xs
xsm
sm
md
lg

ฝุ่นพิษยังพ่ายคนสารพัดพิษ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"โสภณ องค์การณ์"

เมืองไทยยามนี้คือสยามเมืองที่คนยิ้มไม่ออก สภาพแวดล้อมการเมืองตลบอบอวลด้วยน้ำเน่าเหมือนเดิมแม้จะห่างจากการเลือกตั้งเกือบ 8 ปี สภาวะอากาศเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ก็เป็นพิษด้วยสาเหตุฝุ่นพิษ เป็นอีกวิกฤตที่ทำให้ไทยติดอันดับโลก

เป็นสิ่งที่นอกจากประชาคมโลกไม่อิจฉาแล้ว ยังเป็นความอัปยศที่ผู้รับผิดชอบประเทศยังไม่สามารถระดมสรรพความรู้ สติปัญญาแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย และยังจะเป็นปัญหาอยู่แบบเรื้อรังอีกนาน

วันพฤหัสที่ผ่านมา “ท่านผู้ใหญ่ผู้โตอำนาจคับประเทศ” ออกมาร่ายยาวห้าวเป้ง ยอกย้อนอ้างโน่นอ้างนี้สารพัด แต่ไม่เสนอทางออกว่าจะเอาอย่างไร มีแต่เสียงคำรามผสมกับคำขู่จะใช้มาตรการเข้ม ชาวบ้านอยากสวนเต็มทนให้ทำอย่างไรก็ทำ

อย่ามายอกย้อนขู่ชาวบ้าน มาตรการที่จะใช้ให้มันสมเหตุสมผล อย่าโทษรถยนต์อย่างเดียวแล้วอ้างว่าโรงงานอุตสาหกรรมไม่ได้สร้างปัญหามากอย่างที่คาด ออกลายนี้คงกันไว้ไม่ให้มีมาตรการเล่นงานโรงงานให้เสียบรรยากาศการลงทุน

คุณท่านห้าวเป้งร่ายยาว ชาวบ้านยังไม่รู้ว่าตกลงจะทำอะไรหรือไม่ทำ! ต้องโทษเวรกรรมของบ้านเมือง ทั้งๆ ที่มีคำถามว่าปีก่อนไม่เห็นรุนแรงอย่างนี้ ทำไมปีนี้หนักหนาสาหัส ไม่ใช่เฉพาะฤดูกาล ทำท่าจะอยู่ยาวพึ่งธรรมชาติจัดสรรไม่ได้

ทุกวันนี้คนในเมืองหลวง ชานเมือง และเมืองในภูมิภาคอยู่ด้วยการหายใจเข้าออกปนเปื้อนฝุ่นพิษจากมลพิษซึ่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยยืดเยื้อ ร่างกายเสื่อมเหมือนตายผ่อนส่ง

แม้กระนั้นยังมีคนไทยใจกล้าจำนวนมากไม่ป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง เพราะไม่เกิดอาการทันที กว่าจะรู้ตัวปริมาณฝุ่นพิษก็เข้าไปในปอด กระแสเลือดจนร่างกายต้านไม่ไหว ต้องล้มป่วย

เราอภิมหาโกงติดอันดับโลก ตายจากอุบัติเหตุเป็นแชมป์โลก ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้เป็นแชมป์โลก บัดนี้กรุงเทพฯ เมืองที่เทพสร้างไม่เสร็จได้ติดอันดับ 3 ของโลกด้านอากาศเป็นพิษ รับรองนักท่องเที่ยวที่ทำให้กรุงเทพฯติดอันดับโลกเช่นกัน

การแก้ไขยังขาดระบบ ท่านผู้ใหญ่ผู้โตตั้งแต่ระดับชาติถึงระดับเมืองออกมาเต้นแร้งเต้นกาส่งเสียงโว้กว้ากคำรามตามถนัดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเนื่องด้วยสติปัญญา ภูมิความรู้คับแคบจำกัดไม่ทันโลก มุ่งแต่รักษาอำนาจ เก้าอี้ของตัวเอง

ไม่ส่งเสียงสักแอะนะว่าจะทำอย่างไรกับโรงงานไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง หลังจากนักวิชาการ นักอะไรต่างๆ สมองเทวดา และพวกสื่อรับจ้าง ออกมาเถียงอย่างหน้าไม่อาย จิตไม่สำนึกว่า “ถ่านหินเป็นพลังงานสะอาด”

ทั่วโลกเขาทยอยปิดโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม แต่คนฉลาดในประเทศไทยยังอ้างว่า “ใช้ได้” สื่อบางพวกรับลูกต่อหลังจากถูกพาไปปรนเปรอ ท่องเที่ยว ดื่มไวน์ราคาแพงต่างประเทศ เพราะในไทยทุกอย่างเจรจาตกลงผลประโยชน์ด้วย “เงิน”

แล้ววันนี้เป็นไง ยังโทษรถดีเซล งานก่อสร้าง การเผาตอซังฟางข้าว ก่อนหน้านี้โทษร้านขายหมูกระทะ หมูปิ้ง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ประกาศว่าแต่ละปียอดขายรถยนต์สูงถึง 1 ล้านคัน รัฐบาลไม่เน้นบริการรถไฟรางคู่ให้คุ้มกับการลงทุน

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว รถไฟรางคู่เข้าออกเมืองช่วยลดจำนวนการใช้รถ ในบ้านเราไม่มีพื้นที่จอดรถสำหรับคนใช้บริการรถไฟฟ้า ในเมืองซึ่งมีซอยมากกว่าถนน การมีรถยนต์จำเป็น สภาพอากาศ ฟุตปาธไม่เหมาะให้คนเดินเหมือนในประเทศอื่น

ประเทศไทยเป็นสุดยอดของการล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติได้เร็ว ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ภาคเหนือกลายเป็นเขาหัวโล้น ต้นน้ำลำธารวินาศ ทำให้ประเทศมีอากาศร้อนที่สุดในกลุ่มอาเซียน พื้นที่ป่าลดลงทุกปี ยังคิดทำลายป่าสร้างเขื่อนอีก

นโยบายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมตั้งแต่ยุคปี 1960 เป็นต้นมา ได้แปรสภาพประเทศเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม ลืมกำพืด มรดกแผ่นดินดั้งเดิม มีแต่สารพิษเต็มไปหมด ความโง่เขลาเปิดช่องให้นำขยะพิษเข้ามาทับถมหลายแสนตัน

แม่น้ำ 48 สายทั่วประเทศมีแต่สารพิษเคมีเกษตร น้ำเน่าอุตสาหกรรม สุขภาพพลเมืองไทยไม่ได้รับการเหลียวแลเพราะมัวแต่ส่งเสริมอุตสาหกรรมทุกพื้นที่ และยุคนี้ใช้อำนาจพิเศษทำลายกฎหมายสิ่งแวดล้อมเพื่อให้นักลงทุนโกยเงินโดยสะดวก

รัฐบาลที่ห่วงใยประชาชนจะไม่ยอมให้มีการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรม สวนกระแสโลกอย่างเด็ดขาด แต่ก็ปล่อยให้ทำโดยไม่มีมาตรการควบคุม การไม่ทำหน้าที่ การทุจริต การเอาแต่ได้ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งแผ่นดิน

มาตรการป้องกันอย่างง่ายๆ คือการเร่งปลูกป่า ปลูกต้นไม้ในเมือง แปรสภาพเมืองให้เป็นอุทยาน ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มพื้นที่สีเขียวในทุกพื้นที่ น่าจะรณรงค์ “ปลูกป่าช่วยชาติ” มากกว่า “ชอปช่วยเจ้าสัว” อย่างที่ได้ประโคมมาในช่วง 2-3 ปี

เพียงแค่ทำให้เมืองมีต้นไม้มากขึ้น ยังทำไม่ได้ทุกระดับ นับประสาอะไรจะไปแก้วิกฤตที่รุนแรง ทำอะไรไม่ได้ จนต้องรอให้วันเวลาวาระที่กระแสลมธรรมชาติจะแก้ปัญหาให้ ช่วงนี้ปีต่อไปจะเกิดปัญหาลมสงบ ฝุ่นพิษก่อตัว เต้นแร้งเต้นกาซ้ำอีก

การปลูกป่าแก้ปัญหาได้หลายอย่าง เป็นการลงทุนไม่มาก คงเป็นเพราะเงินทอนไม่เยอะสำหรับคนอยากทำโครงการ ทำอภิมหาโปรเจกต์ฟาดเงินหมื่นๆ แสนๆ ล้านบาทสบายกว่า ชะตากรรมของแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองคงหมองชั่วนิรันดรกาล

อย่าหวังว่าจะมีมาตรการอะไรที่จะทำให้กระทบกลุ่มทุน เสียบรรยากาศการลงทุน เพียงแต่บ่นเรื่องฝุ่นพิษมากๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าทำภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย

เมืองไทยคงไร้คนดีมีความสามารถ ใจซื่อมือสะอาด เข้ามาบริหารเสียแล้ว!


กำลังโหลดความคิดเห็น