xs
xsm
sm
md
lg

"แม้ว-ปู"ปักหลักข้างนอกยาว กลับไทยอย่างเท่..แค่ฝันกลางวัน!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามสร้างกระแสของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เวลานี้เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคเพื่อชาติ ที่กล่าวปราศรัยที่จังหวัดพิษณุโลก โดยตอนหนึ่งเรียกร้องให้เปิดเจรจากันระหว่างรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กับ นายทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างว่าเพื่อสร้างความปรองดองกันในชาติ
**ในความหมาย "จะพาแม้วกลับบ้านอย่างเท่" เหมือนกับที่ นายทักษิณ ชินวัตร เคยตั้งความหวังเอาไว้โดยตลอด
และก็ได้ผลทันที เพราะเมื่อใดก็ตามที่ใครมีใครพูดแบบนี้ หรือพยายามมีความเคลื่อนไหวในลักษณะแบบนี้ออกมา มันก็ต้องมีเสียงด่าเสียงวิจารณ์ตามมาทันที ซึ่งก่อนที่จะไปถึงตรงอื่น ก็ต้องสรุปเป็นเบื้องต้นไว้ก่อนเลยว่า "มันไม่มีทางเป็นจริง" ได้เลย
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในเรื่องนี้ก็ต้องพิจารณาจากผลต่อเนื่องกัน 2-3 ส่วนหลัก โดยส่วนแรกก็ต้องเริ่มต้นพิจารณาจากสาเหตุของคนพูดเรื่องนี้ ก็คือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เวลานี้เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ ทั้งที่ตัวเองถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ก็ใช้วิธี "ศรีธนญชัย" เลี่ยงว่าเป็นผู้สนับสนุน ทั้งที่โดยพฤติกรรมมันชัดเจนมาก ว่าเข้าไปจุ้นจ้าน ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองแบบเต็มตัว ซึ่งก็ว่ากันไป
**แต่เมื่อพิจารณาจากสาเหตุที่พูดแบบนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อเป็นไปไม่ได้ แล้วทำไมถึงพูด ก็ต้องบอกว่าเพื่อต้องการ "เสียงสนับสนุน" จากบรรดาสาวกของคนในครอบครัวชินวัตร มาเติมเต็มให้กับพรรคเพื่อชาติของเขาเท่านั้น
เพราะหากย้อนกลับไปทบทวนความเป็นจริง จะพบว่าพรรคเพื่อชาติอยู่นอกเหนือ "บริษัทลูก" เป็นได้แค่เครือข่าย หรือแนวร่วมเท่านั้นเอง ซึ่งพรรคหลักของ ทักษิณ ชินวัตร ในเวลานี้คือ "พรรคเพื่อไทย" และ "พรรคไทยรักษาชาติ" ที่เป็นพรรคน้องหรือ "บริษัทลูก" ที่ถูกสั่งให้แตกตัวออกมา และยังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะหลีกทางให้กัน หรือ"ฮั้ว"กัน ระหว่างสองพรรคดังกล่าวในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต ซึ่งในวงการก็รับรู้กันอยู่แล้ว
ดังนั้น หากเป็นแบบนี้บรรดาคะแนนเสียงในพื้นที่ฐานเสียงหลักที่เคยมี เช่น ภาคเหนือกับภาคอีสาน บรรดาผู้สนับสนุนครอบครัวชินวัตร ของ นายทักษิณ ก็คงเทไปที่สองพรรคนี้เท่านั้น ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ ที่ช้อนเอาไว้ไม่ให้ตกหล่น ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เจือจานมาถึงพรรคเพื่อชาติของ "ยงยุทธ ติยะไพรัช" เลย ขณะเดียวกันที่ผ่านมาสำหรับพรรคเพื่อชาติแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นพรรคเล็กตั้งใหม่ เมื่อยังไม่มีจุดขายที่แน่นอน มันก็ต้องสร้างกระแส ขอแบ่งเสียงสนับสนุนมาบ้าง แม้ว่าในที่สุดแล้วมันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง
ที่บอกว่าไม่มีทางเกิดขึ้นจริงนั้น ก็เพราะเวลานี้ หากนับเฉพาะคดีหลักเพียงแค่คดีเดียว คือ "คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย" ที่เวลานี้ตามกฎหมายใหม่สามารถรื้อฟื้นนำคดีกลับขึ้นมาพิจารณาแบบ "ลับหลังจำเลย" ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว หลังจากที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะจำเลยที่ 1 ได้หลบหนีทำให้ต้องจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราว แต่ตอนนี้ถือว่าทุกอย่างเดินหน้า ตามกระบวนการทางศาลเต็มตัวแล้ว ไม่ใช่อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ถึงได้บอกว่าเมื่อเข้าสู่ศาลแล้วทุกอย่างมันยาก และเหนือการควบคุมแล้ว นี่ว่ากันเฉพาะแค่คดีเดียว ที่เป็นคดีหลัก ยังมีอีกหลายคดีที่กำลังเข้าสู่ศาลทั้งนั้น ซึ่งรวมไปถึงคดีของคนใกล้ชิดในครอบครัว เช่น ของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายที่เป็นจำเลยในคดีฟอกเงิน จากกรณีเดียวกันคือเงินกู้ธนาคารกรุงไทย
ส่วนจะบอกว่าจะมีการออกเป็นกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น บทเรียนก็เคยเจอมาแล้วว่ามันเป็นยังไง ความวุ่นวายปั่นป่วนเกิดขึ้นทันที ขนาดในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีอำนาจ มีความนิยมสูง ยังต้องกระเด็นจน "สุดซอย" มันถึงบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ต่อให้พรรคเพื่อไทย ก็คงไม่มีหยิบเรื่องนี้มาหาเสียง เพราะมันเสี่ยงมาก อีกทั้งสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิง
แน่นอนว่าล่าสุด นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาทวิตตอบโต้ เยาะเย้ย เหน็บแนม "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ "พี่ใหญ่" ของคสช. โดยพยายามตีเข้าไปที่จุดอ่อนไหวในเรื่องกระบวนการยุติธรรม ซึ่งน่าจะหมายถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแหย่ไปที่เรื่อง "นาฬิกายืมเพื่อน" ที่เป็น "จุดอ่อน" แบบว่า"กระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ" ทำนองว่าส่งคนเข้าไปนั่งเต็มไปหมด ซึ่งหลายคนก็มองแบบนั้นจริงๆ
**แต่หากพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ในเรื่องนี้ ถือว่าต้องให้ความเป็นธรรม เพราะพูดตามหลักการแบบต่อเนื่องกันสองวันติด เช่น บอกว่า "ไม่มีใครห้ามไม่ให้ ทักษิณ กลับไทย กลับมาได้ตลอดเวลา แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสียก่อน"
ซึ่งก็ใช่ เพราะ ทักษิณ ชินวัตร มีคดีติดตัวมากมาย และต้องย้ำว่า เข้าสู่ศาลแล้วไม่ใช่อยู่ในชั้นสอบสวน แค่หมายจับของศาลก็มีหลายใบแล้ว ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร บอกว่า เจรจากับใครล่ะ เพราะต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งใครก็ช่วยเหลือไม่ได้ ซึ่งมันเป็นหลักการโดยแท้ เพียงแต่ว่า ทักษิณ ชินวัตร ต้องการฉวยโอกาสตีโต้มาที่ "จุดอ่อน"ของ รัฐบาลและคสช. ในเรื่อง"นาฬิกาเพื่อน" นั่นแหละ
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาตามสถานการณ์ก็จะพบว่า เวลานี้ทั้งสองพี่น้อง คือ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลัง "ลงหลักปักฐานในต่างแดน" กันแล้ว อย่างล่าสุดตามข่าวบอกว่า ยิ่งลักษณ์ ได้ลงทุนซื้อหุ้นเพื่อบริหารท่าเรือแห่งหนึ่งในประเทศจีนแล้ว เพราะในความเป็นจริงแล้ว ย่อมรู้แล้วว่าโอกาสที่จะ "กลับประเทศไทยแบบเท่ๆ" ในความหมายที่ไม่ต้องรับผิดใดทางคดีนั้น มันเป็นไปไม่ได้ หรือ "ฝันกลางวัน" เท่านั้น
**ดังนั้น หากให้สรุปก็ต้องย้ำว่า เป็นเพียงแค่ความพยายามสร้างกระแสหาคะแนนเสียงในหมู่คนรักทักษิณ ของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เพื่อหวังมาเจือจานลงสู่พรรคเพื่อชาติของเขาบ้างเท่านั้น ทั้งในความเป็นจริงการจะพา นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาแบบไม่ต้องรับโทษนั้นเป็นไปไม่ได้ หรือถ้ามีใครคิดทะลึ่งไปเจรจา มันก็มองเห็นหายนะตรงหน้ารำไร นั่นแหละ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น