xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจดับ-ธุรกิจรุ่ง-ภาษาจาก“ลมปากตู่”!?

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย




“นายกฯ บิ๊กตู่” เมามันอยู่กับการทุ่มทุนสร้าง “ธุรกิจชาติสู่ยุคดิจิตอล 4.0”!!

“ทุนสามานย์” สร้างเทคโนโลยีดิจิตอลล้ำสมัย ทำให้สังคมมนุษย์มีความเหลื่อมล้ำรุนแรงยิ่งขึ้นเพราะผลประโยชน์ส่วนใหญ่จาก “การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” ล้วนตกไปอยู่ในมือของ “คนกลุ่มน้อยราว 10%” ขณะที่ “คนส่วนใหญ่ 90%” ต้องจมปลักอยู่กับความยากไร้เงินทอง-ที่ดินทำกิน-ทรัพย์สิน ฯลฯ จนมนุษย์บางแห่งในโลกต้องอดตายอย่างน่าเวทนา...นั่นคือความจริง!

ธุรกิจทุนนิยมสามานย์ที่ถือ “เงินเป็นพระเจ้า” ยึด “กำไรสูงสุด” เป็นสรณะ ได้ก่อเกิดธุรกิจ “ดิจิตอล” เทคโนโลยีขั้นสูงทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั้งหลายยิ่งร่ำรวยจากความได้เปรียบทางเทคโนโลยี-การเงิน-การผลิต-การขาย-การขนส่ง ฯลฯ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ด้วยผลผลิตที่เร็วขึ้น-มากขึ้น-คุณภาพดีขึ้น ฯลฯ

โลกยุคดิจิตอลทั้งปัจจุบันและอนาคตจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างหลายเรื่องราว ที่อย่างน้อยผู้คนต้องเปลี่ยนแปลงให้เท่าทัน ยิ่งถ้าเปลี่ยนจน “ดักหน้าเทคโนโลยี” ได้ นั่นหมายถึง นอกจากธุรกิจจะ “ไม่ดับ” แล้ว ธุรกิจดักหน้าเทคโนโลยีจะ “รุ่งโรจน์” อีกด้วย!

ธุรกิจที่ถูกมองเป็น “ดาวร่วง” และ “ดาวรุ่ง” ซึ่งผู้คนต้องรับรู้และปรับตัวให้ทันโดยเฉพาะการเมืองไม่สมประกอบอย่างชาติไทย ซึ่งรัฐบาลทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร มักใช้อำนาจรัฐโกงชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้ “กลุ่มทุนใหญ่ยักษ์” อย่างหน้าด้านๆ จงใจ “แกล้งโง่” ต่อการดูแลผลประโยชน์ให้คนส่วนใหญ่ จนทำให้ชาติไทย “รวยกระจุกจนกระจาย” ติดอันดับต้นๆ ของโลก

“การเมืองน้ำเน่า 4.0” ของ “บิ๊กตู่” ที่ชอบ “พูด” ซ้ำซากว่าจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”! แต่ “บิ๊กตู่” ดันกลายเป็น “คนพูดอย่าง-ทำอย่าง” เรื่องจึงกลายเป็นจะมี “เลือกตั้งก่อนปฏิรูปชาติ” ไปเสียฉิบ...

“10 ธุรกิจยุคดิจิตอล” ที่ถูกมองว่ามีแนวโน้มเป็น “ดาวร่วง” และยังจะ “ร่วง” ต่อไปเรื่อยๆ คือ

1. ธุรกิจด้านหัตถกรรม 2. ธุรกิจเหมืองแร่ 3. ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสารและวารสาร 4. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นดีวีดีและซีดี 5. ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน 6. ธุรกิจเคเบิ้ลทีวี 7. ธุรกิจผลิตสินค้าการเกษตร ยาง ปาล์ม ข้าว 8. ธุรกิจร้านขายมือถือมือสอง 9. ธุรกิจร้านค้าแบบดั้งเดิม (ร้านโชห่วย) 10. ธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ต

ส่วน “10 ธุรกิจยุคดิจิตอล” ที่มีแนวโน้มเป็น “ดาวรุ่ง” และจะ “รุ่ง” ต่อไปเรื่อยๆ คือ

1. ธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและอุปกรณ์ โดยเฉพาะผู้ให้บริการด้านโครงข่าย 2. ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม 3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 4. ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว 5. ธุรกิจด้านปิโตรเลียมและพลาสติก และธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ 6. ธุรกิจโมเดิร์นเทรด ธุรกิจบริการด้านการเงิน และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 7. ธุรกิจร้านขายยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 8. ธุรกิจการศึกษาและธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 9. ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบ้านเช่ากับห้องเช่า ธุรกิจด้านความเชื่อ เช่น โหราศาสตร์ เครื่องรางของขลัง 10. ธุรกิจวัสดุก่อสร้างและรับเหมา ธุรกิจร้านเสริมสวยและตัดผมแนวแฟชั่น

นั่นเป็นเพียงส่วนน้อยของการวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกทางเทคโนโลยี ซึ่งชวนให้คิดและให้ต้องระวัง ทว่า...การผันแปรอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิตอล หลายเรื่องจะเป็นจริงอย่างรวดเร็ว! หลายเรื่องอาจไม่เกิดขึ้นในเวลาอันใกล้! หลายเรื่องอาจเกิดขึ้นในระยะยาว! หลายเรื่องอาจเกิดขึ้นโดยฉับพลันชนิดคาดไม่ถึง ฯลฯ

เรื่องเลวร้ายทั้งหมดล้วนเกิดจาก “คนกลุ่มน้อย” ที่มีอำนาจและเห็น “เงินเป็นพระเจ้า” ยึดถือ “กำไรสูงสุด” เป็นสรณะ แถมโลภไม่รู้จักพออีกด้วย โลกจึงกลายเป็นสังคม “คนกินคน” ที่ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ไร้ซึ่งความเอื้ออาทรต่อมนุษย์ผู้ด้อยโอกาสกว่า

“แจ็ค หม่า” แห่ง “อาลีบาบา” พูดถูกแค่ครึ่งเดียวว่า จากนี้...มนุษย์ไม่ได้แข่งกับมนุษย์ด้วยกันอีกแล้ว แต่ “มนุษย์” ต้องแข่งกับ “หุ่นยนต์”!

เฮ้!.. .“แจ็ค หม่า” ก็รู้นี่นาว่า “หุ่นยนต์” ไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่! “หุ่นยนต์” เกิดจากสมองและฝีมือ “มนุษย์” สร้างนะ!

“มนุษย์” คิดและสร้าง “หุ่นยนต์” กับเครื่องยนต์กลไกสารพัด ทำให้ “มนุษย์ยากไร้” ตกงานเป็นแถว แต่เพื่อให้ได้ “อำนาจ-เงินทอง-ทรัพย์สิน” สนองตอบความโลภไม่รู้จักพอของ “มนุษย์” ดังนั้น “มนุษย์รวยล้นฟ้า” ที่เป็นคนส่วนน้อยจึงไม่แยแสต่อการตกงานของ “มนุษย์ส่วนใหญ่” แม้แต่น้อย!

แถม “กลุ่มมนุษย์ส่วนน้อย” ที่มีอำนาจโลภไม่รู้จักพอ ยังอำมหิตคิดและสร้าง “หุ่นยนต์” กับเครื่องยนต์กลไกสารพัด “เข่นฆ่ามนุษย์” ได้ครั้งละมากๆ และเร็วที่สุดเพื่อเอาชนะสงครามต่อฝ่ายตรงข้ามด้วย...!

อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต “มนุษย์” นั่นแหละ คือผู้ทำร้ายทำลายเข่นฆ่า “มนุษย์” ด้วยกันเองมาตลอด!

โดยเฉพาะ “มนุษย์ไร้คุณธรรม” มีอำนาจรัฐในกำมือ ที่โกงชาติและรับใช้ “คนส่วนน้อย” จงใจจะละเลยต่อการดูแล “คนส่วนใหญ่” ให้ได้รับความเป็นธรรม จึงทำให้ชาติไทย “รวยกระจุก จนกระจาย” อย่างที่เป็นอยู่นี่ไงล่ะ

อืม...อดคิดไม่ได้ว่า ฤา “บางคำ” ที่ “ตู่พูด” นั้น เป็นแค่ “ภาษาไทยจากลมปากตู่” เท่านั้น! “ตู่” ลืมอ๊ะป่าว? ฤา “ตู่” อาจลืม? เอ๊ะ...ฤา “ตู่” แกล้งลืม?

ขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า คนไทยฟังแล้วไม่เคยลืม และคนไทยเกลียดคนพูดอย่างทำอย่าง!

งานนี้...ต้องถามจี้ใจดำ “บิ๊กตู่” ว่า...ทำไมจึงไม่แก้ต้นเหตุปัญหาชาติหลายเรื่องก่อนเลือกตั้ง???



กำลังโหลดความคิดเห็น