ป.ป.ช.มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง ให้ “ประวิตร" พ้นข้อกล่าวหา “นาฬิกาหรู” ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน เผย “เสี่ยคราม” มีนาฬิกาเยอะ ได้เพื่อนยืมประจำ ส่วนแหวน 3 วงเป็นทรัพย์มรดก เผย “สุภา-สุวณา-สถาพร” เสียงข้างน้อย แนบความเห็นให้สอบเพิ่ม
วานนี้ (27 ธ.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุม กรณีการถือครองนาฬิกาหรู จำนวน 22 เรือน ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 3 ว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีมูลเพียงพอ ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 4 ครั้ง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงว่านาฬิกาทั้งหมด จำนวน 22 เรือน ได้ยืมจาก นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ หรือเสี่ยคราม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และได้คืนไปหมดแล้ว และจากการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และขอเอกสารหลักฐาน จากผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาในประเทศไทย รวมทั้งขอเอกสาร และความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบการสำแดงรายการนาฬิกาที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งผู้จำหน่ายนาฬิกาในต่างประเทศ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายปัฐวาท เป็นนักธุรกิจที่มีฐานะทางการเงิน และมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และชอบสะสมนาฬิการาคาแพง ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพบว่า มีการเก็บรักษานาฬิการาคาแพงอยู่ในบ้านของ นายปัฐวาท
จำนวนมากกว่าที่ร้องเรียน จากคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อเท็จจริงว่า นายปัฐวาท เป็นคนมีฐานะดี คอยช่วยเหลือสนับสนุนทางด้านการเงินให้กับกลุ่มเพื่อนที่เคยศึกษาที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และได้ให้เพื่อนในกลุ่มโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ยืมนาฬิการาคาแพงไปใช้สวมใส่ รวมถึง พล.อ.ประวิตร ที่เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกับนายปัฐวาท และนอกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลแล้ว นายปัฐวาท ยังให้เพื่อนกลุ่มอื่นยืมนาฬิกาไปสวมใส่ด้วย
“รับฟังว่า เป็นการกระทำโดยปกติของนายปัฐวาท ที่ช่วยดูแลกลุ่มเพื่อนเก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่สนิทสนมกัน รวมถึงเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่า นายปัฐวาท และบริษัทคอม-ลิ้งค์ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงาน ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่อย่างใด" นายวรวิทย์ กล่าว
สำหรับกรณีแหวน ที่ปรากฏตามภาพข่าว ที่ พล.อ.ประวิตร สวมใส่จำนวน 12 วงนั้น คณะกรรมการป.ป.ช. ได้พิจารณาคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า แหวนจำนวน 3 วง เป็นทรัพย์มรดกของบิดาของ พล.อ.ประวิตร ที่ได้รับมาจากมารดา ในขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงแหวนดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว และแหวนที่เหลือ เป็นแหวนที่เป็นสัญลักษณ์หน่วยทหาร หรือแหวนวัตถุมงคล ที่มีราคาไม่มาก นำมาใส่เพื่อเป็นศิริมงคล หรือใส่เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของสังกัด จึงไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ดี การพิจารณาวาระดังกล่าว พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ขอถอนตัว ไม่เข้าร่วมพิจารณา โดยเสียงข้างมาก 5 ราย ได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ สำหรับเสียงข้างน้อย 3 รายได้แก่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ที่มองว่าเมื่อพยานหลักฐานยังไม่ครบสมบูรณ์ ควรดำเนินตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป.
วานนี้ (27 ธ.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุม กรณีการถือครองนาฬิกาหรู จำนวน 22 เรือน ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 3 ว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีมูลเพียงพอ ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 4 ครั้ง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงว่านาฬิกาทั้งหมด จำนวน 22 เรือน ได้ยืมจาก นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ หรือเสี่ยคราม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และได้คืนไปหมดแล้ว และจากการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และขอเอกสารหลักฐาน จากผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาในประเทศไทย รวมทั้งขอเอกสาร และความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบการสำแดงรายการนาฬิกาที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งผู้จำหน่ายนาฬิกาในต่างประเทศ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายปัฐวาท เป็นนักธุรกิจที่มีฐานะทางการเงิน และมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และชอบสะสมนาฬิการาคาแพง ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพบว่า มีการเก็บรักษานาฬิการาคาแพงอยู่ในบ้านของ นายปัฐวาท
จำนวนมากกว่าที่ร้องเรียน จากคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อเท็จจริงว่า นายปัฐวาท เป็นคนมีฐานะดี คอยช่วยเหลือสนับสนุนทางด้านการเงินให้กับกลุ่มเพื่อนที่เคยศึกษาที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และได้ให้เพื่อนในกลุ่มโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ยืมนาฬิการาคาแพงไปใช้สวมใส่ รวมถึง พล.อ.ประวิตร ที่เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกับนายปัฐวาท และนอกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลแล้ว นายปัฐวาท ยังให้เพื่อนกลุ่มอื่นยืมนาฬิกาไปสวมใส่ด้วย
“รับฟังว่า เป็นการกระทำโดยปกติของนายปัฐวาท ที่ช่วยดูแลกลุ่มเพื่อนเก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่สนิทสนมกัน รวมถึงเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่า นายปัฐวาท และบริษัทคอม-ลิ้งค์ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงาน ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่อย่างใด" นายวรวิทย์ กล่าว
สำหรับกรณีแหวน ที่ปรากฏตามภาพข่าว ที่ พล.อ.ประวิตร สวมใส่จำนวน 12 วงนั้น คณะกรรมการป.ป.ช. ได้พิจารณาคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า แหวนจำนวน 3 วง เป็นทรัพย์มรดกของบิดาของ พล.อ.ประวิตร ที่ได้รับมาจากมารดา ในขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงแหวนดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว และแหวนที่เหลือ เป็นแหวนที่เป็นสัญลักษณ์หน่วยทหาร หรือแหวนวัตถุมงคล ที่มีราคาไม่มาก นำมาใส่เพื่อเป็นศิริมงคล หรือใส่เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของสังกัด จึงไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ดี การพิจารณาวาระดังกล่าว พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ขอถอนตัว ไม่เข้าร่วมพิจารณา โดยเสียงข้างมาก 5 ราย ได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ สำหรับเสียงข้างน้อย 3 รายได้แก่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ที่มองว่าเมื่อพยานหลักฐานยังไม่ครบสมบูรณ์ ควรดำเนินตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป.