การประกาศยอมรับว่าตัวเองเป็นนักการเมืองเต็มตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่หรือครม.สัญจรที่จังหวัดบึงกาฬและหนองคายเมื่อวันที่ 12-13 ธันวาคมที่ผ่านมา เท่ากับยอมรับสถานะของตัวเองได้คำพูดแบบเต็มร้อยแล้ว หลังจากก่อนหนี้เขาไม่เคยยอมรับหรือพูดแบบนี้ออกมา อย่างมากก็แค่ระบุถึงการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้นในฐานะนายกรัฐมนตรี
แต่คราวนี้นอกเหนือจากคำพูดที่ยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำแล้ว ยังมีลีลาท่าทางในแบบของนักการเมืองโดยแท้อีกด้วย
"ผมมาวันนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้ผมจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนักการเมืองจะดีใจเพราะมีคนมารับเยอะ เรียกลุงตู่ ลุงตู่ รู้ไหมว่าผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตายจากตรงนี้ ถ้าผมกลับไป ผมก็นอนคิดว่าทำไมเขาต้องมาหวังที่เรา ทำไมเขาต้องให้เราทำงาน เพราะเขามีความหวังไง เราต้องทำความหวังให้เป็นความจริง แต่เราจะมาหลอกลวง ล่อลวง ไม่ได้ โดยเฉพาะที่บอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้น จะทำไอ้นั่นไอ้นี่ เราต้องทำทีละขั้นทีละตอน ประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา"
จากคำพูดของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าวมันสะท้อนให้เห็นภาพของนักการเมืองทาบทับอยู่เต็มตัว โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า "ผมยอมตาย" หรือ"ยอมทุกข์เพื่อประชาชน"หรือเพื่อชาวบ้าน แบบนี้แหละใช่เลย สำหรับนักการเมืองที่เคยชินในสนามเลือกตั้งคนอื่นๆอาจฟังแล้วเฉยๆเพราะได้ยินบ่อยๆ แต่สำหรับเขา นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พูดออกมาแบบนี้ ในแบบที่"ไม่เหนียม"อีกต่อไป
ขณะเดียวกันหากสังเกตจากช่วงจังหวะเวลามันก็ถือว่ามันได้จังหวะพอดี เพราะเป็นช่วงที่มีการ"ปลดล็อก"ทางการเมืองเปิดไฟเขียวให้มีการหาเสียงได้อย่างเสรีกันแล้ว ดังนั้นหากมองอีกมุมหนึ่งก็ได้เวลาที่เขาจะ"หาเสียง"อย่างเต็มที่ได้เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นการประกาศแบบชัดเจนเหมือนนักการเมืองคนอื่น แต่การพูดแบบนี้ก็เหมือนกับว่าเป็นการเปืดเผยท่าทีให้ชัดเจนและพร้อมสำหรับการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกรอบนั่นเอง
อีกทั้งเมื่อหันไปพิจารณาองค์ประกอบรอบตัวมองไปที่พรรคพลังประชารัฐ ที่ล่าสุด นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯในฐานะรองหัวหน้าพรรคก็ได้แย้มออกมาให้เห็นแล้วว่า"ถึงเวลาที่จะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ในบัญชีนายกฯของพรรค"แล้ว แม่ว่าต่อมา นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคจะย้ำว่ายังไม่ถึงเวลาก็ตาม ซึ่งกระบวนการอย่างเป็นทางการก็คงจะเกิดขึ้นไม่นานจากนี้ โดยใช้ช่วงเวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันตามความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายพรรคใหญ่ก็ต้องบอกว่าฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่ามีความพร้อมพอสมควรแล้ว อย่างน้อยก็ในบัญชีรายชื่อนายกฯที่เชื่อว่าคงไม่ผิดไปจากชื่อของ "บิ๊กตู่"หรืออย่างน้อยก็ต้องติดหนึ่งในสามรายชื่อแน่นอน ขณะที่เมื่อเหลียวไปมองบางพรรคยังเถียงกันในเรื่องสโลแกนพรรคกันอยู่เลยว่าใครใช้ก่อนใช้หลังก็มี
เอาเป็นว่านาทีนี้หากโฟกัสกันเฉพาะเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สำหรับผู้ท้าชิง และแชมป์เก่าแล้วยังมั่นใจว่า "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความพร้อมและได้เปรียบทุกประตู ส่วนรายอื่นแม้จะเห็นชื่อแต่ภาพมันยังไม่ชัดเจนนัก !!
แต่คราวนี้นอกเหนือจากคำพูดที่ยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำแล้ว ยังมีลีลาท่าทางในแบบของนักการเมืองโดยแท้อีกด้วย
"ผมมาวันนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้ผมจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนักการเมืองจะดีใจเพราะมีคนมารับเยอะ เรียกลุงตู่ ลุงตู่ รู้ไหมว่าผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตายจากตรงนี้ ถ้าผมกลับไป ผมก็นอนคิดว่าทำไมเขาต้องมาหวังที่เรา ทำไมเขาต้องให้เราทำงาน เพราะเขามีความหวังไง เราต้องทำความหวังให้เป็นความจริง แต่เราจะมาหลอกลวง ล่อลวง ไม่ได้ โดยเฉพาะที่บอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้น จะทำไอ้นั่นไอ้นี่ เราต้องทำทีละขั้นทีละตอน ประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา"
จากคำพูดของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าวมันสะท้อนให้เห็นภาพของนักการเมืองทาบทับอยู่เต็มตัว โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า "ผมยอมตาย" หรือ"ยอมทุกข์เพื่อประชาชน"หรือเพื่อชาวบ้าน แบบนี้แหละใช่เลย สำหรับนักการเมืองที่เคยชินในสนามเลือกตั้งคนอื่นๆอาจฟังแล้วเฉยๆเพราะได้ยินบ่อยๆ แต่สำหรับเขา นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พูดออกมาแบบนี้ ในแบบที่"ไม่เหนียม"อีกต่อไป
ขณะเดียวกันหากสังเกตจากช่วงจังหวะเวลามันก็ถือว่ามันได้จังหวะพอดี เพราะเป็นช่วงที่มีการ"ปลดล็อก"ทางการเมืองเปิดไฟเขียวให้มีการหาเสียงได้อย่างเสรีกันแล้ว ดังนั้นหากมองอีกมุมหนึ่งก็ได้เวลาที่เขาจะ"หาเสียง"อย่างเต็มที่ได้เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นการประกาศแบบชัดเจนเหมือนนักการเมืองคนอื่น แต่การพูดแบบนี้ก็เหมือนกับว่าเป็นการเปืดเผยท่าทีให้ชัดเจนและพร้อมสำหรับการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกรอบนั่นเอง
อีกทั้งเมื่อหันไปพิจารณาองค์ประกอบรอบตัวมองไปที่พรรคพลังประชารัฐ ที่ล่าสุด นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯในฐานะรองหัวหน้าพรรคก็ได้แย้มออกมาให้เห็นแล้วว่า"ถึงเวลาที่จะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ในบัญชีนายกฯของพรรค"แล้ว แม่ว่าต่อมา นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคจะย้ำว่ายังไม่ถึงเวลาก็ตาม ซึ่งกระบวนการอย่างเป็นทางการก็คงจะเกิดขึ้นไม่นานจากนี้ โดยใช้ช่วงเวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันตามความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายพรรคใหญ่ก็ต้องบอกว่าฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่ามีความพร้อมพอสมควรแล้ว อย่างน้อยก็ในบัญชีรายชื่อนายกฯที่เชื่อว่าคงไม่ผิดไปจากชื่อของ "บิ๊กตู่"หรืออย่างน้อยก็ต้องติดหนึ่งในสามรายชื่อแน่นอน ขณะที่เมื่อเหลียวไปมองบางพรรคยังเถียงกันในเรื่องสโลแกนพรรคกันอยู่เลยว่าใครใช้ก่อนใช้หลังก็มี
เอาเป็นว่านาทีนี้หากโฟกัสกันเฉพาะเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สำหรับผู้ท้าชิง และแชมป์เก่าแล้วยังมั่นใจว่า "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความพร้อมและได้เปรียบทุกประตู ส่วนรายอื่นแม้จะเห็นชื่อแต่ภาพมันยังไม่ชัดเจนนัก !!