xs
xsm
sm
md
lg

"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ยังขายได้ หรือแค่แอบอ้างหาประโยชน์ !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**หลากหลายอารมณ์ ที่ตามมาหลังจากได้เห็นความเคลื่อนไหวของผู้สมัครบางพรรคการเมือง เช่น จากพรรคเพื่อชาติ ที่เป็นข่าวอย่างน้อย 6-7 คน ที่มีการเปลี่ยนชื่อไปเป็น "ทักษิณ" และ "ยิ่งลักษณ์" โดยพวกเขาอ้างในทำนองเกียวกันว่า เพื่อต้องการให้ประชาชนจดจำง่าย
แน่นอนว่า นี่คือบรรยากาศเสรีที่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มวันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เป็นวันแรก ที่สามารถทำได้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย หรือกฎหมายไม่ได้ห้ามเอาไว้ ก็เชิญตามสะดวก แม้ว่าในสายตาของคนหลายคนจะรู้สึก ตลกขบขัน หรือมีความรู้สึกอย่างอื่นปะปนกันไป ก็ตาม ซึ่งการเปลี่ยนชื่อเพื่อสมัครผู้แทนฯ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาแทบทุกยุคสมัยที่มีการเลือกตั้ง บางคนที่เคยเป็นดารานักแสดง ก็เปลี่ยนชื่อที่เคยใช้ตอนเป็นนักร้อง นักแสดง หรือ มีฉายาตอนเป็นดีเจ จัดรายการวิทยุ ก็เปลี่ยนชื่อที่ว่านั้นเป็นชื่อจริง ใช้สำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งก็เห็นกันอยู่ และบางคนก็ยังใช้ชื่อแบบนั้น จนถึงวันนี้ก็ยังมี
แต่สำหรับการเปลี่ยนชื่อเป็น "ทักษิณ -ยิ่งลักษณ์" ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่มีการเปลี่ยนไปใช้ชื่อของคนอื่น โดยเชื่อว่าจะทำให้เป็นที่จดจำง่าย และที่สำคัญอาจไม่ได้บอกเหตุผลอีกอย่าง ก็คือ ต้องการแสดงเจตนาให้เห็นว่า "เป็นคนของ" หรือ สื่อความหมายว่าเป็น "พวกเดียวกัน" เข้าใจว่าชื่อของ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" นั้นขายได้
**หากอธิบายกันในแบบที่ซับซ้อนกว่านี้อีกนิดหนึ่ง มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการที่คนอย่าง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้สนับสนุนของพรรคเดียวกันนี้ เคยขึ้นเวทีปราศรัยว่า "จะพาทักษิณกลับบ้าน" นั่นแหละ ซึ่งพิจารณาจากทั้งสองกรณี ก็ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ หาประโยชน์จากคะแนนเสียงของพวกที่สนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะฐานเสียงในพื้นที่ชนบท
แน่นอนว่า หากพิจารณาให้ลึกลงไป ก็ต้องเข้าใจว่าสำหรับพรรคเพื่อชาติแล้ว ไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคเพื่อไทย เมื่อเทียบกับพรรคไทยรักษาชาติ ที่แตกตัวออมา เพื่อหวังเก็บตกคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย เดิมที่เคยได้เมื่อครั้งที่ใช้กติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ดังนั้น หากทียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ พรรคเพื่อไทย ก็คือบริษัทแม่ ส่วนพรรคไทยรักษาชาติ ก็ถูกมองว่าเป็น"บริษัทลูก"
ขณะที่พรรค"เพื่อชาติ" แล้ว สำหรับเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตรแล้ว ก็น่าจะเป็นแค่พรรคแนวร่วม ที่เคยเป็นพวกเดียวกันมาก่อน แต่ฐานคะแนนเสียงก็ล้วนมาจากกลุ่มเดียวกันที่เคยสนับสนุนให้กับพรรคเพื่อไทย มาก่อน
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไทยรักษาชาติแล้วอย่างที่บอกก็คือ ไม่ใช่ถูกยกให้เป็น "เด็กในบ้าน" ระดับจึงลดหลั่นมาอีก แต่คำถามก็คือ หากไม่ใช่อยู่ในเครือข่าย มันก็ย่อมขายยาก เพราะหลายคนคาดหมายว่า การเลือกตั้งคราวนี้ด้วยกติกา "กาบัตรใบเดียวเบอร์เดียว" หากไม่มีจุดขายที่เป็นที่จดจำ มันก็ลำบาก โอกาสลุ้นแทบไม่มีเลย
ด้วยแบ็กกราวด์แบบนี้หลายคนถึงได้เข้าใจว่า ทำไม นายยงยุทธ ติยะไพรัช จากพรรคเพื่อชาติ ถึงได้ปราศรัยอาสาพาทักษิณ กลับบ้าน และทำไมผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติบางคน ถึงได้ยอมเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีความหมายไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
แต่คำถามก็คือ "ความจริง" เป็นแบบนั้นหรือ และ ชื่อของ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ศักดิ์สิทธิ์ ขนาดนั้นเลยหรือ เพราะอย่างแรก หากต้องการให้ทักษิณ กลับบ้านในเวลานี้ สามารถกลับได้ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากคิดจะกลับมา "อย่างเท่" ในความหมายที่ว่า "ไม่ต้องมีความผิดใดๆ" มันก็ต้องพูดกันยาว และเสี่ยงที่จะทำ เพราะที่ผ่านมามีการพิสูจน์กันมาหลายรอบแล้วว่า ไม่ว่าใคร หรือรัฐบาลไหน ที่คิดทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ต้องมีอันเป็นไปทุกครั้ง เหมือนกับตัวอย่าง "นิรโทษฯสุดซอย" ที่เห็นกันอยู่ และแม้แต่ "ตัวแม่" อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังลำบากจนถึงวันนี้
**ดังนั้น หากให้สรุปทั้งสองความหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาสาพา ทักษิณ กลับบ้าน กับการเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มันเป็นเพียงการสร้างจุดขาย หาจุดเด่นให้เข้าตาบรรดาผู้สนับสนุนในเครือข่ายกลุ่มนี้เท่านั้น แต่คำถามก็คือ มันยังขายได้ในแบบฟีเวอร์ อย่างที่เคยเป็นอยู่ หรือไม่ และหากได้ผลจริง มันจะกระทบกับพรรคหลัก อย่างพรรคเพื่อไทย และพรรครองคือ พรรคไทยรักษาชาติ หรือไม่ หากคิดว่าต้องถูกแบ่งคะแนนเสียงให้ลดลงไป !!
กำลังโหลดความคิดเห็น