xs
xsm
sm
md
lg

"ธนาธร"มาแบบรวยแล้วไม่โกง หรือยิ่งรวยยิ่งเหลี่ยมจัด !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**กลายเป็นเรื่องจงใจให้ฮือฮาอีกรอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งปล่อยหมัดในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงด้วยการประกาศโอนทรัพย์สินกว่าห้าพันล้านบาท ให้บริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ดูแลจัดการ โดยไม่มีอำนาจสั่งการหรือยุ่งเกี่ยว (Blind Trust)จนกว่าจะพ้นจากการเมืองเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตามเป้าหมายหรือเปล่า เพราะกลายเป็นว่าหลังการประกาศไม่นาน ก็มีเสียงเย้ยหยัน จับผิด ตามมามากมาย ชนิดที่เรียกว่า "โป๊ะแตก" กลายเป็นอีกเรื่องเลยทีเดียว
เพราะการประกาศดังกล่าว ธนาธร อวดอ้างว่า เขาทำเรื่องนี้เป็นคนแรก และยังอ้างว่าต้องการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับนักการเมือง โดยระบุว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นไปไกลยิ่งกว่าที่กฎหมายกำหนดเอาไว้หลายเท่า
แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงอวดอ้างที่ว่านั้น กลับมีคนสวนขึ้นมาทันควัน อย่างน้อยก็สำนักข่าวอิศราฯ ที่เปิดเผยข้อมูลอีกด้านยืนยันว่า เคยมีนักการเมืองที่เคยทำแบบเดียวกันนี้ไม่น้อยกว่า 15 คน โดยย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อครั้งใช้รัฐธรรมนูญเมื่อปี 2540 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยนักการเมืองเหล่านั้นหลายคนก็ยังอยู่ในวงการเมืองมาจนถึงปัจจุบัน และในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ยังมีบางคนก็ทำในลักษณะเดียวกันกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงแต่ว่าพวกเขาอาจจะไม่รวยเท่า หรือจำนวนมูลค่าทรัพย์สินไม่มากถึงจำนวนห้าพันล้านบาท
**แม้ว่านาทีนี้ในทางการเมืองจะได้ผลในทางคะแนนนิยมมากน้อยแค่ไหน ว่ากระแสที่พยายามสร้างขึ้นมาให้เป็น "พ่อของฟ้า" จะเป็นแรงส่งในช่วงโค้งสุดท้ายหรือไม่ แม้มองในมุมบวกก็อาจพออาจพอกล้อมแกล้มได้ว่าเป็น "จิตสำนึกที่ดี" แต่ก็มาติดอยู่ตรงที่ "เพิ่งมาประกาศเอาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้" พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ทำตั้งแต่ก่อนตั้งพรรคอนาคตใหม่ ทำให้มองว่า นี่คือการ "สร้างกระแสทางการเมือง" เท่านั้น
และอย่าได้แปลกใจที่มีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองเดียวกัน โดยเฉพาะระดับกูรูในวงการตลาดหลักทรัพย์ ที่นอกจากชี้ว่า Blind Trust นั่นยังไม่มีจริงในประเทศไทย เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ เป็นเพียงการโอนทรัพย์สินให้สถาบันการเงินดูแล ซึ่งนักกการเมืองคนอื่นหลายคน ก็เคยทำแบบนี้มาแล้วตามกฎหมาย และตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งที่ ธนาธร ทำอยู่นั้น ไม่ใช่หมายความว่า "มองไม่เห็น" แต่ความหมายก็คือ ในเมื่อทุกคนไม่รู้ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง การตรวจสอบจึงทำไม่ได้ เพราะไม่รู้
**ดังนั้นถ้าหากต้องการให้โปร่งใสตรวจสอบได้ ก็ต้องขายขาด หรือต้องเปิดเผยว่า มีทรัพย์สินอะไรบ้างเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ เป็นต้น
ที่น่าสังเกตก็คือ ความเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กลับได้รับเสียงเย้ยหยันจากคนที่เคยสนับสนุน หรือคนกันเองมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ใช้ชื่อว่า "อั้ม เนโกะ" ที่ตั้งคำถามว่า หากมีความจริงใจจริง ทำไมเพิ่งมาดำเนินการเอาในช่วงเวลาแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจากกรณีของ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ที่มักโจมตีพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างรุนแรงเป็นระยะ
ดังนั้น ความเคลื่อนไหวที่ว่านี้ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่าเป็นเป็นเพียงการ "สร้างกระแสทางการเมือง" เพื่อหาคะแนนนิยม ในช่วงโค้งสุดท้ายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนา หรือสร้างจิตสำนึกทางการเมืองที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันเมื่อย้อนมองกลับไปเปรียบเทียบกับกรณีเพิ่งเกิดขึ้นในเรื่องการ "สร้างประวัติอันเป็นเท็จ" จนนำไปสู่การร้องเรียนให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่ในที่สุดแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิ่งชี้ขาดให้ยุติเรื่อง เนื่องจากเห็นว่า "พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ" ซึ่งคนละความหมายกับคำว่า "ไม่ผิด" หรือโปร่งใส
**กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดมันกลับกลายเป็นว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ของจริง" หรือว่า "ของปลอม" กันแน่ เพราะสิ่งที่พยายามแสดงออกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้มันเหมือนกับมีเจตนาบางอย่าง หรือพยายามจะสื่อว่า "รวยแล้วไม่โกง" แต่กลายเป็นถูกมองว่า "ยิ่งรวย ยิ่งเหลี่ยมจัด" ไว้ใจไม่ได้หรือเปล่า เนื่องจากหลายเรื่องที่ผ่านมามีเจตนาชวนให้สงสัยทั้งสิ้น !!
กำลังโหลดความคิดเห็น