xs
xsm
sm
md
lg

“ณพ-คุณหญิงกอแก้ว”เบี้ยวอีก ตร.รูดซิปศึกสายเลือด“ณรงค์เดช”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ณพ ณรงค์เดช” -แม่ยาย “คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา” เบี้ยวนัดตำรวจอีกครั้ง ไม่มาตามหมายเรียก คดีปลอมลายเซ็นต์ “เกษม” ซื้อขายหุ้น WEH กว่า 2 หมื่นล้าน ขณะที่ตำรวจโนคอมเมนต์ศึกสายเลือดณรงด์เดช เผยกองพิสูจน์หลักฐานฯตำรวจ เพิ่งเปิดผลพิสูจน์ยืนยันลายเซ็นปลอม ตรงที่ “เกษม” เคยแถลงไว้
จากกรณีที่ นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้ง บริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น แจ้งความดำเนินคดีกับ นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนที่ 2 และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุญยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ซึ่งเป็นแม่ภรรยาของนายณพ ฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม หลังพบว่ามีการปลอมสัญญาแต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่าได้ร่วมกันทำขึ้นระหว่าง นายเกษม กับคุณหญิงกอแก้ว เมื่อปี 2559 โดยมีนายณพ ลงนามเป็นพยาน ก่อนนำไปซื้อขายหุ้น บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง (WEH) มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานกลางตรวจสอบพบว่า ลายเซ็นเป็นของปลอมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (7 มี.ค.) ที่ สน.ทองหล่อ รายงานข่าวแจ้งว่า ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้นัดหมายให้นายณพ และคุณหญิงกอแก้ว เดินทางมามารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในช่วงเวลา 10.00 น. และเวลา 13.00 น. ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม แต่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งคู่ไม่ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา และไม่ได้รับการติดต่อประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งนี้ นายณพ และคุณหญิงกอแก้ว ก็ไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหามาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงแนวทางการดำเนินคดีต่อไปกับ พ.ต.อ.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ ได้รับคำตอบเพียงว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานถึงคดีดังกล่าว ส่วนรายละเอียดขอปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้เปิดเผยผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของ นายเกษม ณรงค์เดช เพื่อประกอบสำนวนคดีดังกล่าว ซึ่งผลปรากฎว่า ลายมือชื่อนายเกษม ในเอกสารที่เป็นข้อพิพาท กับตัวอย่างลายมือชื่อของนายเกษม ที่ได้เขียนต่อหน้าพนักงานสอบสวน และที่เคยเขียนไว้เดิมนั้น ไม่ใช่ลายมือของบุคคลคนเดียวกัน ตรงตามที่นายเกษมได้เคยแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้เมื่อปลายปี 2561.
กำลังโหลดความคิดเห็น