xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์พบสี-ข่าวดี พักรบ 90 วัน

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งปรี๊ดในวันจันทร์หลังรับข่าวดี การพบกันระหว่างผู้นำเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งพบกับผู้นำเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก โดยฝ่ายทรัมป์เป็นคนแถลงว่า ที่เขาได้ประกาศไปล่วงหน้าที่จะลงโทษจีน (ให้ยอมหมอบราบคาบแก้ว-จีนต้องยอมแพ้ที่ทำผิดใหญ่โตต่อการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ-เอาเปรียบสหรัฐฯ ทุกอย่าง และผู้นำสหรัฐฯ ทุกคนก่อนหน้าเขาก็ไม่สามารถจัดการกับจีนได้ ;เหมือนที่เขากำลังทำกับจีน) โดยจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิมแค่ 10% จะเริ่มคิดสูงถึง 25% ในวันที่ 1 มกราคมนี้ (โดยมูลค่ารวมของสินค้านำเข้าจากจีนจะสูงถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) นั้น ทรัมป์บอกว่า เขาจะยอมผ่อนปรนเลื่อนเวลาลงแส้ไปอีก 3 เดือน (90 วัน) เพื่อจะได้มีเวลาเจรจาต่อรองกับจีนในช่วง 3 เดือนนี้ และเพื่อให้จีนได้คิดดีๆ ว่า จะต้องยอมสหรัฐฯ-ด้วยการลดภาษีที่จีนเพิ่งประกาศสู้ตายแบบตา-ต่อ-ตา ฟัน-ต่อ-ฟัน คือจีนได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ บางรายการสูงถึง 40% ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอเมริกันในแถบ Midwest ที่ปลูกทั้งข้าวโพด, ถั่วเหลือง และเลี้ยงหมู, ไก่ส่งไปขายให้จีน รวมทั้งส้มและน้ำส้มจากฟลอริดา และวิสกี้ เบอร์เบิ้น จากเคนตั๊กกี้ เป็นต้น และยังรวมถึงรถยนต์จากอเมริกาที่โดนภาษีพุ่งขึ้นไป 40% (ก่อนหน้านี้อยู่ที่ต่ำกว่า 5% เท่านั้น) จากฝ่ายจีน

จีนรู้ดีว่า การขึ้นภาษีสินค้าจากอเมริกาจะทำให้ฐานเสียงของทรัมป์เจ็บปวดที่สุด จนทำให้ราคาเนื้อหมูที่สหรัฐฯ ตกฮวบ และแม่บ้านอเมริกันได้โอกาสงามที่จะซื้อหมูมารับประทานในครอบครัวหลังจากได้รับประทานแต่ไก่ราคาถูกกว่าเป็นอาหารประจำวันตลอดปี และร้านอาหารจานด่วนพวกแฮมเบอร์เกอร์ ได้หลอกล่อลูกค้าโดยบางเจ้าเสนอแถมเบคอนถึง 3 strips ถ้ามาอุดหนุนแฮมเบอร์เกอร์ของร้านเขา เป็นต้น ซึ่งเหล่ากลุ่มเกษตรกรอเมริกันเหล่านี้จะทนไม่ไหว และจะออกมากดดันทรัมป์ให้หาทางให้พวกเขาขายสินค้าให้จีนให้ได้

ขณะเดียวกัน เกษตรกรจีนก็เจ็บปวดมากเช่นกัน เมื่อหมูของจีน (รวมทั้งไก่) จะต้องซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ด้วยภาษีนำเข้าที่รัฐบาลจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ให้สูงถึง 25-40% ด้วย ขนาดรัฐบาลจีนพยายามออกข่าวว่า จะให้เกษตรกรจีนเปลี่ยนสูตรอาหารสัตว์ทั่วประเทศ โดยลดการผสมถั่วเหลืองและข้าวโพดในสูตรอาหาร แล้วหาเมล็ดพืชชนิดใหม่มาทดแทนถั่วเหลืองและข้าวโพด เป็นต้น

จีนหันไปซื้อถั่วเหลืองและข้าวโพดจากบราซิลและอาร์เจนตินา แต่ปริมาณจากทั้ง 2 ประเทศไม่มากพอมาแทนปริมาณที่จีนซื้อจากสหรัฐฯ นอกจากนั้น ฤดูกาลก็แตกต่างจากสหรัฐฯ เพราะทั้งบราซิลและอาร์เจนตินาอยู่ในซีกโลกภาคใต้ ฤดูเก็บเกี่ยวทั้งถั่วเหลืองและข้าวโพดจะแตกต่างกับสหรัฐฯ ทำให้ปริมาณถั่วเหลืองและข้าวโพดที่จะนำเข้าจีนลดหายไปมาก กระทบต้นทุนการเลี้ยงหมูและไก่ของจีนอย่างยิ่ง

อย่างที่ปธน.สีได้กล่าวโจมตีการกระทำของทรัมป์ (โดยไม่มีการเอ่ยชื่อทรัมป์แม้แต่น้อย) ที่ CEO Summit ของ APEC ว่า “สงครามไม่ว่าจะเป็นสงครามเย็น, สงครามร้อน หรือสงครามการค้า ย่อมส่งผลต่อความปั่นป่วนของโลก ต่อเศรษฐกิจโลก, ต่อการเติบโตของทั้งโลก” และเป็นการ “สวนทางกับทฤษฎีเศรษฐศาสตร์-มีแต่จะนำความหายนะมาสู่โลก” เพราะทรัมป์เป็นคนประกาศตั้งกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนก่อน ตั้งแต่ต้นปีนี้ เพราะเป็นปีเลือกตั้งกลางเทอม ที่เขาจะต้องทำท่าขึงขังชักธงประกาศสงครามข่มขู่จีน เพื่อโทษจีนว่าเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพื่อทำให้ฐานเสียงของเขาซึ่งเป็นคนผิวขาวที่รู้สึกถูกคุกคามจากการเติบใหญ่ของจีนทางเศรษฐกิจ และอิทธิพลที่มีต่อทั่วโลก

ดังนั้น เมื่อการเลือกตั้งกลางเทอมก็จบไปแล้ว แม้ทรัมป์ยังรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้ ตอนนี้ ทรัมป์ก็ต้องหาทางลงจากการลงแส้จีนอย่างที่เคยเกิดกับบุช (ผู้ลูก) ที่ได้ขึ้นภาษีเหล็กนำเข้าสหรัฐฯ เพื่อเอาใจฐานเสียงเหล่าคนงานโรงงานเหล็ก (เก่าๆ ของสหรัฐฯ ที่มีขีดแข่งขันต่ำกว่าโรงงานใหม่ๆ ในอินเดีย, ในยุโรป) และในที่สุด ก็ต้องถอยจากภาษีนำเข้าเหล็กที่สูงมาก หลังจากถูกกดดันจากสมาคมอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เหล็กราคาสูงจนธุรกิจของพวกเขาได้รับผลกระทบ อย่างที่บริษัท GM เพิ่งประกาศจะปิดโรงงานถึง 7 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา รวมทั้งปลดคนถึงเกือบ 15,000 คน (ทั้งๆ ที่ทรัมป์คุยเสียงดังว่า เขาลดภาษีเงินได้ให้ บริษัทห้างร้าน-นิติบุคคล และภาษีบุคคลอย่างฮวบฮาบ จาก 35% มาอยู่แค่ 20%-เดิมเขาอยากให้เหลือแค่ 15% ด้วยซ้ำ-และการลดภาษีเงินได้ จะทำให้โรงงานที่ได้ย้ายไปผลิตที่เม็กซิโก, หรือที่จีน ได้ย้ายกลับมาผลิตที่สหรัฐฯ-GM กลับทำตรงข้ามกับคำพูดคุยโวคำโตของเขา)

90 วันข้างหน้านี้ ก็เป็นวิธีหาทางร่อนลงของทรัมป์จากนโยบายแข็งกร้าวทำสงครามการค้าที่เขาต้องหาทางจบ
โดยจีนก็คงต้องเปิดตลาดให้สินค้าอเมริกันได้ขายมากขึ้นในจีน และการจัดการกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาต่อสินค้าอเมริกัน และแน่นอนว่า จีนก็คงต้องยอมที่จะไม่ได้เปรียบดุลการค้ามหาศาลอย่างในอดีต

ไม่เพียงเป็นข่าวดีแก่การค้าการลงทุนของทั้งโลก แม้แต่ตลาดน้ำมันก็ตอบรับต่อข่าวนี้ด้วยดี ตอนต้นตลาดในวันจันทร์ทั้ง Brent และ WTI พุ่งปรี๊ดขึ้นไปถึง 5% เพราะถ้าการค้าและการลงทุนของโลก มีความแน่นอนมากขึ้น และจะขยายตัวต่อไปก็ทำให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย

แต่คำเตือนของแจ็ค หม่า (ซึ่งวันนี้มีการเปิดเผยออกมาว่า เขาได้เป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมากว่า 30 ปีแล้ว) ว่า เขาเป็นห่วงสงครามการค้าที่ทรัมป์ประกาศก่อน และถูกจีนตอบโต้แข็งกร้าว เขาเกรงว่ามันจะยืดเยื้อถึง 20 ปี ซึ่งนั่นหมายถึงแจ็ค หม่า ได้รวมเอาเวลาที่ทรัมป์จะลงแข่งเป็นปธน.ในอีก 2 ปี (ค.ศ. 2020) และการส่งไม้ของเขาให้ปธน.คนต่อจากเขาด้วย ที่จะต้องขัดขวางการเติบใหญ่ของจีนทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ซึ่งแจ็ค หม่ากำลังเตือนว่า ผู้นำสหรัฐฯ คนต่อๆ ไปจากทรัมป์ก็คงหนีไม่พ้นที่จะเล่นบทกร้าวต่อจีนเช่นเดียวกับทรัมป์นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น