ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปีติดิถีปีใหม่!! “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”ทรงพระราชดำริตั้งพิธี “พระบรมราชาภิเษก”4-6 พ.ค. ข่าวดีรับศักราชใหม่ สิ้นสุดการรอคอยพสกนิกรไทย เรื่องดีๆ ที่ต้องเตือน “นักเลือกตั้ง”จัดลำดับความสำคัญ อย่าพยายามหยิบโยงมาทำลายบรรยากาศอันมงคล
ต้อนรับศักราชใหม่ .. ด้วยนับเป็นข่าวดีข่าวแรก และข่าวดีที่สุดของประเทศไทย ทันทีที่เริ่มปีใหม่ 2562 วันแรกไม่กี่ชั่วโมง หลังสำนักพระราชวัง ได้ออกประกาศเรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ .. ใจความสำคัญระบุถึงพระราชดําริ “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”ที่ทรงให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้น โดยวันที่ 4 พฤษภาคม จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเสด็จออกมหาสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ..
ส่วนในวันที่ 5 พฤษภาคม เป็นพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้นเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ซึ่งการเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีขึ้นในช่วงการพระราชพิธีทรงบําเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ปลายปี 2562 ..
ขณะที่วันที่ 6 พฤษภาคม เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล .. จึงถือได้ว่า วันที่ 4-6 พฤษภาคมนี้ เป็นวันที่พสกนิกรไทยทั่วประเทศ ปลื้มปีติ เพราะรอคอยวันนี้กันมานาน ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่คนไทยน่าจะมีความสุขมากที่สุดในโลก .. และ ยังนับเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น หลังอุณหภูมิการเมืองในประเทศกลับมาร้อนแรง นับตั้งแต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อก และเตรียมจะมีการเลือกตั้ง นักการเมืองกลับมาสาดน้ำลายใส่กัน จนส่อจะเกิดความขัดแย้ง พลันที่มีเรื่องนี้ออกมา บรรยากาศภายในประเทศก็เย็นชุ่มฉ่ำในทันใด ..
ส่วนเรื่องจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หรือจำต้องเขยิบปฏิทินออกไป หลัง “ผู้เกี่ยวข้อง”ดำเนินการหลายเรื่องไม่ทัน ที่เป็นกระแสข่าวออกมาในช่วงเคานต์ดาวน์ปีใหม่ แทบจะถูกลืมไปจากคนไทย .. เพราะนาทีนี้ มีพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากว่าอย่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเกิดขึ้น ดังนั้นไม่มีงานใดในประเทศ จะสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะทุกคนจับจ้องไปที่พระราชพิธีสำคัญกันหมด .. ส่วนนักการเมือง หรือนักเลือก
ตั้งอาชีพเองก็ควรจะสงบวาจา ทำตามกรอบหน้าที่ของตัวเอง เสริมสร้างบรรยากาศช่วงที่ประเทศมีข่าวที่เป็นมงคลที่สุดมากกว่า .
**เจ้าแม่กลืนเลือด!! “เพื่อไทย”เปลี่ยนม้ากลางศึก เหตุแต้มต่อ “รมต.แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”ข่ม “แม่ยายแห่งชาติ”มิด ทำรายหลังอกหักดังเปาะ อุตส่าห์ดันตัวเองขึ้นเบอร์ 1 ค่ายเพื่อแม้วได้ไม่นาน ต้องกล้ำกลืนรับสภาพเป็นมือวางอันดับ 2 แบบเจ็บๆ
โอ้ว แม่เจ้า .. เปลี่ยนม้ากลางศึกกันอย่างนี้เลย หลังมีข่าวออกมาว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมจะเปลี่ยนแม่ทัพคนใหม่ จาก“เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ที่เปิดตัวกันไปสักพักใหญ่ๆ ว่า จะได้เป็น“ว่าที่นายหญิง”ในตำแหน่งผู้ท้าชิงนายกรัฐมนตรี .. มาเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีอย่าง “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทน .. ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เป็นเพราะผลโพล ที่ไปสำรวจกันมา ปรากฏว่า ถ้า “เจ๊หน่อย”ถือธงนำ กระแส “แม่ยายแห่งชาติ”จะพาเพื่อไทยได้เก้าอี้ ส.ส.เต็มที่ ไม่เกิน 200 ที่นั่ง แต่ถ้าเป็น “บุรุษกล้ามโต”เป็นแม่ทัพ จะได้เพิ่มมาอีกราว 20 ที่นั่ง หรือ 220 ที่นั่ง เป็นอย่างน้อย .. เนื่องจากตั้งแต่ “ชัชชาติ”เคลื่อนไหวข้างกาย “หญิงหน่อย” ดูเหมือน อดีตรัฐมนตรีกล้ามโตจะดูถูกจริต ถูกอกถูกใจคนรุ่นใหม่มากกว่า เพราะภาพลักษณ์ ตั้งแต่สมัย “รัฐบาลปู”ที่ไม่ค่อยเน้นงานการเมือง แต่เน้นงานบริหาร หัวคิดก้าวหน้า ล้ำสมัย พูดจาฉะฉาน หลักการดี ดูเป็นคนรุ่นใหม่ที่ฝากผีฝากไข้ได้ .. ที่สำคัญ ยังไม่ฟกช้ำทางการเมือง ต่างจาก “เจ๊หน่อย”ที่เป็นคนรุ่นเก่า เหมือนเหล้าขวดเดิม ที่คนเคยเห็นฝีไม้ลายมือกันมาแล้ว และต้องรับความจริงว่า “คนชัง”มากกว่า “คนชอบ”..
วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ไม่รวมยี่ห้อพรรค “ชัชชาติ”มาแรงกว่าเยอะ ได้หลายกลุ่ม เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่ขั้วตรงข้ามบางคนยังชอบ ส่วนบุคลิก ลักษณะนิสัยก็ติดดิน เข้าอกเข้าใจชาวบ้าน .. ถ้าออกหน้านี้จริง ก็ต้องยอมรับในสปิริต “ออเจ๊”แห่งวังทองหลาง ที่แม้อกหัก-กลืนเลือด แบบปวดกระดองใจ กับการเข้าใกล้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากที่สุด ตามความใฝ่ฝัน หลังอุตส่าห์มาไกลถึงได้เป็น “ผู้ถือธงนำ”ของพรรคเพื่อไทย แต่มอง “ภาพรวม”ยอมลดระดับตัวเองลงมา .. แต่ก็นั่นแหละ “เจ้าแม่ กทม.”ยังสอบไม่ผ่านเรื่องการยอมรับภายในพรรค ที่หลายก๊ก หลายก๊วน ไม่ค่อยโอเค แต่ที่ต้องเซย์เยส ดึงหน้าใส่ ก็เพราะนายใหญ่ไฟเขียวมาแล้วว่าต้องคนนี้ เลยได้แต่อู้อี้ในลำคอ โวยวายไม่ออก .. คนที่ยิ้มแก้มปริอิ่มอกอิ่มใจที่สุดตอนนี้ คงมิวาย “ขุนพลแถวย่านบางบอน” ที่แสร้งสงบศึกเพื่ออนาคต “ลูกชาย”พอกลายมาเป็น “ชัชชาติ”คงนั่งเอิ๊กอ๊าก เปิดไวน์ฉลองกันแล้วป่านนี้
**เจียมเนื้อเจียมตัว!! “เฮียมาร์ค”วางเป้าไม่สมราคา “พรรคแกนหลัก”ประกาศต่ำร้อยไขก๊อกหัวหน้าค่ายสะตอ ฟังแล้วใจหายแทนสาวกที่ต้องระวังช็อกซีนีม่า ซ้ำสองหลังเลือกตั้ง ถ้ารู้ว่า “ค่ายสะตอ”อ่อยแรง พร้อมร่วมรัฐบาลทุกขั้ว แบบที่“พรรคปลาไหล-พรรคยี้ห้อย”ได้แต่มองเคืองๆ เห็นแย่งเก้าอี้นายกฯกันนัว “พี่มาร์ค”ขอเบนเข็มไปนั่งบัลลังก์ ประมุขสภาหินอ่อนนู่น
เป้าหมายต่ำเกินคาด .. ตามที่ “เฮียมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ ส.ส.ไม่ถึง 100 ที่นั่ง จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อรับผิดชอบ .. สร้างความย้อนแย้งในตัว ในเมื่อก่อนหน้านี้ “สุดหล่อ”เพิ่งจะทำเสียงขึงขังว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ไม้ประดับของใคร หรือไม่ใช่นั่งร้านให้ใครไปมีอำนาจ แต่ “พรรคหลัก”ที่จะจัดตั้งรัฐบาลเอง .. แต่จำนวน “ต่ำร้อย”แล้วไขก๊อก มันดูตั้งมาตรฐานไว้น้อยไปในเมื่อประกาศว่าจะเป็นพรรคหลัก เพราะมันต้องประกาศระดับเกิน 200 ที่นั่ง ชนะการเลือกตั้งส.ส. อย่างที่พรรคเพื่อไทย หรือค่ายพลังประชารัฐเขาวางเอาไว้มากกว่า .. ถ้าอีหรอบนี้แสดงว่า รู้สถานการณ์ตัวเองว่าคงเข็นไม่ขึ้น เข้าป้ายเป็นได้แค่พรรคอันดับสอง อันดับสาม แน่ๆ แต่ที่ประกาศกร้าวไปอย่างนั้น เนื่องจากปากกล้าขาสั่น ตาม “ประชาธิปัตย์สไตล์” ..
ฟังแล้วก็ใจหายแทน “สาวกสะตอ”ด้วยความเป็นพรรคระดับท็อปของประเทศ เก่าแก่ที่สุดไม่มีใครเทียม ถึงขั้นใครเขาว่า “พรรคมีเส้น” มาถึงวันที่จุดต่ำสุด ตั้งเป้าไม่ถึง 1 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.ไปซะฉิบ .. ว่าแต่ “หนุ่มมาร์ค”ลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าธรรมเนียมประชาธิปัตย์ จะแพ้เท่าไรไม่สำคัญ ถ้าปราชัยในการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคจะต้องก้มหน้าก้มตาประกาศลาออกกันทุกคน ยิ่งต้องพิจารณาหนัก ในเมื่อพาพรรคเก่าแก่แพ้การเลือกตั้งมาหลายสมัยติดต่อกัน มันควรมีการเปลี่ยนแปลง .. หรือที่หวงเก้าอี้ เพราะยังหวังจะมีตำแหน่งแห่งหน หลังเลือกตั้งแบบเข้ากับขั้วไหนก็ได้ แหงแซะรัฐบาลแน่ นอน ว่ากันว่านาทีนี้ “พรรคสะตอ”อ่อยชัดยิ่งกว่า “พรรคปลาไหล-ค่ายยี้ห้อย”ซะอีก .. แล้วระดับ “เฮียมาร์ค”นี่ก็ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศไทย จะลดเกรดมาเป็นรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ ก็คงยาก เห็นตั้งท่าไปนั่งบัลลังก์ประมุข ที่ “สภาหินอ่อน”แจ้งเพื่อทราบถึงทุกขั้วโดยทั่วกันแล้ว
ช.ชฎา
รูป
- ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
**ปีติดิถีปีใหม่!! “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”ทรงพระราชดำริตั้งพิธี “พระบรมราชาภิเษก”4-6 พ.ค. ข่าวดีรับศักราชใหม่ สิ้นสุดการรอคอยพสกนิกรไทย เรื่องดีๆ ที่ต้องเตือน “นักเลือกตั้ง”จัดลำดับความสำคัญ อย่าพยายามหยิบโยงมาทำลายบรรยากาศอันมงคล
ต้อนรับศักราชใหม่ .. ด้วยนับเป็นข่าวดีข่าวแรก และข่าวดีที่สุดของประเทศไทย ทันทีที่เริ่มปีใหม่ 2562 วันแรกไม่กี่ชั่วโมง หลังสำนักพระราชวัง ได้ออกประกาศเรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ .. ใจความสำคัญระบุถึงพระราชดําริ “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”ที่ทรงให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้น โดยวันที่ 4 พฤษภาคม จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเสด็จออกมหาสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ..
ส่วนในวันที่ 5 พฤษภาคม เป็นพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้นเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ซึ่งการเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีขึ้นในช่วงการพระราชพิธีทรงบําเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ปลายปี 2562 ..
ขณะที่วันที่ 6 พฤษภาคม เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล .. จึงถือได้ว่า วันที่ 4-6 พฤษภาคมนี้ เป็นวันที่พสกนิกรไทยทั่วประเทศ ปลื้มปีติ เพราะรอคอยวันนี้กันมานาน ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่คนไทยน่าจะมีความสุขมากที่สุดในโลก .. และ ยังนับเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น หลังอุณหภูมิการเมืองในประเทศกลับมาร้อนแรง นับตั้งแต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อก และเตรียมจะมีการเลือกตั้ง นักการเมืองกลับมาสาดน้ำลายใส่กัน จนส่อจะเกิดความขัดแย้ง พลันที่มีเรื่องนี้ออกมา บรรยากาศภายในประเทศก็เย็นชุ่มฉ่ำในทันใด ..
ส่วนเรื่องจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หรือจำต้องเขยิบปฏิทินออกไป หลัง “ผู้เกี่ยวข้อง”ดำเนินการหลายเรื่องไม่ทัน ที่เป็นกระแสข่าวออกมาในช่วงเคานต์ดาวน์ปีใหม่ แทบจะถูกลืมไปจากคนไทย .. เพราะนาทีนี้ มีพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากว่าอย่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเกิดขึ้น ดังนั้นไม่มีงานใดในประเทศ จะสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะทุกคนจับจ้องไปที่พระราชพิธีสำคัญกันหมด .. ส่วนนักการเมือง หรือนักเลือก
ตั้งอาชีพเองก็ควรจะสงบวาจา ทำตามกรอบหน้าที่ของตัวเอง เสริมสร้างบรรยากาศช่วงที่ประเทศมีข่าวที่เป็นมงคลที่สุดมากกว่า .
**เจ้าแม่กลืนเลือด!! “เพื่อไทย”เปลี่ยนม้ากลางศึก เหตุแต้มต่อ “รมต.แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”ข่ม “แม่ยายแห่งชาติ”มิด ทำรายหลังอกหักดังเปาะ อุตส่าห์ดันตัวเองขึ้นเบอร์ 1 ค่ายเพื่อแม้วได้ไม่นาน ต้องกล้ำกลืนรับสภาพเป็นมือวางอันดับ 2 แบบเจ็บๆ
โอ้ว แม่เจ้า .. เปลี่ยนม้ากลางศึกกันอย่างนี้เลย หลังมีข่าวออกมาว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมจะเปลี่ยนแม่ทัพคนใหม่ จาก“เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ที่เปิดตัวกันไปสักพักใหญ่ๆ ว่า จะได้เป็น“ว่าที่นายหญิง”ในตำแหน่งผู้ท้าชิงนายกรัฐมนตรี .. มาเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีอย่าง “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทน .. ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เป็นเพราะผลโพล ที่ไปสำรวจกันมา ปรากฏว่า ถ้า “เจ๊หน่อย”ถือธงนำ กระแส “แม่ยายแห่งชาติ”จะพาเพื่อไทยได้เก้าอี้ ส.ส.เต็มที่ ไม่เกิน 200 ที่นั่ง แต่ถ้าเป็น “บุรุษกล้ามโต”เป็นแม่ทัพ จะได้เพิ่มมาอีกราว 20 ที่นั่ง หรือ 220 ที่นั่ง เป็นอย่างน้อย .. เนื่องจากตั้งแต่ “ชัชชาติ”เคลื่อนไหวข้างกาย “หญิงหน่อย” ดูเหมือน อดีตรัฐมนตรีกล้ามโตจะดูถูกจริต ถูกอกถูกใจคนรุ่นใหม่มากกว่า เพราะภาพลักษณ์ ตั้งแต่สมัย “รัฐบาลปู”ที่ไม่ค่อยเน้นงานการเมือง แต่เน้นงานบริหาร หัวคิดก้าวหน้า ล้ำสมัย พูดจาฉะฉาน หลักการดี ดูเป็นคนรุ่นใหม่ที่ฝากผีฝากไข้ได้ .. ที่สำคัญ ยังไม่ฟกช้ำทางการเมือง ต่างจาก “เจ๊หน่อย”ที่เป็นคนรุ่นเก่า เหมือนเหล้าขวดเดิม ที่คนเคยเห็นฝีไม้ลายมือกันมาแล้ว และต้องรับความจริงว่า “คนชัง”มากกว่า “คนชอบ”..
วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ไม่รวมยี่ห้อพรรค “ชัชชาติ”มาแรงกว่าเยอะ ได้หลายกลุ่ม เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่ขั้วตรงข้ามบางคนยังชอบ ส่วนบุคลิก ลักษณะนิสัยก็ติดดิน เข้าอกเข้าใจชาวบ้าน .. ถ้าออกหน้านี้จริง ก็ต้องยอมรับในสปิริต “ออเจ๊”แห่งวังทองหลาง ที่แม้อกหัก-กลืนเลือด แบบปวดกระดองใจ กับการเข้าใกล้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากที่สุด ตามความใฝ่ฝัน หลังอุตส่าห์มาไกลถึงได้เป็น “ผู้ถือธงนำ”ของพรรคเพื่อไทย แต่มอง “ภาพรวม”ยอมลดระดับตัวเองลงมา .. แต่ก็นั่นแหละ “เจ้าแม่ กทม.”ยังสอบไม่ผ่านเรื่องการยอมรับภายในพรรค ที่หลายก๊ก หลายก๊วน ไม่ค่อยโอเค แต่ที่ต้องเซย์เยส ดึงหน้าใส่ ก็เพราะนายใหญ่ไฟเขียวมาแล้วว่าต้องคนนี้ เลยได้แต่อู้อี้ในลำคอ โวยวายไม่ออก .. คนที่ยิ้มแก้มปริอิ่มอกอิ่มใจที่สุดตอนนี้ คงมิวาย “ขุนพลแถวย่านบางบอน” ที่แสร้งสงบศึกเพื่ออนาคต “ลูกชาย”พอกลายมาเป็น “ชัชชาติ”คงนั่งเอิ๊กอ๊าก เปิดไวน์ฉลองกันแล้วป่านนี้
**เจียมเนื้อเจียมตัว!! “เฮียมาร์ค”วางเป้าไม่สมราคา “พรรคแกนหลัก”ประกาศต่ำร้อยไขก๊อกหัวหน้าค่ายสะตอ ฟังแล้วใจหายแทนสาวกที่ต้องระวังช็อกซีนีม่า ซ้ำสองหลังเลือกตั้ง ถ้ารู้ว่า “ค่ายสะตอ”อ่อยแรง พร้อมร่วมรัฐบาลทุกขั้ว แบบที่“พรรคปลาไหล-พรรคยี้ห้อย”ได้แต่มองเคืองๆ เห็นแย่งเก้าอี้นายกฯกันนัว “พี่มาร์ค”ขอเบนเข็มไปนั่งบัลลังก์ ประมุขสภาหินอ่อนนู่น
เป้าหมายต่ำเกินคาด .. ตามที่ “เฮียมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ ส.ส.ไม่ถึง 100 ที่นั่ง จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อรับผิดชอบ .. สร้างความย้อนแย้งในตัว ในเมื่อก่อนหน้านี้ “สุดหล่อ”เพิ่งจะทำเสียงขึงขังว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ไม้ประดับของใคร หรือไม่ใช่นั่งร้านให้ใครไปมีอำนาจ แต่ “พรรคหลัก”ที่จะจัดตั้งรัฐบาลเอง .. แต่จำนวน “ต่ำร้อย”แล้วไขก๊อก มันดูตั้งมาตรฐานไว้น้อยไปในเมื่อประกาศว่าจะเป็นพรรคหลัก เพราะมันต้องประกาศระดับเกิน 200 ที่นั่ง ชนะการเลือกตั้งส.ส. อย่างที่พรรคเพื่อไทย หรือค่ายพลังประชารัฐเขาวางเอาไว้มากกว่า .. ถ้าอีหรอบนี้แสดงว่า รู้สถานการณ์ตัวเองว่าคงเข็นไม่ขึ้น เข้าป้ายเป็นได้แค่พรรคอันดับสอง อันดับสาม แน่ๆ แต่ที่ประกาศกร้าวไปอย่างนั้น เนื่องจากปากกล้าขาสั่น ตาม “ประชาธิปัตย์สไตล์” ..
ฟังแล้วก็ใจหายแทน “สาวกสะตอ”ด้วยความเป็นพรรคระดับท็อปของประเทศ เก่าแก่ที่สุดไม่มีใครเทียม ถึงขั้นใครเขาว่า “พรรคมีเส้น” มาถึงวันที่จุดต่ำสุด ตั้งเป้าไม่ถึง 1 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.ไปซะฉิบ .. ว่าแต่ “หนุ่มมาร์ค”ลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าธรรมเนียมประชาธิปัตย์ จะแพ้เท่าไรไม่สำคัญ ถ้าปราชัยในการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคจะต้องก้มหน้าก้มตาประกาศลาออกกันทุกคน ยิ่งต้องพิจารณาหนัก ในเมื่อพาพรรคเก่าแก่แพ้การเลือกตั้งมาหลายสมัยติดต่อกัน มันควรมีการเปลี่ยนแปลง .. หรือที่หวงเก้าอี้ เพราะยังหวังจะมีตำแหน่งแห่งหน หลังเลือกตั้งแบบเข้ากับขั้วไหนก็ได้ แหงแซะรัฐบาลแน่ นอน ว่ากันว่านาทีนี้ “พรรคสะตอ”อ่อยชัดยิ่งกว่า “พรรคปลาไหล-ค่ายยี้ห้อย”ซะอีก .. แล้วระดับ “เฮียมาร์ค”นี่ก็ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศไทย จะลดเกรดมาเป็นรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ ก็คงยาก เห็นตั้งท่าไปนั่งบัลลังก์ประมุข ที่ “สภาหินอ่อน”แจ้งเพื่อทราบถึงทุกขั้วโดยทั่วกันแล้ว
ช.ชฎา
รูป
- ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ