xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว
***เข็นบิ๊กตู่ขึ้นภูเขา !! ปัญหาคุณสมบัติ "ว่าที่นายกฯ" ของบิ๊กตู่ เป็นเหมือน"เผือกร้อน" ที่ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังไม่รู้จะจบหรือไม่ อาจต้องเลยไปหลังเลือกตั้ง กระทั่งไปอยู่ในมือของประธานรัฐสภา แล้วก็ยังไม่รู้จะออกหัว ออกก้อย ..
ปมปัญหาที่กำลังถาโถมเข้าหา "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. และ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ คือ การขึ้นปราศรัยหาเสียงบนเวที จะถูกฝ่ายตรงข้ามจ้อง "จับผิด" และ เรื่องตำแหน่งหัวหน้าคสช. ถือเป็น"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หรือไม่...
เรื่องการขึ้นเวทีปราศรัยนั้น ท่าทีของ "บิ๊กตู่" ในวันนี้ทำท่าว่าจะตีธงถอย เพราะปกติ "บิ๊กตู่" ก็พบกับประชาชนทุกคืนวันศุกร์อยู่แล้ว และถ้าจะลงพื้นที่จังหวัดไหน ก็สามารถไป "ตรวจราชการ" ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ทุกที่ อีกทั้งคนทั่วประเทศก็รู้ว่า "บิ๊กตู่" คือ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ จึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงไปประกาศบนเวที เพราะประเด็นที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามจับผิดได้นั้น มีแทบทุกฝีก้าวของการเคลื่อนไหว แทบทุกคำพูด ที่พูดออกไป...
แต่เรื่อง "คุณสมบัติ" ของบิ๊กตู่ ในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมือง นี่สิ เป็นเรื่องใหญ่ ที่สภากาแฟ รายการวิเคราะห์ข่าวของสื่อต่างๆ ยันนักกฎหมาย "ระดับอ๋อง" ยังเถียงกันไม่จบ ต่างฝ่ายต่างยกข้อกฎหมายมาสนับสนุนความคิดของฝ่ายที่ตนเองถือหางอยู่ ...
อย่าง นายวิษณุ เครืองาม "เนติบริกร" ของรัฐบาล ก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า คุณสมบัติของ "บิ๊กตู่" ไม่ขัดกฎหมาย จึงยอมให้ใส่ชื่อเป็น ว่าที่นายกฯ ของพรรคการเมือง โดยอธิบายว่า คำว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" มี 2 ความหมาย ที่ใช้ในรัฐธรรมนูญ คือ 1. เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นความหมายทั่วไป และ 2. เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นความหมายตาม มาตรา 98 (15) โดยความหมายทั่วไปนั้น คนในครม. ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตาม มาตรา 98 (12) บิ๊กตู่ก็เป็น ... แต่รัฐธรรมนูญ ได้ยกเว้นในฐานะที่เป็น "ข้าราชการการเมือง" เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (12) ระบุไว้ว่า คนที่จะสมัครส.ส. หรือส.ว. หรือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะต้องไม่ขัดกับ มาตรา 98 (12) ที่เขียนว่า " จะต้องไม่เป็นข้าราชการ ยกเว้นข้าราชการการเมือง" เมื่อ"บิ๊กตู่" เป็นข้าราชการการเมือง จึงได้รับการยกเว้น ดังนั้น บิ๊กตู่ ที่ "สวมหมวกนายกฯ" จึงสามารถถูกเสนอชื่อเป็นว่าที่นายกฯ ของพรรคการเมืองได้ ... อันนี้ฝ่ายตรงข้ามไม่เถียง…
คราวนี้มาดูสถานะบิ๊กตู่ที่ "สวมหมวกหัวหน้าคสช." ที่ฝ่ายตรงข้ามเถียง โดยเห็นว่าขัดคุณสมบัติ ตามมาตรา 98 (15) ที่ เขียนว่า "จะต้องไม่เป็นลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ" ซึ่งถ้าดูแล้วก็จะเห็นว่า "ขัดแน่ๆ" เพราะหัวหน้าคสช. รับเงินเดือนประจำมา 5 ปีแล้ว ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่นายวิษณุ ก็ตีความว่า ในเมื่อบิ๊กตู่ เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐตาม มาตรา 98 (12) ซึ่งได้รับการยกเว้นแล้ว ก็ไม่ต้องมาพูดเรื่อง มาตรา 98 (15) อีก เพราะตนเองตีความไปแล้ว ว่า "ไม่ขัด" แต่จะถูกหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าใครยังไม่ยอม ก็ส่งให้ กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยหาข้อยุติได้ …
ความจริงเรื่องนี้ได้มี "นักร้อง" อย่าง "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" หรือ "ศรีสุวรรณ จรรยา" ได้ไปร้องต่อ กกต. แล้ว ซึ่งกกต.ก็รับเรื่องไว้ แต่ยังไม่ได้ พิจารณา อีกทั้งช่วงนี้ กกต. หลายคนก็ติดภารกิจเดินทางไปดูงานการใช้สิทธิเลือกตั้งของคนไทยในต่างประเทศ หรือ การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. จนถึงวันที่ 10 มี.ค. ที่เหลืออยู่ก็ไม่ครบองค์ประชุม จึงยังพิจารณาไม่ได้ ... แต่ถ้าครบองค์ประชุม และมีการพิจารณาเมื่อใด การตัดสินของกกต. ก็สามารถออกได้ 3 ทาง คือ 1. ขัดกฎหมาย ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด 2. ไม่ขัดกฎหมาย คำร้องก็ตกไป 3. ไม่รับพิจารณา เพราะผู้ร้อง เป็นผู้ที่ไม่มีส่วนได้เสีย ... เพราะ กกต.อาจมองว่า ผู้ที่มีส่วนได้เสีย ที่จะมายื่นคำร้องนั้น ต้องเป็น "ว่าที่นายกฯในบัญชีของพรรคการเมือง" อย่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นต้น...
อย่างไรก็ตาม หากมองว่า เรื่องนี้ต้องไปสิ้นสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนอกจาก กกต. ส่งเรื่องไปแล้ว ยังมีอีกช่องทางคือ ผ่าน "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ซึ่ง วันนี้ (6มี.ค.) "นายศรีสุวรรณ จรรยา" บอกว่าจะไปร้องที่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้นำเรื่องเสนอต่อ "ศาลปกครอง" วินิจฉัยว่า ตำแหน่ง "หัวหน้าคสช." ของบิ๊กตู่นั้น ถือว่าเป็น "เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ" ตามที่ รธน. มาตรา 160 (6) ประกอบ มาตรา 98(15) ห้ามไว้หรือไม่ ...
แต่เรื่องยังไม่ถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ทางศาลปกครอง โดย"นายประวิตร บุญเทียม" ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ในฐานะ โฆษกศาลปกครอง ก็ได้ออกมา ตอบคำถามสื่อมวล ชนถึงคำนิยาม "เจ้าหน้าที่รัฐ" ที่กำลังเป็นปัญหา "เผือกร้อน" อยู่ในขณะนี้ โดยสรุปความว่า ศาลปกครองมีกฎหมายของตัวเอง คือ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง ดังนั้น เรื่องที่ศาลปกครองจะพิจารณา จะต้องเป็นความหมายเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฎหมายศาลปกครอง เท่านั้น หากเป็นกรณีการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ก็จะไม่รับฟ้อง เพราะไม่ใช่คดีที่อยู่ในอำนาจ...
ส่วนที่ผ่านมา ที่มีการฟ้องศาลปกครอง ให้เพิกถอนประกาศ หรือ คำสั่ง คสช. นั้น มีการฟ้องมาจริง แต่เป็นกรณี เช่น เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งทางปกครองโดยอาศัยประกาศ และ คำสั่ง คสช. ที่กำหนดนโยบายในบางเรื่องไว้เป็นพื้นฐาน ซึ่งผู้ที่ถูกออกคำสั่งและต้องปฏิบัติ ก็จะนำมาใช้ เช่น กรณีสถานบันเทิง เช่นนี้จะเป็นกรณี เจ้าหน้าที่รัฐ ตามนิยามของกฎหมายศาลปกครอง ส่วนที่จะเป็นการฟ้องเพิกถอนประกาศ และคำสั่ง คสช.โดยตรงนั้น ศาลปกครองไม่ได้รับไว้พิจารณา เพราะเป็นการออกประกาศโดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ และ ที่ผ่านมาศาลปกครองจึงไม่ได้มีการวินิจฉัยเกี่ยวกับนิยามความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของหัวหน้า คสช.เลย ... พูดโดยสรุปก็คือ เรื่องที่ "หัวหน้าคสช." จะไปเป็นว่าที่นายกฯของพรรคการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในเส้นทางของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องทางปกครอง ดังนั้น "ไม่รับพิจารณา"... ช่องทางที่จะผ่านทางผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงน่าจะตีบตัน...
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนแรกเลยคือ ศาลรัฐธรรมนูญ จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้ารับผลออกมาเป็นสองทาง คือ ผิด กับ ไม่ผิด ... แต่ในระหว่างการพิจารณานี้ อาจต้องใช้เวลา ที่ไม่มีใครสามารถคาดคำนวณได้ อาจยาวไปจนถึงเลือกตั้งเสร็จแล้ว ประกาศรับรองผลแล้ว จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันแล้ว แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ชี้ขาดออกมา ก็อาจเป็นได้ ... เมื่อถึงเวลานั้น "เผือกร้อน" นี้ ก็จะไปอยู่ในมือของประธานรัฐสภา ที่จะต้องเป็น "เจ้าภาพ" จัดให้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี... แต่ถ้าคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ ยังคลุมเครือ ยังไม่มีความชัดเจน ประธานรัฐสภาจะกล้าเปิดประชุมให้มีการโหวตหรือไม่ ... หรือถ้าเปิดให้มีการโหวต แล้ว"บิ๊กตู่" ได้เป็นนายกฯ ประธานรัฐสภา จะกล้านำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยหรือไม่ ... ถ้าทูลเกล้าฯ ขึ้นไป จะเป็นเรื่องที่ "สร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท" หรือไม่ ... จะว่าไปแล้ว ปมปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากการออกแบบกฎหมาย ที่เต็มไปด้วยกับดัก หลุมพราง ทางแยก ทางเลี้ยว จนทำให้เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรอบสอง ของ "บิ๊กตู่" ครั้งนี้ ไม่ต่างจากการ "เข็นบิ๊กตู่ขึ้นภูเขา" จริงๆ

**จัดหนักมาก็จัดหนักไป! ผบ.ทบ.“บิ๊กแดง”สุดจะทนสั่งเอาผิด “เสรีพิศุทธ์”หลายกระทง เซ่นคลิปตะเพิดทหารอวดเบ่งบารมี “ผมพลตำรวจเอก อย่ามาทะลึ่ง”เลยเถิด หมิ่นทหาร ขณะที่อดีต ผบ.ตร.โต้กลับย้อนให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”**

มวยคู่เอกศึกเลือกตั้ง'62 ระหว่าง “ผบ.ทบ.VSอดีตผบ.ตร”แลกหมัดกันเดือด ... หลังคลิปจัดหนักใส่นายทหารชั้นผู้น้อยออกสื่อของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระหว่างหาเสียงที่ปราจีนบุรี แพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ล่าสุด ... นอกจากไล่ตะเพิดให้ไปไกลๆ อย่ามาตาม ในถ้อยคำตามคลิปของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอนหนึ่งยังท้าทายฝากนายทหารนายนั้นให้ไปบอกนายว่า “อย่ามาทะลึ่ง ผมพลตำรวจเอก ห่างจากนายคุณ 12 รุ่น”...
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 8 (ตท.8) ส่วน ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์ เรียนรุ่นที่ 20 (ตท.20) ซึ่งคนที่ พล.ต.อ.เสรี ท้าทายเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจาก“บิ๊กแดง”... เมื่อจัดหนักมา “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็จัดหนัก รัวหมัด สั่งให้แจ้งความ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทันควัน หลายข้อหา หลายกรณี ทั้งข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์...
พล.อ.อภิรัชต์ ซัดตรงๆ ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เป็นถึงอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่ขาดวุฒิภาวะ หยาบคาย จาบจ้วง ไม่เคยมองพฤติกรรมตัวเอง และ พวกพ้อง แล้วยังวิจารณ์ เครื่องหมายบนเครื่องแบบทหาร ของพล.อ.อภิรัชต์ ที่น่าจะรู้ว่า เครื่องหมายทหาร เป็นเครื่องหมายพระราชทาน ... รู้กันว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จัดหนักใส่ทหารและกองทัพ ทุกครั้งที่ได้ออกสื่อ และลงพื้นที่หาเสียง อดีต ผบ.ตร. ที่ได้ฉายา “วีรบุรุษนาแก”ในยุคปราบคอมมิวนิสต์ มักล่อเป้าทหารเป็นหลัก ทั้งเรื่องเผด็จการ และหากมีอำนาจจะจัดการกับทหาร งบประมาณกองทัพ โดยลั่นวาจาว่า“เสรีพิศุทธ์เป็นคนเดียวที่จะปราบทหารได้”...
"ปัญหาที่จะต้องแก้คือ ทหารยึดอำนาจ โดยที่ทหารไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ไปยุ่งทุกเรื่อง ทหารจะมาลงเลือกตั้งไม่ได้ เพราะไม่มีมันสมอง คิดแต่จะเป็นนายกฯ อย่างเดียว" ... เรียกได้ว่า พลตำรวจเอกวัย 70 ปีผู้นี้ สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้เหล่าบิ๊กทหารมาเป็นระยะ เพาะเป็นความแค้นสะสมไว้รอวันระเบิด แต่ที่ผ่านมากองทัพไม่ตอบโต้เพราะเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แก่แล้วยังจมอยู่กับข้อมูลเก่าๆ ทั้งที่โลกเปลี่ยนไป และทหารก็มาไกลจากจุดนั้น อีกทั้งคนทั่วไปก็มีวิจารณญานเพียงพอ จึงละที่จะตอบโต้
แต่กรณีล่าสุด ที่ทหารไม่ทน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก สำทับซ้ำตาม ผบ.ทบ. “บิ๊กแดง”ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บิดเบือนต่อผู้นำและกองทัพบก ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม ในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นกล่าวว่า มีการวิ่งเต้นตำแหน่ง หรือ การติดประดับเครื่องหมายอันทรงเกียรติของข้าราชการทหารลงบนเครื่องแบบ ทำนองดูถูกเหยียดหยาม และเหน็บแนม ชนิดเลยเถิด
ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ถูก ผบ.ทบ.แจ้งความดำเนินคดีว่า ไม่มีปัญหา ไม่รู้สึกหนักใจ ปล่อยให้ว่าไปก่อน หลังเลือกตั้งค่อยมาว่ากัน และไม่จำเป็นต้องปรึกษาทีมกฎหมาย ไม่อยากทะเลาะให้เสียเวลาหาเสียงในช่วงนี้ พร้อมให้ ผบ.ทบ ไปฟังเพลง"หนักแผ่นดิน" ... ขิงก็ราข่าก็แรงจริงๆ .

-------
รูป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - ศรีสุวรรณ จรรยา- เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ -ประวิตร บุญเทียม

-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส -พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

กำลังโหลดความคิดเห็น