xs
xsm
sm
md
lg

สันติภาพซีเรีย...ยังไม่ใช่เรื่องหมูๆ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ผ่านพ้น “ปีหมา” เริ่มเข้าสู่ “ปีหมู” ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์นี้...เลยหนีไม่พ้นต้องขออนุญาตเชิญชวนให้ย้อนกลับไปทบทวน ใคร่ครวญถึงเรื่อง “หมาๆ” ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ว่ามันจะกลายเป็นเรื่อง “หมูๆ” กันในปีนี้ ระหว่างนี้ หรือไม่ อย่างไร? นั่นก็คือเรื่องที่ผู้นำอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ความเซอร์ไพรส์ประหลาดใจให้กับใครต่อใครเป็นจำนวนไม่น้อย ด้วยการตัดสินใจ “ถอนทหารอเมริกัน” จำนวนกว่า 2,000 นาย ออกจากสมรภูมิซีเรีย แถมยังประกาศว่าไม่คิดจะเป็น “ตำรวจโลก” ต่อไปซะอีกต่างหาก...

แต่เอาไป-เอามา...อะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวพันกับเรื่องราวนี้ มันน่าจะ “ไม่หมู” กันสักเท่าไหร่นัก แถมทำท่าว่าจะออกไปทาง “หมาๆ” กันขึ้นมาอีกซะแร้นน์น์น์ คือแม้ว่าโดยสีสัน บรรยากาศ ช่วงระหว่างปลายปี ค.ศ. 2018 ต่อกับช่วงต้นปี ค.ศ. 2019 แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ออกจะ “ดูดี” อยู่ตามสมควร หรือทำท่าว่าออกไปทาง “หมูหก” ตกใส่เขียง หรือตกใส่หัวแม่เท้าก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่พวกกบฏชาวเคิร์ดในซีเรีย (Kurdish-led Democratic Force-SDF) ซึ่งรัฐบาลและกองทัพอเมริกันให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ประกาศถอนตัวออกจากพื้นที่ซึ่งเคยยึดครองเอาไว้นาน อย่างพื้นที่เมือง “Manbij” ที่อยู่บริเวณด้านเหนือของซีเรียติดกับพรมแดนตุรกี ห่างจากแม่น้ำยูเฟรติสไปทางตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตร อันอาจถือเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายของพวกกบฏชาวเคิร์ดในซีเรียก็ว่าได้ แถมยังหันไปกู่ร้องให้ “กองทัพรัฐบาลซีเรีย” ของประธานาธิบดี “อัล-อัสซาด” เข้าไปยึดครอง ครอบครองพื้นที่แห่งนี้กันแทนที่ ก่อนที่ “กองทัพตุรกี” ที่เงื้อง่า ราคาแพงเอาไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปี ประกาศว่าจะบุกพื้นที่แห่งนี้ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า หลังจากไม่หลงเหลือกองทัพอเมริกันคอยช่วยปกป้อง คุ้มครอง บรรดาชาวเคิร์ดอีกต่อไปแล้ว

จนเมื่อช่วงวันที่ 30 ธันวาคมปลายปีที่ผ่านมานี่เอง...ต้องถือเป็นครั้งแรก ที่กองทัพซีเรียสามารถยาตราทัพเข้าสู่พื้นที่เมือง “Manjib” ได้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา และแทนที่จะต้องหันไปเผชิญหน้ากับ “กองทัพตุรกี” ที่เคยทำท่าเงื้อๆ เอาไว้ก่อนหน้านั้น ปรากฏว่าประธานาธิบดี “เออร์โดกัน” ของตุรกี ผู้ได้ชื่อว่าสามารถใช้โทรศัพท์เกลี้ยกล่อมให้ผู้นำอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” เกิดอาการ “หายบ้า” ชั่วคราว ตัดสินใจถอนทหารอเมริกันออกจากสมรภูมิซีเรีย โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านของรัฐมนตรีกลาโหม หรือที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเอาดื้อๆ กลับออกมาป่าวประกาศที่กรุงอิสตันบูลว่า ในเมื่อพวก “ผู้ก่อการร้าย” อันหมายถึงบรรดากบฏชาวเคิร์ด (SDF) ที่กองทัพอเมริกันให้การสนับสนุนได้ถอนตัวออกจากพื้นที่แห่งนี้ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว... “กองทัพตุรกีคงไม่มีกิจธุระใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ในเมือง Manjib เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นของประเทศซีเรีย และเราต่อต้านการแบ่งแยกซีเรียเป้าหมายของเราคือการกำจัดองค์กรก่อการร้ายเป็นหลัก เมื่อพวกผู้ก่อการร้ายออกไปจากพื้นที่นี้แล้ว ก็ไม่เหลืออะไรให้เราทำ”

หรือพูดง่ายๆ ว่า...แทนที่จะบุกยึดเมือง ยึดพื้นที่ ฉีกประเทศซีเรียออกเป็นชิ้นๆ อันไม่ต่างอะไรไปจากการหยิบเอา “ไพ่อเมริกัน” ประเภท “ตัวโง่” มาเก็บเอาไว้ในมือ แขกตุรกีอย่างประธานาธิบดี “เออร์โดกัน” ท่านกลับหันไป “เล่นไพ่รัสเซีย” กันแทนที่ คือนอกจากไม่คิดจะบุกยึดเมือง Manjib ดังที่เคยป่าวประกาศเอาไว้แล้ว ในช่วงวันเสาร์ปลายปี (29 ธ.ค. 2018) รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียและตุรกี รวมถึงรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งตัวแทนประธานาธิบดีซีเรีย ฯลฯ ได้จัดประชุมพบปะปรึกษารายละเอียดถึงฉากสถานการณ์ในซีเรีย ที่กรุงมอสโก ก่อนที่ “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” และ “นายเมฟลุต คาวูโซกลู” รัฐมนตรีต่างประเทศของสองประเทศ จะออกมายืนยันถึง “ความร่วมมือ” ในการปฏิบัติการภาคพื้นดิน เพื่อนำ “สันติภาพ” กลับคืนมาสู่ประเทศซีเรียให้จงได้...

สิ่งเหล่านี้...เลยทำให้บรรยากาศโดยรวม มันออกไปทาง “หมูๆ” หรือ “หมูหกตกใส่เขียง” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ถึงขั้นบรรดาชาติอาหรับทั้งหลายที่เคยหันตูด หันก้น ให้กับซีเรีย กลับมายื่นมือ ยื่นไม้ แสดงความปรารถนาอยากจะกลับไป “เปิดสถานทูต” ในซีเรียไปเป็นรายๆ ไม่ว่าคูเวต บาห์เรน หรือแม้แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หรือยูเออี ที่ตัดสินใจเปิดสถานทูตในกรุงดามัสกัส อย่างเป็นทางการไปแล้วก่อนหน้านั้น อีกทั้งผู้นำชาติสันติบาตอาหรับ อย่างประธานาธิบดีซูดาน ยังถึงกับตัดสินใจเดินทางไปเยือนประเทศซีเรียอย่างเป็นทางการเป็นรายแรก...

และจะเป็นด้วยบรรยากาศที่ออกไปทาง “หมูๆ” เช่นนี้ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้...ผู้นำอเมริกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” จึงต้องเริ่มออกอาการ “หมาๆ” ขึ้นมามั่งแล้ว คือต้องเริ่มด้วยการ “ทวิต” ถึงท่าทีของกองทัพอเมริกัน ในการถอนทหารออกจากซีเรีย ว่าจะไม่ถอนแบบพรวดๆ พราดๆ แต่จะ “ค่อยๆ ถอน” อย่างช้าๆ อันเป็นท่าทีที่ออกจะสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของผู้นำอิสราเอล นายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” ที่หนังสือพิมพ์อิสราเอล อย่าง “Ynet News” ได้อ้าง “แหล่งข่าว” ผู้ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี ว่าผู้นำอิสราเอล ได้โทรศัพท์ไปหาผู้นำอเมริกันในเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนที่จะเดินทางมาพบปะปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกัน และที่ปรึกษาความมั่นคงของประธานาธิบดี ในวันอังคารที่ผ่านมา...

นอกเหนือไปจากนั้น...ยังมีวุฒิสมาชิกแห่งพรรครีพับลิกัน อย่าง “นายลินด์ซีย์ เกรแฮม” ที่เคยคัดค้านเสียงแข็งต่อการถอนทหารอเมริกันออกจากซีเรีย แต่หลังจากได้ “กินข้าวกลางวัน” กับ “ทรัมป์บ้า” เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ธ.ค. 2018) ก็กลับเกิดอาการ “แฮปปี้ นิวเยียร์” ขึ้นมาดื้อๆ หรือเกิด “รู้สึกดีขึ้นมาก” กว่าแต่ก่อน หลังได้รับการชี้แจงรายละเอียดที่ตัวเองยังไม่เคยรับรู้มาก่อนจากผู้นำอเมริกัน อันทำให้เกิดความมั่นอก มั่นใจขึ้นมาว่า การถอนทหารอเมริกันออกจากสมรภูมิซีเรียนั้น จะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ 3 ประการตามมา คือ 1. เกิดความเชื่อมั่นว่าพวกผู้ก่อการร้ายไอซิส จะต้องถูกขจัดกวาดล้างอย่างเป็นการถาวร 2. จะไม่ทำให้ศัตรูคู่อาฆาตของอเมริกา อย่างอิหร่าน กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยเด็ดขาด และ 3. จะไม่ส่งผลให้พันธมิตรของอเมริกาไม่ว่าพวกกบฏชาวเคิร์ด ไปจนถึงพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล ต้องถูกทอดทิ้ง หรือยังคงได้รับการปกป้อง คุ้มครอง จากอำนาจ อิทธิพลของอเมริกา ในรูปหนึ่ง รูปใด อีกต่อไป...

หรือสรุปง่ายๆ ว่า...อเมริกายังหนีไม่พ้นที่ต้องเล่นบท “หมาๆ” หรือต้องรับบทเป็น “ตำรวจโลก” อีกต่อไปนั่นแหละ ไม่ได้เป็นไปตามคำประกาศของผู้นำอเมริกันเมื่อไม่กี่วันมานี้อยู่แล้วแน่ๆ ยิ่งการถอนทหารอเมริกันออกจากสมรภูมิอัฟกานิสถานที่เคยมีข่าวคราวมาก่อนหน้านี้ หรือในช่วงระยะเดียวกัน โฆษกทำเนียบขาวและโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็ได้ออกมายืนยัน นั่งยัน และนอนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ของประธานาธิบดีในการถอนทหารอเมริกันจากอัฟกานิสถาน” จน ณ วินาทีนี้ ด้วยเหตุนี้...อะไรต่อมิอะไรมันจึงไม่ได้ออกไปทาง “หมูๆ” กันสักเท่าไหร่นัก ยังคงต้องคอยติดตามกันต่อไปว่ามันจะเป็นหมูป่า หมูเขี้ยวตัน หรือเขี้ยวยาวเฟื้อยเลื้อยลากดินกันไปถึงขั้นไหน...???
กำลังโหลดความคิดเห็น