กระแสไม่เอาโรงงานไฟฟ้าขยะลาม..พบแค่บริษัทเอกชน ชูปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ ตามนโยบายรัฐบาล คสช. เปิดเวทีถามความเห็นชาววังทอง เมืองสองแคว เอาไม่เอา โรงกำจัดขยะ 120 ตัน/วัน หวั่นแปลงกายเป็น”โรงไฟฟ้า”
อดีตปลัด อบต.แห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของโครงการก่อสร้างโรงกำจัดขยะ ที่อาจพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะต่อ ในพื้นที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งถูกชาวบ้านต่อต้าน ล่าสุดพากันโห่ไล่-ลุกหนีจากเวทีสอบถามความคิดเห็นเกลี้ยงศาลาการเปรียญ วัดกกไม้แดง อ.วังทอง เมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยที่ผ่านมา ตัวแทนบริษัท สระบุรี พาวเวอร์ จำกัด เจ้าของโครงการโรงกำจัดขยะดังกล่าว ติดต่อ นายกอบต.ดินทองไม่ได้ เนื่องจากเจอ ม.44 พักราชการ โดยมีรักษาการปลัด อบต.แทน แต่ก็มีแนวโน้มย้ายสลับพื้นที่ เนื่องจากชาวบ้านมองว่าการนำโรงงานขยะเข้ามาในพื้นที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทางตัวแทนบริษัท จึงทำเรื่องไปยัง อบต.ในลักษณะให้ช่วยประชาสัมพันธ์ถึง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ว่าจะมีโรงงานกำจัดขยะเข้ามาดำเนินการ และเปิดให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบข้อมูล
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ มองว่ารัฐบาล คสช.ประกาศให้ปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ ต้องเร่งแก้ไขให้สำเร็จ ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องทำ EIAซึ่งดูเหมือนว่าง่าย เพียงแค่ขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสหกรรม (อุตสหกรรมจังหวัด) เพื่อตั้งโรงงานเท่านั้น แต่ในทางปฎิบัติ อบต.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโรงงานขยะ ต้องพิจารณาตามพ.ร.บ.สาธารณสุข ปี 35 จะต้องมีใบอนุญาต ต้องออกเทศบัญญัติว่าด้วยสัญญาปีต่อปี หรือจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าใด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทก็พยายามขับเคลื่อนโครงการ เริ่มตั้งแต่ช่วงก่อนสิ้นปี ได้เชิญชาวบ้านมาประชุม ที่หมู่ 6 ต.ดินทอง อ.วังทอง เพื่อสอบถามความคิดเห็นว่าจะเอาโรงงานกำจัดขยะ หรือไม่ ซึ่งคราวนั้นชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการเอาโรงงานกำจัดขยะเข้ามาในชุมชน เช่นเดียวกับเวทีสอบถามความเห็นครั้งล่าสุด 25 ม.ค. ที่ วัดกกไม้แดง
"แม้วันนี้ บริษัทฯ ทำเพียงแค่เริ่มต้น คือสอบถามชาวบ้านว่า เห็นด้วยหรือไม่ แต่ประเมินดูแล้วเชื่อว่าไม่สามารถตั้งโรงงานกำจัดขยะได้ใน 2 พื้นที่ข้างต้น และการที่จะหาพื้นที่ใหม่ แห่งที่ 3 ก็เชื่อว่าเป็นการเติมเชื้อไฟมากกว่า"
ทั้งนี้ บริษัท สระบุรี พาวเวอร์ จำกัด ตั้งอยู่ 34 หมู่ 1 ต หนองแค จ.สระบุรี ชี้แจงกับชาวบ้าน ระบุว่า โรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-600 ล้านบาท มีแบงก์ออมสินสนับสนุน ใช้พื้นที่ก่อสร้างราว 10 ไร่
การกำจัดขยะ ใช้ระบบเตาเผาไฟฟ้า อุณหภูมิ 800 องศาฯ มูลค่าโครงการ ประมาณ 600 ล้านบาท แหล่งเงินทุนจากธนาคารออมสิน มีเป้าหมายรับขยะจาก อปท.ต่างๆ ในปริมาณ 120 ตันต่อวัน ผ่านกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า ใช้เครื่องจักร ระบบ Gasification ขยะไม่เกิดการลุกไหม้ ไร้ฝุ่น ไร้กลิ่น ไร้ควัน และจะฉีดพ่นน้ำหมัก EM กำจัดกลิ่นขยะ น้ำเสียที่ได้มาจากขยะ 50-60 ลิตรต่อตัน ก็จะถูกไปเป็นน้ำหมักต่อไป
ผู้บริหารบริษัท สระบุรีพาวเวอร์ฯ ย้ำว่า อปท.ไม่ต้องเสียค่ากำจัดขยะ หากทำความร่วมมือกับบริษัทฯ ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ แก่ท้องถิ่น โดยขั้นตอนนี้เป็นเพียงการสอบถามว่าประชาชนในพื้นที่มีความคิดเห็นอย่างไรเท่านั้น หากเห็นด้วยก็จะนำเสนอไปยังจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ก่อนทำประชาพิจารณ์ต่อไป
ด้าน นายวิเชียร ภักดี สจ.เขตวังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวย้ำว่า กรณีการขนขยะจำนวน 120 ตันต่อวัน เข้าโรงงาน จะทำให้มีรถบรรทุกขยะวิ่งผ่านจากตัวอำเภอวังทอง ผ่านมาถึง อบต.ดินทอง จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหากลิ่นเหม็น ฝุ่น ส่งผลต่อคนในชุมชนแน่นอน
อดีตปลัด อบต.แห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของโครงการก่อสร้างโรงกำจัดขยะ ที่อาจพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะต่อ ในพื้นที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งถูกชาวบ้านต่อต้าน ล่าสุดพากันโห่ไล่-ลุกหนีจากเวทีสอบถามความคิดเห็นเกลี้ยงศาลาการเปรียญ วัดกกไม้แดง อ.วังทอง เมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยที่ผ่านมา ตัวแทนบริษัท สระบุรี พาวเวอร์ จำกัด เจ้าของโครงการโรงกำจัดขยะดังกล่าว ติดต่อ นายกอบต.ดินทองไม่ได้ เนื่องจากเจอ ม.44 พักราชการ โดยมีรักษาการปลัด อบต.แทน แต่ก็มีแนวโน้มย้ายสลับพื้นที่ เนื่องจากชาวบ้านมองว่าการนำโรงงานขยะเข้ามาในพื้นที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทางตัวแทนบริษัท จึงทำเรื่องไปยัง อบต.ในลักษณะให้ช่วยประชาสัมพันธ์ถึง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ว่าจะมีโรงงานกำจัดขยะเข้ามาดำเนินการ และเปิดให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบข้อมูล
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ มองว่ารัฐบาล คสช.ประกาศให้ปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ ต้องเร่งแก้ไขให้สำเร็จ ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องทำ EIAซึ่งดูเหมือนว่าง่าย เพียงแค่ขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสหกรรม (อุตสหกรรมจังหวัด) เพื่อตั้งโรงงานเท่านั้น แต่ในทางปฎิบัติ อบต.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโรงงานขยะ ต้องพิจารณาตามพ.ร.บ.สาธารณสุข ปี 35 จะต้องมีใบอนุญาต ต้องออกเทศบัญญัติว่าด้วยสัญญาปีต่อปี หรือจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าใด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทก็พยายามขับเคลื่อนโครงการ เริ่มตั้งแต่ช่วงก่อนสิ้นปี ได้เชิญชาวบ้านมาประชุม ที่หมู่ 6 ต.ดินทอง อ.วังทอง เพื่อสอบถามความคิดเห็นว่าจะเอาโรงงานกำจัดขยะ หรือไม่ ซึ่งคราวนั้นชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการเอาโรงงานกำจัดขยะเข้ามาในชุมชน เช่นเดียวกับเวทีสอบถามความเห็นครั้งล่าสุด 25 ม.ค. ที่ วัดกกไม้แดง
"แม้วันนี้ บริษัทฯ ทำเพียงแค่เริ่มต้น คือสอบถามชาวบ้านว่า เห็นด้วยหรือไม่ แต่ประเมินดูแล้วเชื่อว่าไม่สามารถตั้งโรงงานกำจัดขยะได้ใน 2 พื้นที่ข้างต้น และการที่จะหาพื้นที่ใหม่ แห่งที่ 3 ก็เชื่อว่าเป็นการเติมเชื้อไฟมากกว่า"
ทั้งนี้ บริษัท สระบุรี พาวเวอร์ จำกัด ตั้งอยู่ 34 หมู่ 1 ต หนองแค จ.สระบุรี ชี้แจงกับชาวบ้าน ระบุว่า โรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-600 ล้านบาท มีแบงก์ออมสินสนับสนุน ใช้พื้นที่ก่อสร้างราว 10 ไร่
การกำจัดขยะ ใช้ระบบเตาเผาไฟฟ้า อุณหภูมิ 800 องศาฯ มูลค่าโครงการ ประมาณ 600 ล้านบาท แหล่งเงินทุนจากธนาคารออมสิน มีเป้าหมายรับขยะจาก อปท.ต่างๆ ในปริมาณ 120 ตันต่อวัน ผ่านกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า ใช้เครื่องจักร ระบบ Gasification ขยะไม่เกิดการลุกไหม้ ไร้ฝุ่น ไร้กลิ่น ไร้ควัน และจะฉีดพ่นน้ำหมัก EM กำจัดกลิ่นขยะ น้ำเสียที่ได้มาจากขยะ 50-60 ลิตรต่อตัน ก็จะถูกไปเป็นน้ำหมักต่อไป
ผู้บริหารบริษัท สระบุรีพาวเวอร์ฯ ย้ำว่า อปท.ไม่ต้องเสียค่ากำจัดขยะ หากทำความร่วมมือกับบริษัทฯ ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ แก่ท้องถิ่น โดยขั้นตอนนี้เป็นเพียงการสอบถามว่าประชาชนในพื้นที่มีความคิดเห็นอย่างไรเท่านั้น หากเห็นด้วยก็จะนำเสนอไปยังจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ก่อนทำประชาพิจารณ์ต่อไป
ด้าน นายวิเชียร ภักดี สจ.เขตวังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวย้ำว่า กรณีการขนขยะจำนวน 120 ตันต่อวัน เข้าโรงงาน จะทำให้มีรถบรรทุกขยะวิ่งผ่านจากตัวอำเภอวังทอง ผ่านมาถึง อบต.ดินทอง จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหากลิ่นเหม็น ฝุ่น ส่งผลต่อคนในชุมชนแน่นอน