xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** "มาดามเดียร์"เคลียร์การเมืองกับธุรกิจสื่อ ยืนยัน“ตัดสายน้ำ”แยกขาดจากการกัน ลาออกจากกรรมการหมดแล้ว เข้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นความต้องการส่วนตัว

ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง ก็กำลังสร้างสีสันไม่แพ้เมื่อครั้งรับบทบาทผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยชุด 23 ปี “วทันยา วงษ์โอภาสี”หรือ “มาดามเดียร์” วันนี้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จัดอยู่ในกลุ่มนักการเมืองรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ... เมื่อก้าวเข้ามาทำงานการเมือง เป็นนักการเมือง แน่นอนว่า ต้องถูกตั้งคำถาม หนึ่งในนั้นก็คือ สถานะความเป็นนักธุรกิจเธอ โดยเฉพาะ"ธุรกิจสื่อ" ที่เคยนั่งเป็นผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใน บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของสื่อในเครือเนชั่น สื่อใหญ่ของประเทศ ... สถานะดังกล่าว มีคำถามถึงประเด็นพรรค และนักการเมือง ที่จะมีอำนาจเหนือองค์กรสื่อ แล้วใช้อำนาจเข้าครอบงำสื่อ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตนเองและพรรค ถูกยกขึ้นมาถามดังๆ ไปยัง“มาดามเดียร์”ว่า เคลียร์แล้วหรือไม่ ? เพราะหากลงสมัครส.ส. รัฐธรรมนูญและระเบียบ กกต. ห้ามเด็ดขาด ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง กับธุรกิจสื่อ ว่ากันว่าเป็น “สายน้ำที่ตัดไม่ขาด”มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
แว่วว่า "มาดามเดียร์" ไม่วิตกกังวลอะไรกับปมประเด็นนี้ เพราะได้ลาออกจากกรรมการบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสื่อหมดแล้ว และการลงเล่นการเมือง ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นความต้องการของเธอเอง ... กล่าวได้ว่า เส้นทางนี้ “My way”เธอเลือกเอง เหมือนที่เคยบอกเหตุผลว่า ทำไมต้องก้าวเข้ามาทำงานการเมือง ว่า นี่เป็นมิติใหม่ในชีวิต และเป็นธรรมดาของชีวิต ที่ว่ามักมีเรื่องแปลกใหม่ผ่านเข้ามาโดยไม่ได้คาดฝันมาก่อน ... จากสถานะนักธุรกิจ และผู้บริหารสื่อ วันนี้“มาดามเดียร์”เคลียร์แล้วว่า มีเพียงสถานะเดียวคือ"งานการเมือง"

** เบื้องลึกศึกชนช้างที่สุพรรณฯ "เที่ยงธรรม VSโพธสุธน" วัดใจคนสุพรรณฯ จะเลือกตระกูลไหน ผลที่ออกมาจะกระทบกระเทือนถึง "ภูมิศาสตร์การเมือง" ในภาคกลางหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตามยิ่ง

เปิดตัวกันไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ "จองชัย เที่ยงธรรม" อดีตรัฐมนตรี และ อดีตส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของสโลแกน "คิดอะไรไม่ออก บอกจองชัย" หันไปสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย เพื่อชนกับ "ประภัตร โพธสุธน" อดีตรัฐมนตรี และ อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ที่เคยร่วมชายคาเดียวกัน ...
สุพรรณบุรี มี 4 เขตเลือกตั้ง มี 4 ตระกูล ที่ในยุค "บรรหาร ศิลปอาชา" หัวหน้าพรรคผู้ล่วงลับ ได้จัดสรรให้แต่ละตระกูล เป็นเจ้าของพื้นที่ และยึดครองมาอย่างยาวนาน โดย เขต 1 ตระกูลศิลปอาชา เขต 2 ประเสริฐสุวรรณ เขต 3 โพธสุธน และ เขต 4 เที่ยงธรรม
การวางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ เขต 1 กับ เขต 2 ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาเริ่มที่ เขต 4 ซึ่งพรรคฯได้วางตัว "เสมอกัน เที่ยงธรรม" ลูกชายของ "จองชัย" ลงสมัครในนามพรรค แต่บังเอิญมีคู่ต่อสู้ที่สำคัญจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ชื่อ "ยุทธนา โพธสุธน" ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของ "ประภัตร โพธสุธน" ...แน่นอนว่า ประภัตร ย่อมสนับสนุนหลานชาย หวังให้ได้เข้าสภา และขยายพื้นที่ในสุพรรณบุรี สร้างความไม่พอใจให้กับ "จองชัย" เจ้าของพื้นที่เดิม ที่หวังให้ลูกชายสืบทอดเช่นกัน จึงแอบไปสมัคร เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ของ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล เอาไว้ ...ความขัดแย้งที่ก่อตัวขึ้นครั้งนี้ ทั้ง กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และ วราวุธ ศิลปอาชา สองทายาทของ บรรหาร ก็ได้พยายามเจรจาหาทางออก ทั้งในพรรค และพรรคต้นสังกัดของ"ยุทธนา" โดยแก้ปัญหาด้วยการดัน "ยุทธนา" ให้ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อแทน จะได้ไม่ต้องมาชนกันในเขตเลือกตั้ง
แต่เรื่องไม่จบ เพราะ "จองชัย" ได้ออกตัวแรงไปแล้ว ประกอบกับปัญหาความไม่ค่อยลงรอยกันในพรรค ที่แต่เดิม หลังสิ้นบุญ "หลงจู๊" บรรหาร ศิลปอาชา ก็มีการคุยกันเป็นการภายในว่า จะมีการปฏิรูปพรรค "ผลัดใบ" ให้เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ โดยวางตัว "วราวุธ ศิลปอาชา" ลูกชายคนสุดท้องของบรรหาร เป็นหัวหน้าพรรค แล้วให้ "เสี่ยโต้ง" สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คนหนุ่มไฟแรง อดีต ส.ส.ไม่ถึงสมัย (เพราะพรรคชาติไทยถูกยุบพรรค) จาก จ.ศรีสะเกษ เป็นเลขาธิการพรรค ... แต่สุดท้าย “ผลัดใบไม่สำเร็จ” จึงต้องให้ "หนูนา" กัญจนา ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรค แล้ว "ประภัตร โพธสุธน" เป็นเลขาธิการพรรค สร้างความผิดหวังให้กับคนรุ่นใหม่ในพรรคเป็นอย่างยิ่ง จากนั้น "เสี่ยโต้ง" ก็ย้ายไป สังกัดพรรคภูมิใจไทย แถมยังชักชวน "ภราดร -กรวีร์ ปริศนานันทกุล" สอง ส.ส.หนุ่ม ทายาทของ "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" อดีต ส.ส.ผูกขาด จังหวัดอ่างทอง (ขณะนี้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง)ไปอยู่ด้วย ด้วยเหตุว่า พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ใช่เวทีของคนรุ่นใหม่
ถึงวันนี้ แน่นอนแล้วว่า "จองชัย" เจ้าของพื้นที่ เขต 4 จะข้ามเขตมาชนกับ "ประภัตร" เจ้าของพื้นที่ เขต 3 โดยทั้งสองคน ยังไม่เคย "แพ้เลือกตั้ง" มาก่อน แต่ถึงที่สุดแล้วการศึกครั้งนี้ต้องมีผู้แพ้ ... หาก"จองชัย"แพ้ อาจจะมองได้ว่า "เสมอตัว" เพราะข้ามเขตไปสู้กับเจ้าถิ่น แต่ถ้า "ประภัตร" ที่แบกตำแหน่งเลขาธิการพรรค แพ้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะนอกจากจะเสียพื้นที่ของตนเองแล้ว ในภาพกว้าง "พรรคชาติไทยพัฒนา" ที่เคยเป็นเจ้าของจังหวัดสุพรรณบุรี และยิ่งใหญ่ในพื้นที่ภาค กลาง กำลังถูก "พรรคภูมิใจไทย" ของเสี่ยหนู รุกคืบเข้ามาแผ่อิทธิพลในภูมิภาคนี้ ...ดังนั้น "ศึกชนช้าง" ที่ เขต 3 สุพรรณบุรี ครั้งนี้ จึงมีความเร้าใจ ชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง

-------
รูป - วทันยา วงษ์โอภาสี
-จองชัย เที่ยงธรรม- ประภัตร โพธสุธน- อนุทิน ชาญวีรกูล
กำลังโหลดความคิดเห็น