้ชิด ขณะที่เลขาฯ พรรคส้มหวาน ต้นตอคลิปเสวนาหมิ่นเหม่ เจอร้องยุบพรรคแล้ว ต้องโพสต์เฟซบุ๊กมุกเดิม คลิปตัดต่อ-เผด็จการทหารใส่ร้าย
อะไรบางอย่างบอกว่าไม่ปกติ เมื่อ“ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกลับออกสารจากนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า สถานการณ์ในบ้านเมืองเราขณะนี้มีผู้ไม่หวังดี บางคนบางกลุ่มได้พยายามบิดเบือนข่าวสารข้อเท็จจริงในหลายประเด็น มีการใช้โซเชียลมีเดีย และใช้บุคคลบางกลุ่มเข้ามาปลูกฝังแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อมุ่งหวังให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ และบ่อนทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
รัฐบาลและคสช. รับทราบสถานการณ์มาโดยต่อเนื่อง และได้บังคับใช้กฎหมายปกติอย่างเคร่งครัดโดยให้กระบวนการยุติธรรม และหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการไป มิไดใช้อำนาจพิเศษมาดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล ผู้ปกครองควรต้องเอาใจใส่ลูกหลานของตน และบุคคลใกล้ชิด ครู อาจารย์ ควรต้องงอบรมบ่มนิสัย ดูแลลูกศิษย์ อย่างเข้าถึง
ก่อนที่"ลุงตู่" จะออกสารฉบับนี้ เช้าวันเดียวกัน กลุ่มการเมืองภาคประชาชน ก็ไปยื่นร้องกกต. "ยุบพรรคอนาคตใหม่" เพราะพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง โดยมีคลิปปราศรัยหาเสียงเป็นหลักฐาน ขณะที่ในพรรคก็เต็มไปด้วยนักวิชาการคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการปราศรัยปลุกระดมให้เกลียดชังสถาบันฯ โดยใช้วาทกรรมว่า คือประชาธิปไตย โดยการให้ต่อต้านรัฐธรรมนูญที่มาจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
คลิปนี้แชร์กันแพร่หลายในโซเซียลฯ แรงมาเป็นระยะ ยิ่งร้อนแรงทะลุเดือด จนมาถึงกรณีของ “อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี”นักร้องชื่อดัง ออกมาแสดงความกังวลที่เห็นคลิป “ปิยบุตร แสงกนกกุล”เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
"อุ๊ ได้เห็นการเสวนาเรื่องการเมือง ความยุติธรรม และระบอบกษัตริย์ของไทย มีความกังวลเป็นอย่างมากว่า สิ่งที่คุณเสวนา โดยการยกคำอ้างของนักปฏิวัติฝรั่งเศส ที่โค่นล้มระบอบกษัตริย์ คำพูดแบบนี้ คุณเป็นอาจารย์ คุณสอนนิสิต นักศึกษา ลูกหลานของคนไทยได้อย่างไร แล้วคนไทยในชาติบ้านเมือง อยู่โดยที่ไม่ทำอะไรกันได้อย่างไร เลย 60 ล้านคน นี่มันเป็นเรื่องของความมั่นคง ความสั่นคลอนศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ" ...เล่นเอาร้อนทั้งโซเซียลฯ กองทัพน้องฟ้ารุมถล่ม พี่อุ๊ ขณะที่ทีมพี่อุ๊ ก็ซัดกลับ ... จนในที่สุด ตัวพ่อพรรคส้มหวานทนอยู่ไม่ได้ ก้นร้อนขึ้นมาทันที โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ระบุว่า กรณีคลิปและภาพ ของเขาถูกเอาไปบิดเบือน
"ปิยบุตร" บอกว่า คลิปนั้นเป็นการบรรยาย และรูปของเขาพร้อมคัดบางประโยคมาประกอบจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และนำมาซึ่งความเกลียดชัง เขาอ้างว่า คลิปนี้เขาได้รับเชิญเป็นวิทยากร บรรยายในหัวข้อ “การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์”เมื่อวันที่ 17 ก.พ.56 จัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในขณะนั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ทำงานวิชาการ บรรยาย ศึกษาค้นคว้า เรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญ สถาบันการเมือง ประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย และประเทศต่างๆ หัวข้อหนึ่งที่สนใจคือ "สถาบันกษัตริย์กับประชาธิปไตย" การปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย และประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย
ข้อความในท่อนที่ตัดมานั้น ไม่ได้พูดถึงสถาบันกษัตริย์ในราชอาณาจักรไทย แต่บรรยายถึง หลักการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยอธิบายว่า หากพิจารณาจากระบอบประชาธิปไตยตามสากลแล้ว "พระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง" ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และโดยธรรมชาติของตำแหน่งพระมหากษัตริย์ ที่มาจากการสืบทอดทางสายโลหิต ไม่ได้มาจากการเลือก จึงจำเป็นต้องจัดวางตำแหน่งแห่งที่ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย และยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้อยู่ สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ
“การนำข้อความที่ผมบรรยายเมื่อ 6 ปีก่อน เมื่อครั้งผมยังเป็นนักวิชาการ มาตัดใช้บางตอน โดยไม่ระบุว่า บรรยายในโอกาสใด เมื่อไร และยังใส่ตำแหน่งใต้ชื่อผมว่า “เลขา พรรคอนาคตใหม่”พร้อมกับนำสัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ ไปติดในรูปภาพด้วย เป็นการแสดงเจตนาอันไม่สุจริตของผู้กระทำ ต้องการทำให้ผมเสียหาย ถูกเกลียดชัง”
นอกจากนั้น คลิปและรูปภาพชุดนี้ถูกนำมาเผยแพร่ในช่วงรณรงค์หาเสียง เพื่อทำให้คนเข้าใจผิด และไม่ลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ก็รีบนำกลับมาเผยแพร่กันอีก เพื่อต้องการสร้างความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน วิญญูชน ผู้มีจิตใจเป็นธรรมย่อมพิจารณาได้เองว่าการกระทำของคนกลุ่มนี้ ยุติธรรมต่อผมและพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
"ปิยบุตร"ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะเวลา 14 ปี ที่ผ่านมา มีขบวนการใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาโจมตีโดยใช้ข้อหา “ไม่จงรักภักดี”หรือ “ล้มเจ้า”จนนำมาซึ่งความเกลียดชังกันเองในหมู่ประชาชน ทำให้สังคมแตกแยก จนเผด็จการทหารฉวยโอกาสเข้ายึดและครองอำนาจมาอย่างยาวนาน
สรุปว่า ในความเห็นของ"ปิยบุตร" เรื่องนี้เป็นแค่คลิปตัดต่อ และปัญหามาจากทหารเผด็จการ เป็นบริบทเดิมๆ ที่เคยตอบโต้ข้อกล่าวหานี้มาตลอดเช่นกัน ... งานนี้ตอนนี้ถือว่าร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิเดือนเมษา ... ปิยบุตรพลิ้วไหวดุจสายน้ำ "เจอสารลุงตู่" เว้ากันซื่อๆ ดูให้ดีๆ ไม่ธรรมดาแน่
**บอลไทยมาไกล แต่มาตรฐานผู้ตัดสินยังต่ำตม ‘มาดามแป้ง’เคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก ยื่นหนังสือเรียกร้องสมาคมฟุตบอล สุดจะทนเห็นกรรมการบั่นทอนหนทางก้าวไปของไทยลึก ถึงเวลาพัฒนามาตรฐาน "เปา" จริงจังได้หรือยัง
เรียกว่าไม่ถึงที่สุดคงไม่เคลื่อนไหว ... สำหรับ "มาดามแป้ง" นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ที่ทนเห็นบอลพัฒนาแต่กรรมการยังผิดซ้ำผิดซาก ทำหน้าที่ไม่สมเป็นผู้ตัดสินจริงๆ จึงตัดสินใจไปยื่นหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในการแข่งขันไทยลีก 1 นัดท่าเรือ เยือน สุโขทัย เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ...
นัดที่ว่ามีปัญหาหลายจังหวะ ผลการแข่งขันการท่าเรือ แพ้ สุโขทัยเจ้าถิ่นไป ใครที่ดูฟุตบอลเป็น หรือกระทั่งไม่เป็น หากดูด้วยใจเป็นธรรมแบบกีฬาเป็นยาวิเศษ ก็จะเห็นว่า ปัญหามาจากการตัดสิน !
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ "มาดามแป้ง" เดินทางมายื่นหนังสือด้วยตัวเอง เหตุผลคือ ด้วยความรักและความปรารถนาดี อยากเห็นการแข่งขันไทยลีก และวงการฟุตบอลไทยพัฒนา ก้าวเป็นลีกชั้นนำของภูมิภาค ... บอลไทยพัฒนามาไกล แต่ผู้ตัดสินยังล้าหลัง นั่นเอง ... ว่ากันตรงไปตรงมา ความไม่พัฒนาของกรรมการฟุตบอลระดับนี้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆ สโมสร ซ้ำแล้วซ้ำอีก ล้วนมีส่วนสำคัญในการบั่นทอนขวัญ กำลังใจ ของนักเตะ แฟนบอล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย...
ทั้งๆ ที่รู้ว่ายื่นหนังสือไป จะไม่มีผลอะไร แต่ "มาดามแป้ง" หวังว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนี้ จะเป็นสัญญาน และเสียงสะท้อน และหวังว่าจะเป็นเสียงที่ดังพอ ถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการพัฒนามาตรฐานผู้ตัดสิน และร่วมกันเดินไปสู่พัฒนาการของไทยลีก ... ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราทุกคนได้รับรู้ข่าวสาร ความคิดเห็นต่างๆ จากสื่อ จากสโมสรต่างๆ แฟนเพจกีฬาฟุตบอล รวมถึงความคิดเห็นจากแฟนบอลคนไทยมาโดยตลอด ถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในหลายๆครั้ง หลายสโมสร ทั้งนักกีฬา ผู้บริหาร และแฟนบอลทุกสโมสร ก็คิดเช่นเดียวกัน
หลังการแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2019 ผ่านมา 5 นัด ทุกคนรู้สึกมีความห่วงใย และกังวลกับการตัดสิน และการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการบางคนในหลายๆ นัด เกรงว่าอาจจะไม่ทันเกมและขาดมาตรฐาน แฟนบอลไทยต่างอยากให้การแข่งขันไทยลีกเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สมศักดิ์ศรีวงการฟุตบอลไทย ถ้าทุกอย่างมีมาตรฐาน ก็ Win-win ทั้งนักกีฬา ผู้ฝึกสอน แฟนบอล และผู้บริหารสโมสร คนเป็นกรรมการถ้าทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในสนามได้สมบูรณ์ จะเป็นข้อบ่งชี้สำคัญของพัฒนาการการจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยว่าได้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล หรือไม่...
ใครๆก็รู้ว่า "มาดามแป้ง" เข้ามาอยู่ในวงการฟุตบอลด้วยความรักและจริงใจต่อบอลไทยแค่ไหน ฟุตบอลหญิงไทยไปบอลโลก ก็เป็นความสำเร็จที่มาดามแป้ง มีส่วนสำคัญ ... การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงน่าสนใจยิ่ง
"การออกมาวันนี้ ขอบอกว่า มาเพื่อศักดิ์ศรี และการก้าวหน้าของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง จากใจคนรักบอลไทย แม้การยื่นหนังสือในวันนี้จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน และตารางคะแนน และต้องย้ำว่า ไม่มีปัญหา หรือความขัดแย้งกับสโมสรใดๆทั้งสิ้น เพราะเชื่อว่า เราทุกคนคือคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะร่วมกันพัฒนาวงการฟุตบอลของไทย"
ไม่ใช่แค่คำถามของ"มาดามแป้ง" ฝากต่อไปถึงสมาคมฯ เท่านัน แต่เป็นเสียงที่แฟนบอลก็อยากจะบอกเหมือนกัน... ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องลุกขึ้นมาพูดคุยเรื่องนี้ กรรมการที่เป็นผู้ตัดสินที่ยุติธรรมได้มาตรฐาน กำหนดแนวทางเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดัง กล่าวอย่างจริงจัง... จากใจคนรักบอลไทย...
** แดงต้มแดง!! เลือกตั้งยังไม่จบ "นักรบรับจ้าง" พรรคเพื่อชาติ ก็ออกมาทวงเงินหาเสียง ที่ผู้ใหญ่ในพรรคบอกว่าให้สำรองจ่ายไปก่อนแล้วค่อยมาเบิกเงินก้อน เหตุเกิดคล้ายพรรคพลังปวงชนไทย ที่มี "พี่แม้ว" เป็นประธานที่ปรึกษา เปี๊ยบ !!
การเลือกตั้งครั้งนี้ "พรรคเพื่อชาติ" พรรคเครือข่ายสืบทอดอำนาจทักษิณ ซึ่งเป็นที่รวมของบรรดา "แกนนั่ง แกนนอน" กลุ่มเสื้อแดง มี "สงคราม กิจเลิศไพโรจน์" เจ้าของห้างอิมพีเรียล เป็นหัวหน้าพรรค... "ยุทธ ตู้เย็น" ยงยุทธ ติยะไพรัช และ "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นกองเชียร์ (กุนซือ) คนสำคัญของพรรค ผลการเลือกตั้ง ไม่ได้ส.ส.เขตเลยสักเขตเดียว แต่ได้คะแนนทั่วประเทศ 419,393 คะแนน คำนวณเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้ 5 ที่นั่ง...
แต่การเลือกตั้งยังไม่สะเด็ดน้ำ กกต.ยังไม่ได้รับรองผลอย่างเป็นทางการ บรรดา "นักรบรับจ้าง" ที่ลงสมัคร ส.ส.เขต ก็ออกมาทวงเงินหาเสียงกันแล้ว โดย "พนาสันต์ สุนันต๊ะ" ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สุโขทัย ออกมาร้องโหวกเหวก ว่า ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส.เขต กว่า 10 คน เตรียมรวมตัวกันไปทวงถามความชัดเจนจาก "ผู้ใหญ่" ในพรรค ที่เคยบอกในช่วงก่อนเลือกตั้งว่า ให้ผู้สมัครเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ เอาเงินตัวเองสำรองจ่ายไปก่อน เดี๋ยวทางพรรคจะมีเงินก้อนใหญ่มาสนับสนุน ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลายคน ยอมควักเงินตัวเองหาเสียง หมดกันไปคนละหลายแสน บางคนหมดไปเป็นล้าน บางคนเป็นข้าราชการเกษียณ ก็เอาเงินออมทั้งชีวิตมาลง หวังจะต่อยอด แต่สุดท้ายตกอยู่ในสภาเหมือนถูกหลอกใช้ ... พอไปทวงถามก็ได้รับคำตอบแบบบ่ายเบี่ยง สรุปคือยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เงิน จึงเตรียมตัวจะไปถามเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ... รูปกการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกพรรคเพื่อชาติในวันนี้ ช่างเหมือนที่เคยเกิดกับ ลูกพรรค"พลังปวงชนไทย" ที่มี "พี่แม้ว" พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ไม่มีผิดเพี้ยน...
เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แล้ว ทำให้นึกถึง "แก๊งตกทอง" ที่มิจฉาชีพแกล้งเอาทองเส้นใหญ่ มาทำหล่นไว้ พอมีเหยื่อมาเห็นและเก็บได้ ก็จะแสดงตัวออกไปบอกว่าเห็นพร้อมกัน ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง แต่ไม่เป็นไร ฉันยอมเสียเปรียบ ฉันให้ทอง (เก๊) เส้นใหญ่ เธอไปก็ได้ ฉันยอมเอาทองเส้นเล็กในคอเธอมาแทนก็แล้วกัน ... เมื่อได้ทองจริงแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไป คนได้ทองเส้นใหญ่ กว่าจะรู้ว่าเป็นทองเก๊ ก็เมื่อเข้าร้านทองแล้วเดินคอตกออกมา ...
อ้อ...อีกคนที่นึกถึงก็คือ "ตุ๊ดตู่" ที่พอเลือกตั้งเสร็จ ผ่านไปสองวัน ก็ออกมาประกาศ ยุติบทบาทการเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อชาติ โดยบอกว่าจะกลับไปทำหน้าที่ประธาน นปช. เพียงอย่างเดียว...ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นหนึ่งใน "ผู้ใหญ่" ของพรรค ที่ไปรับปากพวกผู้สมัคร ส.ส.เขต เหล่านั้นไว้หรือเปล่า..
------
รูป - อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- "มาดามแป้ง" ไปยื่นหนังสือ ถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ - จตุพร พรหมพันธุ์
**จาก“อุ๊ หฤทัย”ใส่เกียร์ห้า จวก“ปิยบุตร”แนวคิดอันตราย “ลุงตู่”คอนเฟิร์ม ออกสารนายกฯ แฉความมีอยู่ของกระบวนการล้มเจ้า !! อัพเกรดขึ้นน่ากลัวปลุกพ่อ แม่ สั่งลูกหลานใกล้ชิด ขณะที่เลขาฯ พรรคส้มหวาน ต้นตอคลิปเสวนาหมิ่นเหม่ เจอร้องยุบพรรคแล้ว ต้องโพสต์เฟซบุ๊กมุกเดิม คลิปตัดต่อ-เผด็จการทหารใส่ร้าย
อะไรบางอย่างบอกว่าไม่ปกติ เมื่อ“ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกลับออกสารจากนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า สถานการณ์ในบ้านเมืองเราขณะนี้มีผู้ไม่หวังดี บางคนบางกลุ่มได้พยายามบิดเบือนข่าวสารข้อเท็จจริงในหลายประเด็น มีการใช้โซเชียลมีเดีย และใช้บุคคลบางกลุ่มเข้ามาปลูกฝังแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อมุ่งหวังให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ และบ่อนทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
รัฐบาลและคสช. รับทราบสถานการณ์มาโดยต่อเนื่อง และได้บังคับใช้กฎหมายปกติอย่างเคร่งครัดโดยให้กระบวนการยุติธรรม และหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการไป มิไดใช้อำนาจพิเศษมาดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล ผู้ปกครองควรต้องเอาใจใส่ลูกหลานของตน และบุคคลใกล้ชิด ครู อาจารย์ ควรต้องงอบรมบ่มนิสัย ดูแลลูกศิษย์ อย่างเข้าถึง
ก่อนที่"ลุงตู่" จะออกสารฉบับนี้ เช้าวันเดียวกัน กลุ่มการเมืองภาคประชาชน ก็ไปยื่นร้องกกต. "ยุบพรรคอนาคตใหม่" เพราะพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง โดยมีคลิปปราศรัยหาเสียงเป็นหลักฐาน ขณะที่ในพรรคก็เต็มไปด้วยนักวิชาการคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการปราศรัยปลุกระดมให้เกลียดชังสถาบันฯ โดยใช้วาทกรรมว่า คือประชาธิปไตย โดยการให้ต่อต้านรัฐธรรมนูญที่มาจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
คลิปนี้แชร์กันแพร่หลายในโซเซียลฯ แรงมาเป็นระยะ ยิ่งร้อนแรงทะลุเดือด จนมาถึงกรณีของ “อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี”นักร้องชื่อดัง ออกมาแสดงความกังวลที่เห็นคลิป “ปิยบุตร แสงกนกกุล”เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
"อุ๊ ได้เห็นการเสวนาเรื่องการเมือง ความยุติธรรม และระบอบกษัตริย์ของไทย มีความกังวลเป็นอย่างมากว่า สิ่งที่คุณเสวนา โดยการยกคำอ้างของนักปฏิวัติฝรั่งเศส ที่โค่นล้มระบอบกษัตริย์ คำพูดแบบนี้ คุณเป็นอาจารย์ คุณสอนนิสิต นักศึกษา ลูกหลานของคนไทยได้อย่างไร แล้วคนไทยในชาติบ้านเมือง อยู่โดยที่ไม่ทำอะไรกันได้อย่างไร เลย 60 ล้านคน นี่มันเป็นเรื่องของความมั่นคง ความสั่นคลอนศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ" ...เล่นเอาร้อนทั้งโซเซียลฯ กองทัพน้องฟ้ารุมถล่ม พี่อุ๊ ขณะที่ทีมพี่อุ๊ ก็ซัดกลับ ... จนในที่สุด ตัวพ่อพรรคส้มหวานทนอยู่ไม่ได้ ก้นร้อนขึ้นมาทันที โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ระบุว่า กรณีคลิปและภาพ ของเขาถูกเอาไปบิดเบือน
"ปิยบุตร" บอกว่า คลิปนั้นเป็นการบรรยาย และรูปของเขาพร้อมคัดบางประโยคมาประกอบจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และนำมาซึ่งความเกลียดชัง เขาอ้างว่า คลิปนี้เขาได้รับเชิญเป็นวิทยากร บรรยายในหัวข้อ “การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์”เมื่อวันที่ 17 ก.พ.56 จัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในขณะนั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ทำงานวิชาการ บรรยาย ศึกษาค้นคว้า เรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญ สถาบันการเมือง ประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย และประเทศต่างๆ หัวข้อหนึ่งที่สนใจคือ "สถาบันกษัตริย์กับประชาธิปไตย" การปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย และประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย
ข้อความในท่อนที่ตัดมานั้น ไม่ได้พูดถึงสถาบันกษัตริย์ในราชอาณาจักรไทย แต่บรรยายถึง หลักการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยอธิบายว่า หากพิจารณาจากระบอบประชาธิปไตยตามสากลแล้ว "พระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง" ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และโดยธรรมชาติของตำแหน่งพระมหากษัตริย์ ที่มาจากการสืบทอดทางสายโลหิต ไม่ได้มาจากการเลือก จึงจำเป็นต้องจัดวางตำแหน่งแห่งที่ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย และยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้อยู่ สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ
“การนำข้อความที่ผมบรรยายเมื่อ 6 ปีก่อน เมื่อครั้งผมยังเป็นนักวิชาการ มาตัดใช้บางตอน โดยไม่ระบุว่า บรรยายในโอกาสใด เมื่อไร และยังใส่ตำแหน่งใต้ชื่อผมว่า “เลขา พรรคอนาคตใหม่”พร้อมกับนำสัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ ไปติดในรูปภาพด้วย เป็นการแสดงเจตนาอันไม่สุจริตของผู้กระทำ ต้องการทำให้ผมเสียหาย ถูกเกลียดชัง”
นอกจากนั้น คลิปและรูปภาพชุดนี้ถูกนำมาเผยแพร่ในช่วงรณรงค์หาเสียง เพื่อทำให้คนเข้าใจผิด และไม่ลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ก็รีบนำกลับมาเผยแพร่กันอีก เพื่อต้องการสร้างความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน วิญญูชน ผู้มีจิตใจเป็นธรรมย่อมพิจารณาได้เองว่าการกระทำของคนกลุ่มนี้ ยุติธรรมต่อผมและพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
"ปิยบุตร"ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะเวลา 14 ปี ที่ผ่านมา มีขบวนการใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาโจมตีโดยใช้ข้อหา “ไม่จงรักภักดี”หรือ “ล้มเจ้า”จนนำมาซึ่งความเกลียดชังกันเองในหมู่ประชาชน ทำให้สังคมแตกแยก จนเผด็จการทหารฉวยโอกาสเข้ายึดและครองอำนาจมาอย่างยาวนาน
สรุปว่า ในความเห็นของ"ปิยบุตร" เรื่องนี้เป็นแค่คลิปตัดต่อ และปัญหามาจากทหารเผด็จการ เป็นบริบทเดิมๆ ที่เคยตอบโต้ข้อกล่าวหานี้มาตลอดเช่นกัน ... งานนี้ตอนนี้ถือว่าร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิเดือนเมษา ... ปิยบุตรพลิ้วไหวดุจสายน้ำ "เจอสารลุงตู่" เว้ากันซื่อๆ ดูให้ดีๆ ไม่ธรรมดาแน่
**บอลไทยมาไกล แต่มาตรฐานผู้ตัดสินยังต่ำตม ‘มาดามแป้ง’เคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก ยื่นหนังสือเรียกร้องสมาคมฟุตบอล สุดจะทนเห็นกรรมการบั่นทอนหนทางก้าวไปของไทยลึก ถึงเวลาพัฒนามาตรฐาน "เปา" จริงจังได้หรือยัง
เรียกว่าไม่ถึงที่สุดคงไม่เคลื่อนไหว ... สำหรับ "มาดามแป้ง" นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ที่ทนเห็นบอลพัฒนาแต่กรรมการยังผิดซ้ำผิดซาก ทำหน้าที่ไม่สมเป็นผู้ตัดสินจริงๆ จึงตัดสินใจไปยื่นหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในการแข่งขันไทยลีก 1 นัดท่าเรือ เยือน สุโขทัย เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ...
นัดที่ว่ามีปัญหาหลายจังหวะ ผลการแข่งขันการท่าเรือ แพ้ สุโขทัยเจ้าถิ่นไป ใครที่ดูฟุตบอลเป็น หรือกระทั่งไม่เป็น หากดูด้วยใจเป็นธรรมแบบกีฬาเป็นยาวิเศษ ก็จะเห็นว่า ปัญหามาจากการตัดสิน !
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ "มาดามแป้ง" เดินทางมายื่นหนังสือด้วยตัวเอง เหตุผลคือ ด้วยความรักและความปรารถนาดี อยากเห็นการแข่งขันไทยลีก และวงการฟุตบอลไทยพัฒนา ก้าวเป็นลีกชั้นนำของภูมิภาค ... บอลไทยพัฒนามาไกล แต่ผู้ตัดสินยังล้าหลัง นั่นเอง ... ว่ากันตรงไปตรงมา ความไม่พัฒนาของกรรมการฟุตบอลระดับนี้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆ สโมสร ซ้ำแล้วซ้ำอีก ล้วนมีส่วนสำคัญในการบั่นทอนขวัญ กำลังใจ ของนักเตะ แฟนบอล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย...
ทั้งๆ ที่รู้ว่ายื่นหนังสือไป จะไม่มีผลอะไร แต่ "มาดามแป้ง" หวังว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนี้ จะเป็นสัญญาน และเสียงสะท้อน และหวังว่าจะเป็นเสียงที่ดังพอ ถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการพัฒนามาตรฐานผู้ตัดสิน และร่วมกันเดินไปสู่พัฒนาการของไทยลีก ... ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราทุกคนได้รับรู้ข่าวสาร ความคิดเห็นต่างๆ จากสื่อ จากสโมสรต่างๆ แฟนเพจกีฬาฟุตบอล รวมถึงความคิดเห็นจากแฟนบอลคนไทยมาโดยตลอด ถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในหลายๆครั้ง หลายสโมสร ทั้งนักกีฬา ผู้บริหาร และแฟนบอลทุกสโมสร ก็คิดเช่นเดียวกัน
หลังการแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2019 ผ่านมา 5 นัด ทุกคนรู้สึกมีความห่วงใย และกังวลกับการตัดสิน และการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการบางคนในหลายๆ นัด เกรงว่าอาจจะไม่ทันเกมและขาดมาตรฐาน แฟนบอลไทยต่างอยากให้การแข่งขันไทยลีกเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สมศักดิ์ศรีวงการฟุตบอลไทย ถ้าทุกอย่างมีมาตรฐาน ก็ Win-win ทั้งนักกีฬา ผู้ฝึกสอน แฟนบอล และผู้บริหารสโมสร คนเป็นกรรมการถ้าทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในสนามได้สมบูรณ์ จะเป็นข้อบ่งชี้สำคัญของพัฒนาการการจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยว่าได้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล หรือไม่...
ใครๆก็รู้ว่า "มาดามแป้ง" เข้ามาอยู่ในวงการฟุตบอลด้วยความรักและจริงใจต่อบอลไทยแค่ไหน ฟุตบอลหญิงไทยไปบอลโลก ก็เป็นความสำเร็จที่มาดามแป้ง มีส่วนสำคัญ ... การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงน่าสนใจยิ่ง
"การออกมาวันนี้ ขอบอกว่า มาเพื่อศักดิ์ศรี และการก้าวหน้าของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง จากใจคนรักบอลไทย แม้การยื่นหนังสือในวันนี้จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน และตารางคะแนน และต้องย้ำว่า ไม่มีปัญหา หรือความขัดแย้งกับสโมสรใดๆทั้งสิ้น เพราะเชื่อว่า เราทุกคนคือคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะร่วมกันพัฒนาวงการฟุตบอลของไทย"
ไม่ใช่แค่คำถามของ"มาดามแป้ง" ฝากต่อไปถึงสมาคมฯ เท่านัน แต่เป็นเสียงที่แฟนบอลก็อยากจะบอกเหมือนกัน... ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องลุกขึ้นมาพูดคุยเรื่องนี้ กรรมการที่เป็นผู้ตัดสินที่ยุติธรรมได้มาตรฐาน กำหนดแนวทางเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดัง กล่าวอย่างจริงจัง... จากใจคนรักบอลไทย...
** แดงต้มแดง!! เลือกตั้งยังไม่จบ "นักรบรับจ้าง" พรรคเพื่อชาติ ก็ออกมาทวงเงินหาเสียง ที่ผู้ใหญ่ในพรรคบอกว่าให้สำรองจ่ายไปก่อนแล้วค่อยมาเบิกเงินก้อน เหตุเกิดคล้ายพรรคพลังปวงชนไทย ที่มี "พี่แม้ว" เป็นประธานที่ปรึกษา เปี๊ยบ !!
การเลือกตั้งครั้งนี้ "พรรคเพื่อชาติ" พรรคเครือข่ายสืบทอดอำนาจทักษิณ ซึ่งเป็นที่รวมของบรรดา "แกนนั่ง แกนนอน" กลุ่มเสื้อแดง มี "สงคราม กิจเลิศไพโรจน์" เจ้าของห้างอิมพีเรียล เป็นหัวหน้าพรรค... "ยุทธ ตู้เย็น" ยงยุทธ ติยะไพรัช และ "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นกองเชียร์ (กุนซือ) คนสำคัญของพรรค ผลการเลือกตั้ง ไม่ได้ส.ส.เขตเลยสักเขตเดียว แต่ได้คะแนนทั่วประเทศ 419,393 คะแนน คำนวณเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้ 5 ที่นั่ง...
แต่การเลือกตั้งยังไม่สะเด็ดน้ำ กกต.ยังไม่ได้รับรองผลอย่างเป็นทางการ บรรดา "นักรบรับจ้าง" ที่ลงสมัคร ส.ส.เขต ก็ออกมาทวงเงินหาเสียงกันแล้ว โดย "พนาสันต์ สุนันต๊ะ" ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สุโขทัย ออกมาร้องโหวกเหวก ว่า ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส.เขต กว่า 10 คน เตรียมรวมตัวกันไปทวงถามความชัดเจนจาก "ผู้ใหญ่" ในพรรค ที่เคยบอกในช่วงก่อนเลือกตั้งว่า ให้ผู้สมัครเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ เอาเงินตัวเองสำรองจ่ายไปก่อน เดี๋ยวทางพรรคจะมีเงินก้อนใหญ่มาสนับสนุน ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลายคน ยอมควักเงินตัวเองหาเสียง หมดกันไปคนละหลายแสน บางคนหมดไปเป็นล้าน บางคนเป็นข้าราชการเกษียณ ก็เอาเงินออมทั้งชีวิตมาลง หวังจะต่อยอด แต่สุดท้ายตกอยู่ในสภาเหมือนถูกหลอกใช้ ... พอไปทวงถามก็ได้รับคำตอบแบบบ่ายเบี่ยง สรุปคือยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เงิน จึงเตรียมตัวจะไปถามเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ... รูปกการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกพรรคเพื่อชาติในวันนี้ ช่างเหมือนที่เคยเกิดกับ ลูกพรรค"พลังปวงชนไทย" ที่มี "พี่แม้ว" พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ไม่มีผิดเพี้ยน...
เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แล้ว ทำให้นึกถึง "แก๊งตกทอง" ที่มิจฉาชีพแกล้งเอาทองเส้นใหญ่ มาทำหล่นไว้ พอมีเหยื่อมาเห็นและเก็บได้ ก็จะแสดงตัวออกไปบอกว่าเห็นพร้อมกัน ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง แต่ไม่เป็นไร ฉันยอมเสียเปรียบ ฉันให้ทอง (เก๊) เส้นใหญ่ เธอไปก็ได้ ฉันยอมเอาทองเส้นเล็กในคอเธอมาแทนก็แล้วกัน ... เมื่อได้ทองจริงแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไป คนได้ทองเส้นใหญ่ กว่าจะรู้ว่าเป็นทองเก๊ ก็เมื่อเข้าร้านทองแล้วเดินคอตกออกมา ...
อ้อ...อีกคนที่นึกถึงก็คือ "ตุ๊ดตู่" ที่พอเลือกตั้งเสร็จ ผ่านไปสองวัน ก็ออกมาประกาศ ยุติบทบาทการเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อชาติ โดยบอกว่าจะกลับไปทำหน้าที่ประธาน นปช. เพียงอย่างเดียว...ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นหนึ่งใน "ผู้ใหญ่" ของพรรค ที่ไปรับปากพวกผู้สมัคร ส.ส.เขต เหล่านั้นไว้หรือเปล่า..
------
รูป - อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- "มาดามแป้ง" ไปยื่นหนังสือ ถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ - จตุพร พรหมพันธุ์