xs
xsm
sm
md
lg

ช้างชนช้าง...ในเวเนซุเอลา!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

รัสเซียส่งกำลังทหารและยุทโธปกรณ์เข้าเวเนซุเอลา
ปิดฉากสัปดาห์นี้...เพื่อไม่ให้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า วิตกกังวล กลุ้มใจ ทุกข์ใจ กับเหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จนเกินไป อันเนื่องมาจากความพยายาม “แย่งกันจัดตั้งรัฐบาล” ชนิดแทบไม่รู้ไผเป็นไผ ใครหรือพรรคใดอยู่ฝ่ายเผด็จการ-ฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างล้วนหย่อนบัตรเลือกตั้งภายใน “กล่องใบเดียวกัน” แท้ๆ เลยคงต้องขออนุญาตเปลี่ยนบรรยากาศ ชวนไปดูฉากเหตุการณ์ความคืบหน้าในประเทศละตินอเมริกาอย่าง “เวเนซุเอลา” โน่นเลย เพราะยังไงๆ...ย่อมต้องเป็นอะไรที่น่า “ปวดหัวฉิบหาย” ยิ่งกว่าบ้านเรา ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...

คืออย่างที่ทราบๆ กันมานานแล้ว...ว่าการ “แย่งกันเป็นประธานาธิบดี” ระหว่าง “นายนิโคลัส มาดูโร” กับ “นายฮวน กุยโด” หรือ “ฮวน ฆวยโต” ก็แล้วแต่จะเรียก ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดความปวดเศียรเวียนเกล้าต่อ “ปวงชนชาวเวเนซุเอลา” โดยลำพังเท่านั้นแต่ยังก่อให้เกิดความ “ยุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายห่ะ” ต่อบรรดาพลโลกทั่วทั้งโลกเอาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์ล่าสุด ที่จู่ๆ เมื่อวันเสาร์ (23 มี.ค.) ที่ผ่านมา ได้ปรากฏเครื่องบินขนส่งทางทหาร 2 ลำของรัสเซีย คือ Antonov-24 และ Ilyushin-62 ที่บินตรงจากสนามบิน “Chkalovsky” ในรัสเซีย แวะจอดที่ซีเรีย แล้วบินต่อไปยังสนามบินกรุงคาราคัสในประเทศเวเนซุเอลา ได้ขนเอา “ทหารรัสเซีย” จำนวนไม่ต่ำกว่า 100 นาย ภายใต้การนำของ “นายพลวาสิลี ทอนคอชคูรอฟ” (Vasily Tonkoshkurov) หัวหน้าเสนาธิการกองกำลังภาคพื้นดินรัสเซีย พร้อมอุปกรณ์ทางทหารอีกกว่า 30 ตัน เข้าไปให้ความช่วยเหลือปกป้องดูแล ประธานาธิบดี “มาดูโร” ภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือทางทหารและเทคโนโลยี ที่รัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา เคยทำข้อตกลงเอาไว้นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา...

งานนี้...ต้องเรียกว่า เล่นเอาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีที่มาจากการแต่งตั้งตัวเอง อย่าง “นายฮวน กุยโด” นั่นก็คือคุณพ่ออเมริกาของเราทั้งหลาย ออกอาการ “สะดุ้ง” กันระดับแปดตลบ สิบตลบ เอาเลยถึงขั้นนั้น เพราะถ้าคิดจะบุกเวเนซุเอลา หรือคิดจะใช้ “มาตรการทางทหาร” ซึ่งยังคง “วางเอาไว้บนโต๊ะ” ประธานาธิบดีอเมริกัน อาจต้องเจอกับฉากสถานการณ์แบบเดียวกับ “ซีเรีย” เอาง่ายๆ อันเป็นฉากสถานการณ์ที่สุดท้าย...กองทัพอเมริกัน ถึงกับต้องเก็บฉาก ปิดฉาก หนียะย่าย พ่ายจะแจออกจากซีเรียไปตามระเบียบ บรรดาผู้มีอำนาจในรัฐบาลอเมริกัน จึงต้องออกมาฟาดหัว ฟาดหาง ฟาดงวง ฟาดงา กันไปตามลำดับ ไม่ว่ารองประธานาธิบดี “ไมค์ เพนซ์” ที่ออกมาติติงว่า “รัสเซียกำลังปลุกเร้าสถานการณ์ในเวเนซุเอลาโดยไม่จำเป็น” หรือที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายจอห์น โบลตัน” ที่ออกมาป่าวประกาศว่า “อเมริกาจะไม่ยอมอดทนต่อพฤติกรรมของรัสเซียในกรณีเวเนซุเอลาโดยเด็ดขาด” แต่ที่ชัดเจนและน่าขนลุก ขนพอง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่ออกมายื่นคำขาดคราวล่าสุดว่า “รัสเซียจะต้องถอนทหารออกจากเวเนซุเอลาโดยเด็ดขาด เพราะแผนการใช้กำลังทหารเผด็จศึกเวเนซุเอลาของอเมริกา ยังคงวางเอาไว้บนโต๊ะเช่นเดิม...”

หรือพูดง่ายๆ ว่า...โอกาสที่จะเกิดฉากสถานการณ์ “ช้างชนช้าง” หรือการปะทะแตกหักระหว่างสองอภิมหาอำนาจ อย่างรัสเซียและอเมริกาภายในดินแดนเวเนซุเอลา อันเนื่องมาจากการ “แย่งกันเป็นประธานาธิบดี” ระหว่าง “นายมาดูโร” กับ “นายกุยโด” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อบรรดาผู้มีอำนาจในรัฐบาลอเมริกัน พยายามทำให้เรื่องของประเทศเล็กๆ (แต่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันและทรัพยาการนานาชนิด) ในละตินอเมริกาแห่งนี้ กลายเป็นเรื่องของ “ความมั่นคงทางยุทธศาสตร์” ของอเมริกา ระดับถึงกับหวนกลับไปหยิบเอาแนวคิดที่เรียกๆ กันว่า “ลัทธิมอนโร” (Monroe Doctrine) ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกันเมื่อช่วงศตวรรษที่แล้ว ซึ่งประกาศห้ามไม่ให้มหาอำนาจรายใดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายใน “ซีกโลกตะวันตก” (Western Hemisphere) หรือพื้นที่ที่เคยตกเป็นอาณานิคมในละตินอเมริกาโดยเด็ดขาด มาใช้เป็นเหตุผล ข้ออ้าง ในการทำให้ทั่วทุกประเทศในทวีปอเมริกา ถือเป็น “สวนหลังบ้าน” ของอเมริกาไปโดยตลอด...

แต่ในเมื่อโลกยุคนี้...มันเปลี่ยนไปจากเมื่อศตวรรษที่แล้วแบบคนละเรื่อง คนละม้วน ไม่ได้มีจ้าวอาณานิคมอย่างสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ หลงเหลืออยู่ต่อไปอีกแล้ว เหลือแต่ผู้ที่พยายามสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “ประมุขโลก” อย่างคุณพ่ออเมริกาเท่านั้น คำพูด คำอธิบาย ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย “นางมาเรีย ซาคาโรวา” (Maria Zakharova) จึงออกจะมีน้ำหนักและสอดคล้องกับความเป็นจริงของโลกอย่างมิอาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะที่สรุปเอาไว้ว่า... “หากรัฐบาลอเมริกันในปัจจุบันยังคิดว่าบรรดาประเทศในละตินอเมริกาเป็นสวนหลังบ้านเหมือนกับยุคมอนโร แต่ตัวเองกลับทำสิ่งที่สวนทางกับลัทธิมอนโร ด้วยการแทรกแซงซีกโลกตะวันออก (Eastern Hemisphere) เช่นสนับสนุนการปฏิวัติสี (Color Revolution) ในกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียตเดิม หรือในบอลข่าน แถมยังคิดเอาเองว่าบรรดาผู้คนในซีกโลกต่างๆ รู้สึกขอบคุณต่อวอชิงตัน ในการเข้าไปเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และเข่นฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ยังคิดว่าบรรดาปวงชนเหล่านั้นกำลังรอคอยประชาธิปไตยที่ถูกนำเข้ามาโดยอเมริกาบนปีกของเครื่องบินทิ้งระเบิด อเมริกาก็น่าจะหันไปถามบรรดาประชาชนในอิรัก ลิเบีย ซีเรีย หรือเซอร์เบีย ดูเอาเองว่า เขาเหล่านั้นรู้สึกเช่นเดียวกับรัฐบาลอเมริกันหรือไม่...” นี่...ต้องเรียกว่าแสบสัน จี๊ดๆ จ๊าดๆ มิใช่น้อย...

แต่สรุปรวมความแล้ว...ไม่ว่าโดยเหตุผล ข้ออ้าง ของแต่ละฝ่ายจะเป็นเช่นใด การ “แย่งกันเป็นประธานาธิบดีเวเนซุเอลา” ของทั้งสองฝ่าย ที่ยังคง “กินกันไม่ลง” อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ ยิ่งทำให้โอกาสที่โลกทั้งโลกจะต้องปวดเศียรเวียนเกล้า ตามไปด้วยยิ่งสูงขึ้นไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีที่มาจากการแต่งตั้งตัวเอง อย่าง “นายกุยโด” ได้หันไปใช้วิธีแบบที่นักวิเคราะห์ชาวรัสเซีย “นายวาเลอรี เกราซิมอฟ” (Valery Gerasimov) เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายเสนาธิการรัสเซีย เคยคาดเดาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าจะเป็นไปในแบบ “ผสมผสาน” ภายใต้ “การปะทะในขอบเขตอันหลากหลาย” (Multi-Sphere Battle) โดยเฉพาะการใช้กองกำลังติดอาวุธย่อยๆ โจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานภายในเวเนซุเอลา จนนำไปสู่เหตุการณ์ไฟฟ้าดับแทบทั้งประเทศ นำไปสู่การจัดตั้ง “กองบัญชาการป้องกันการบริการทางยุทธศาสตร์ขั้นพื้นฐาน” (Command for the Defense of Basic Strategic Services) ของฝ่าย “นายมาดูโร” และนำไปสู่การจับกุมหัวหน้าที่ปรึกษาคนสนิทของ “นายกุยโด” ในฐานะผู้บงการกลุ่มก่อการร้าย (Terrorist cell) พร้อมอาวุธของกลาง หลักฐานบัญชีธนาคาร การโอนเงิน จ่ายเงินให้กับบรรดา “นักรบรับจ้าง” ในโคลัมเบียและอเมริกากลาง ฯลฯ ฯลฯ...

สิ่งเหล่านี้...เลยทำให้รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา หนีไม่พ้นต้องไปงัดเอา “สัญญาความร่วมมือทางทหารและเทคโนโลยี” ระหว่างรัสเซีย-เวเนซุเอลาปี ค.ศ. 2001 ออกมารองรับการส่งกำลังทหารรัสเซียจำนวนนับร้อย เข้าไปปฏิบัติการในเวเนซุเอลา ก่อนหน้าที่เหตุการณ์จะบานปลายยิ่งไปกว่านี้ และนั่นจึงส่งผลให้โอกาสที่จะเกิดการปะทะกันในระดับ “ช้างชนช้าง” ชนิดหญ้าแพรกในเวเนซุเอลามีสิทธิ์แหลกราญไปเป็นแถบๆ ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ ด้วยเหตุนี้...แทนที่จะไปเสียเวลาปวดหัวกับ “การแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล” ในบ้านเรา สู้หันมาลุ้น “การแย่งกันเป็นประธานาธิบดี” ในเวเนซุเอลา น่าจะพอช่วยให้ “หายบ้า” ได้มั่ง ไม่มากก็น้อย...
กำลังโหลดความคิดเห็น