xs
xsm
sm
md
lg

หมดประชานิยม-พท.ก็หมดมุก มีแค่คำเพ้อนามธรรมแก้จน !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**มองอีกมุมหนึ่งมันก็น่าเห็นใจ สำหรับพรรคเพื่อไทย ในยุคนี้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ทุกครั้ง ตั้งแต่ยุคของ ทักษิณ ชินวัตร จากพรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา ที่เคยหากินอยู่นโยบาย "ประชานิยม" ใช้เงินหลวง หรือเงินงบประมาณไปแจกชาวบ้าน แลกกับความนิยม หลายนโยบายที่จำกันได้ ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ค่าแรงวันละ 300 บาท จนมาถึง "ทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ" จากโครงการรับจำนำข้าว ที่ให้รัฐบาลซื้อข้าวทุกเมล็ด จนเจ๊งกันฉิบหายวายป่วง สามสี่แสนล้านบาท ทำให้หลายคนต้องติดคุก บางคนต้องหลบหนี และบางคนก็เพิ่งเริ่มหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ดี จากนโยบายดังกล่าว ได้สร้างความจดจำ และความประทับใจให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะบรรดาคนยากคนจนทั้งในชนบท และในเมือง จนทำให้พรรคไทยรักไทย หรือไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อไปแล้วสักกี่ชื่อก็ตาม เมื่อลงสนามเลือกตั้ง ก็ได้รับเลือกตั้ง จนมีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า แม้แต่ "ส่งเสาไฟฟ้า" ลงไปก็ชนะ และที่ผ่านมาครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตรก็ใช้บุญเก่า ยี่ห้อประชานิยม มาหากินได้ในทุกสนามเลือกตั้งที่ผ่านมา
แต่ก็อย่างว่า ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง มีขึ้นก็ย่อมมีลง ไม่มีข้อยกเว้น เหมือนกับเวลานี้ ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป อย่างแรกก็คือ "กติกาใหม่" ที่บังคับให้ทุกพรรคการเมือง ต้องอธิบายที่มาที่ไปของนโยบาย ที่ใช้ในการหาเสียง ว่าทำได้จริง หรือไม่ เป็นภาระทางการคลังหรือไม่ ไม่ใช่คิดจะเสนอโครงการอะไรขึ้นมาเพื่อซื้อความนิยม หรือนำเงินหลวงมาใช้แบบไม่ยั้งคิดแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว อย่างเช่น โครงการซื้อข้าว (จำนำ) ทุกเมล็ดแบบเดิมไม่ได้ แบบนี้เป็นต้น เพราะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นอกจาก ทักษิณและครอบครัวได้ประโยชน์ แต่ประเทศชาติเสียหาย ระบบกลไกตลาดย่อยยับ การพัฒนาพันธุ์ข้าวหยุดชะงัก เป็นต้น
**นโยบายดังกล่าวเรียกว่า "ประชานิยม" ที่ซื้อความนิยมจากชาวบ้านแบบง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันเมื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป สิ่งที่ว่านั้นถูกห้าม มันก็ทำให้พรรคการเมืองที่คิดนโยบายประเภทนี้ ถึงกับ"ไปไม่เป็น" เหมือนกับเวลานี้ หากจะโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่มีแนวคิดเรื่องนโยบายแปลกใหม่ออกมาเลย
เพราะหากมองเปรียบเทียบไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นคู่ต่อสู้กันมาก่อน แม้ว่าในวันนี้จะดูร่วงโรย เงียบเหงา แต่อย่างน้อยก็มีการประกาศนโยบายด้านเศรษฐกิจ จากปากหัวหน้าพรรค คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ชูเรื่องนโยบาย "ประกันราคา" ที่เคยใช้มาแต่เดิม โดยประกันราคาข้าวตันละหนึ่งหมื่นบาท ราคายางพารา ประกันกิโลกรัมละ 60 บาท ซึ่ง"ไม่เวอร์" มันก็เป็นไปได้ ไม่ผิดกติกา หรือสานต่อ "บัตรคนจน" โดยเพิ่มเป็นคนละ 800 บาท แต่จะเป็นการโอนเงินสดเข้าบัญชีโดยตรงกันเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็น่าสนใจ เพียงแต่ว่ามันไม่หวือหวา หรือต่อยอดจากนโยบายของคนอื่น แต่อย่างน้อย ก็มีการประกาศใช้ชาวบ้านได้รับทราบกันแล้ว
วกมาที่พรรคเพื่อไทย คำถามก็คือ จนถึงวันนี้ มีอะไรประกาศออกมาให้เห็นแล้วบ้าง เพราะเมื่อพิจารณาจากการขึ้นป้ายหาเสียงในแบบคิกออฟทั่วประเทศ ก็ไม่มีนโยบายอะไรที่ประกาศออกมา มีเพียงแต่ข้อความนามธรรม เช่น "พรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยให้ประเทศไทยล้าหลัง ล้มเหลว ถดถอย สิ้นหวัง" หรือ เกษตรกรทุกข์ยาก ซึ่งนี่มันเป็นแค่ถ้อยคำที่ประดิษฐ์ประดอยขึ้นมา แต่มันจับต้องอะไรไม่ได้ คำถามก็คือ มันได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ คำตอบก็คือก็อาจยังใช้ได้ หากชาวบ้านยังยึดมั่นอยู่กับ "บุญเก่าๆ" ที่เคยใช้ได้ผล
** แต่คราวนี้เมื่อนโยบายแบบเดิมที่เรียกว่า "ประชานิยม" มันนำมาใช้ไม่ได้ มันก็เกิดปัญหาทันทีกับพรรคเพื่อไทย ที่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ออกมาให้เห็นเลย
หรือล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาโพสต์ทางโซเชียล เพียงแค่ว่า "ขอให้เชื่อมั่นว่าเรามีวิธีการที่จะหยุดวิกฤติเศรษฐกิจที่คนไทยเผชิญอยู่" อะไรประมาณนี้ ส่วนจะหยุดวิกฤติแบบไหน อย่างไร ไม่บอก แน่นอนว่าเธอบอกว่ามีการประชุมหารือกันอยู่ และก้าวหน้าไปมากแล้ว โดยเธอบอกว่า "กำลังจะเดินทางไปจีน" ไปหารือเรื่องการท่องเที่ยว ก็ว่ากันไป หรือว่าจะเชื่อตามที่พูด ก็ตามสะดวก
**แต่สำหรับหลายคนเชื่อว่า คงมองไปอีกแบบด้วยความสงสัยว่า ไปให้ "นายใหญ่" เคาะนโยบายเสียก่อนที่จะนำมานำเสนอหรือไม่ มากกว่า เพราะตามข่าว "คิว" มันตรงกันพอดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่น่าสนใจ เพราะสิ่งที่ต้องจับตามองสำหรับพรรคเพื่อไทยในอนาคตจะนำอะไรมาหาเสียงในเมื่อประชานิยมแบบเดิมถูกขัดขวาง หรือเพียงแต่ประดิษฐ์ถ้อยคำกินบุญเก่าเท่านั้น !!
กำลังโหลดความคิดเห็น