xs
xsm
sm
md
lg

หลังเลือกตั้ง"นักปชต.ฝ่ายแม้ว" ตั้งรัฐบาลไม่ได้-ป่วน !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**พิจารณาจากสถานการณ์ในวันนี้ เริ่มได้เห็นแนวโน้มที่จะเกิดวุ่นวายได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากหลังการเลือกตั้งแล้ว "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง ขณะเดียวกันนั่นก็หมายความว่า "ฝ่ายพวกนักประชาธิปไตย" ที่เชิดชูบูชา ทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางพรรคการเมืองเครือข่ายต่างๆ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้ว่าอาจมีบางพรรค จะได้รับการเลือกตั้งมีจำนวนส.ส.มากที่สุดก็ตาม
หากรูปการณ์เป็นแบบนี้ จะก่อให้เกิดความ "จงใจ"ให้เกิดความวุ่นวายตามมาได้หรือไม่ โดยเฉพาะต่างฝ่ายต่างก็อ้างความชอบธรรม อ้างเสียงสนับสนุนจากประชาชน และตัวแทนของประชาชน
อย่างที่เข้าใจกันว่าการเลือกตั้งคราวนี้ล้วนมี "เดิมพันสูง" ทุกฝ่าย ในกลุ่มขั้วการเมืองหลัก มันเหมือนกับการ "สู้ครั้งสุดท้าย" หรือว่าจะสู้ครั้งนี้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น
เริ่มจากกลุ่มของ "บิ๊กตู่" ทั้งในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผ่านทางพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งพรรคการเมืองพันธมิตรในสนามเลือกตั้งตามกติกาใหม่ แน่นอนว่าหากพรรคเหล่านี้พ่ายแพ้การเลือกตั้ง หรือไม่สามารถรวบรวมเสียง ส.ส. จนมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้แล้ว แม้เชื่อว่าจะมีเสียง ส.ว. ตุนอยู่ในมือแล้ว 250 เสียงก็ตาม แต่ในการบริหาร การเสนอกฎหมายในสภาผู้แทนฯ ต้องใช้เสียง ส.ส. สนับสนุนเป็นหลัก
แม้ว่าเวลานี้หากพิจารณาจากผลสำรวจจากสำนักหลักๆ ต่างๆ ล้วนออกมาตรงกันว่า "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้กลับมาเป็นนายกฯ เป็นอันดับหนึ่ง เหนือแคนดิเดต นายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย และทิ้งขาดคนอื่นๆ อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์
แต่ในผลสำรวจดังกล่าว มันก็มีสิ่งที่ทับซ้อนกันอยู่ เพราะกลายเป็นว่าพรรคการเมืองที่จะชนะการเลือกตั้ง มีจำนวน ส.ส.ในสภามากที่สุด กลายเป็นพรรคเพื่อไทย ตามมาด้วยพรรคพลังประชารัฐ ที่ขณะสำรวจอยู่นั้น ยังใกล้เคียงอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ อย่างไรก็ดี ความนิยมดังกล่าวนี้อาจพลิกไปอีกด้านก็ได้หลังจากเกิด "ปรากฏการณ์เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์" ที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิด "กระแสรวมศูนย์"ไปที่ "เอาและไม่เอาบิ๊กตู่" อย่างเข้มข้น
**สิ่งที่ปรากฏให้เห็นแล้วชัดเจนก็คือ การดาหน้ารุมถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นจุดเดียว นั่นก็ย่อมพิสูจน์กันในทางการเมืองว่า "มีความหมาย" เพราะมิเช่นนั้นคงไม่มีใครมาใส่ใจ เพราะเวลานี้แทบทุกพรรค ทุกฝ่าย นอกเหนือจากการพูดจาให้สัมภาษณ์โจมตีกันแบบรายวันแล้ว ยังใช้แง่มุมทางกฎหมายไปร้องเรียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เกิดความพะวักพะวงขึ้นในช่วงการรณรงค์หาเสียงหรือเปล่า
แต่เมื่อผลสำรวจออกมาแบบนี้ และหากผลการเลือกตั้งออกมาตามนั้นจริงๆ มันก็ส่อเค้าวุ่นวายเหมือนกัน เพราะแม้ว่าพรรคเพื่อไทย จะได้จำนวนส.ส.มากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ไม่สามรรถรวบรวมเสียงส.ส.สนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นได้ถึง 376 เสียง แต่นั่นต้องอยู่ในกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือว่าเป็น "ตัวแปร" ไม่ยอมไปเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย และไม่ต้องไปพูดถึงพรรค "ไทยรักษาชาติ" ว่าจะถูกยุบหรือไม่
เมื่อสถานการณ์ส่อเค้า "ล็อก"ไว้แบบนี้ นั่นคือ ฝ่ายสนับสนุน "บิ๊กตู่" สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกฝ่าย คือฝ่ายพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งได้จำนวนส.ส.มากที่สุด แต่รวบรวมเสียงข้างมากไม่ได้ หากเป็นแบบนี้มันก็ส่อเค้าป่วน เพราะพวกเขาจะอ้างความชอบธรรม ขณะเดียวกันก็จะโหมโจมตีสร้างวาทกรรม "ใช้อำนาจรัฐโกงเลือกตั้ง" มันก็มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ หากพิจารณาจากบรรยากาศการเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นกันอยู่
** แต่นั่นไม่เท่ากับว่ามันอาจจะเกิดจากความ "จำเป็นต้องป่วน" หรือเปล่า เพราะหากพรรคเพื่อไทย ซึ่งสังคมรับรู้กันว่าสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินทุกวิถีทางเพื่อหวังเป็นรัฐบาล ช่วงชิงอำนาจรัฐกลับมา ดำเนินกลยุทธ์ที่เรียกว่า "แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย" เกิดเป็นพรรคตระกูลเพื่อ หรือเกิด "ปรากฎการณ์ 8 กุมภาฯ" ก็ยังกล้าทำ และหลายคนเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง และยังเชื่อว่าเป้าหมายที่ซ่อนไว้นอกเหนือจากต้องการอำนาจรัฐแล้ว ยังมั่นใจว่าโอกาสสำหรับนิรโทษกรรม มีความเป็นไปได้มากที่สุด
ดังนั้น ในกรณีของพรรคไทยรักษาชาติ ที่พังครืนลงมาแล้ว ก็ยังเหลือให้ลุ้นจากการเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทย แต่ในเมื่อไปผูกติดกับพรรคไทยรักษาชาติ ที่บังเอิญว่ามีการหลีกทางกันให้ในหลายเขตเลือกตั้ง ทำให้เป้าหมายจากการ "แตกแบงก์พัน" มีปัญหา ซึ่งเมื่อพิจารณาจากนาทีนี้ ยังแทบมองไม่เห็นหนทางที่ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า"ฝ่ายประชาธิปไตยของทักษิณ" จะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้เลย
ถึงได้บอกว่า มันเริ่มมีสัญญญาณบางอย่างที่เริ่มก่อหวอดขึ้นมา โดยเฉพาะการโหมวาทกรรมการใช้อำนาจรัฐโกงเลือกตั้ง เริ่มโจมตีผู้นำกองทัพมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเสนอนโยบายยั่วยุกองทัพในช่วงนี้แบบผิดปกติ
**หากพิจารณากันแบบตั้งข้อสังเกต ก็ต้องบอกว่ามันเหมือนกับเห็นสัญญาณล่วงหน้าบางอย่าง นั่นคือ สร้างสถานการณ์ป่วนหลังเลือกตั้งหรือเปล่า !!
กำลังโหลดความคิดเห็น