xs
xsm
sm
md
lg

โลกกับการประชุม G-20

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ขณะที่เขียนต้นฉบับชิ้นนี้...การประชุม ณ เวที G-20 ที่กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ก็ยังไม่ได้ปิดฉากลงไปแบบสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ และยังไม่อาจคาดเดาได้ว่า สุดท้าย...มันอาจ “เละตุ้มเป๊ะ” แบบเดียวกับการประชุม APEC ณ ประเทศปาปัวนิวกินี เมื่อไม่กี่วันก่อน หรือไม่ เพียงใด โดยเฉพาะในช่วงที่บรรดาประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมจะต้องประดิษฐ์คิดค้นถ้อยคำต่างๆ นานา ในการออก “แถลงการณ์” ร่วมกัน...

แต่เอาเป็นว่า...โดยบรรยากาศทั่วๆ ไปของการประชุมบรรดาผู้นำเศรษฐกิจโลกในคราวนี้ ก็ไม่ถึงกับมีอะไรน่าตื่นเต้ลล์ล์ล์เร้าใจ น่าแปลกประหลาด เซอร์ไพรซ์มากมายสักเท่าไหร่นัก แม้จะมีประเด็นที่มีสีสันฉูดฉาด เป็นที่จับตาของใครต่อใครอยู่ไม่น้อย อย่างเช่น ประเด็นอันว่าด้วย “นิยายปริศนาฆาตกรรม” นักหนังสือพิมพ์ชื่อดังชาวซาอุฯ อย่าง “นายจามาล คาช็อกกี” ที่ถูกนำมาพูดถึง อ้างถึง ในเวทีการประชุมคราวนี้อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการอยู่พอสมควร คืออาจด้วยเหตุเพราะ “ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1” อย่างมกุฎราชการกุมาร เจ้าชาย “MbS” ท่านต้องไปปรากฏตัวเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ บรรดาผู้นำประเทศที่ถนัดในการ “สร้างภาพ” ทั้งหลาย ก็เลยต้องฉวยโอกาส “ออกอาวุธ” ให้ตัวเองพอได้ “ดูดี” ขึ้นไปตามลำดับ...

อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ “นางเทเรซา เมย์” หรือ “เมย์ มนุษย์ป้า” ที่กำลังเจอเข้ากับเรื่อง “Brexit” จนรัฐบาลตัวเองแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้จะเคยกอบโกยรายได้จากการค้าอาวุธ ค้าระเบิดต้องห้าม อย่างระเบิดพวงให้กองทัพซาอุฯ แบบเป็นกอบเป็นกำมาโดยตลอด แต่มาคราวนี้ จะด้วยเหตุเพราะต้องการเบี่ยงเบนทิศทางของ “สากกะเบือบิน” ไม่ให้ระดมเข้ามาหาตัวเองมากมายเกินไปนัก หรือด้วยเหตุเพราะความรู้สึกถึง “คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์” หรือ “สิทธิมนุษยชน” ใดๆ ก็แล้วแต่ ก็เลยทำท่าว่าคิดจะออกอาการฮึดๆ ฮัดๆ กับมกุฎราชกุมาร “MbS” ทั้งในเรื่อง “นายคาช็อกกี” ไปจนเรื่อง “สงครามเยเมน” ชนิดพอได้ดูเก๋ ดูเท่ ขึ้นมากะเค้ามั่ง...

เช่นเดียวกับ “มาครง คนหนุ่ม” หรือประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” แห่งฝรั่งเศส ที่เพิ่งเจอกับการประท้วงเรื่องราคาน้ำมันภายในประเทศ ซะจนเลอะเทอะ เละเทะ ไปแทบทั่วทั้งประเทศ ก็หันไปทำท่ากระซิบกระซาบ ฉุนๆ เฉียวๆ กับเจ้าชาย “MbS” กลายมาเป็นคลิปวิดีโอที่ทำให้ตัวเอง “ดูดี” อยู่ตามสมควร ส่วนผู้รับอาสา “ฟอกขาว” ให้มกุฎราชกุมารซาอุฯ ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว อย่าง “ทรัมป์บ้า” อาจไม่ต้องเสียเวลาเจ๊าะๆแจ๊ะๆ อะไรกับ “ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1” รายนี้อีกต่อไป เลยส่งผลให้ผู้ซึ่งกลายเป็นผู้ที่ออกอาการ “ซี้แหง” กับผู้นำซาอุฯ ในคราวนี้ กลับเป็นผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ไปซะนี่!!! ที่ลูกบอลมันดันมาไหล “เข้าตีน” เอาดื้อๆ จะไม่เตะ ไม่เขี่ย ก็ออกจะน่าเสียดาย โดยเฉพาะเมื่อซาอุฯ ประกาศว่าจะเพิ่มการลงทุนในรัสเซียนับเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์ ในอนาคตอันใกล้ การจับมือถือแขน แสดงความอบอุ่น แสดงออกถึงมิตรภาพระหว่างผู้นำทั้งสอง จึงเป็นไปในบรรยากาศแทบไม่ต่างไปจากครั้งที่เจ้าชาย “MbS” เสด็จไปทอดพระเนตร ฟุตบอลโลกคู่เปิดสนาม ระหว่าง “ซาอุฯ กับรัสเซีย” เมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง...

ส่วนประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ที่ถูกนำมาเกี่ยวพันเกี่ยวโยงกับการประชุมครั้งนี้กันจนได้ แม้จะส่งผลให้ผู้นำอเมริกา อย่าง “ทรัมป์บ้า” ประกาศยกเลิกการประชุมพบปะสองต่อสองกับผู้นำรัสเซียเอาดื้อๆ แต่สำหรับบรรดาผู้นำประเทศอื่นๆ แล้ว ก็ดูจะไม่ถึงกับเป็นเรื่องเป็นราว ใหญ่ๆ โตๆ อะไรกันมากมาย เพราะความคาบเกี่ยวระหว่าง “การเมืองภายใน” ของยูเครนเอง คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า มันออกจะ “ซ้อนทับ” กับ “การเมืองระหว่างประเทศ” อยู่พอสมควร อีกทั้งบรรดาประเทศในยุโรปทุกวันนี้ ก็คงไม่ใช่ “สุนัขพูเดิล” ของคุณพ่ออเมริกาอีกต่อไปซะทั้งหมด ประเด็นดังกล่าวจึงไม่ถึงกับก่อให้เกิดความตื่นเต้ลล์ล์ เร้าใจใดๆ ต่อเวทีการประชุม G-20 คราวนี้มากมายนัก...

ดังนั้น...สิ่งที่ใครต่อใครออกจะให้ความสำคัญ หรือค่อนข้างจับตาอย่างเป็นพิเศษ ก็คงหนีไม่พ้นไปจากประเด็นความขัดแย้งในเรื่อง “สงครามการค้า” ระหว่างคุณพี่จีนกับคุณพ่ออเมริกานั่นเอง ที่ถูกนำมาวิเคราะห์คาดการณ์ โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสำนัก ว่ามันจะมีสิทธิ์ผ่อนคลายบรรเทาเบาบางลงไปได้มั่งหรือไม่ โดยเฉพาะถ้ามีการเจอะหน้า เจอะตา ลูบหลัง ลูบไหล่ หรืออาจถึงขึ้นลูบไข่ ระหว่าง “ทรัมป์บ้า” แห่งอเมริกา กับ “สีทนได้” ของจีน ภายในเวทีการประชุมคราวนี้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ดูจะเห็นเป็นไปแนวคล้ายๆ กัน ว่าน่าจะเป็นอะไรที่ “ยากส์ส์ส์” เต็มที แม้ว่าสงครามในลักษณะเช่นนี้ กำลังเริ่มส่งผลให้ใครต่อใครทั่วทั้งโลกใกล้จะ “ฉิบหาย” ไปตามๆ กัน ชนิดถึงขั้นผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ “นางคริสติน ลาการ์ด” ต้องออกมาส่งสัญญาณว่า “เศรษฐกิจโลก” กำลังชะลอตัว และภาวะการเงินโลกกำลังตึงตัว อันอาจส่งผลให้ฉิบหายกันไปทั้งโลกเอาง่ายๆ...

อย่างไรก็ตาม...แม้ความฉิบหายกำลังปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่โดยสีสันบรรยากาศของ “สงครามการค้า” ระหว่างอเมริกากับจีนคราวนี้ ดูจะหนักไปทางกะจะให้ “เจ๊งกันไปข้าง” ซะมากกว่า ยิ่งในช่วงที่ต้องออก “แถลงการณ์ร่วม” ระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 ฝ่ายจีนเขาได้ “ง้างมาแต่ไกล” แล้วว่า จะต้องหาทางโน้มน้าวให้บรรดาประเทศที่เข้าร่วมประชุมทั้งหลายรวมหัวกันปกป้องระบบการค้าเสรีที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย (Multilateralism) ต่อต้านระบบการค้าที่มุ่งหวังผลประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียว (Unilateralism) แบบประเภท “อเมริกา...มาก่อน” อะไรประมาณนั้น อันอาจส่งผลให้เกิดอาการ “เละกันไปข้าง” แบบครั้งการออกแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุม APEC ณ ประเทศปาปัวนิวกินี ก็เป็นได้!!!

แต่สุดท้าย...มันจะออกมาในแนวไหน อย่างไร คงต้องไปติดตามกันเอาเอง เพราะขณะอ่านต้นฉบับชิ้นนี้คงพอได้รู้กันแล้วว่าจะเละ-ไม่เละ ส่วนใครจะเป็นฝ่ายเละ หรือเป็นฝ่ายเจ๊งกันแน่อันนี้...คงต้องเชิญชวนให้ลองตามไปอ่านข้อเขียนบทความของนักเศรษฐศาสตร์-การเมืองชาวตุรกี ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน ผู้มีนามกรว่า “นายFatih Oktay” ที่ได้ไล่เรียงเหตุผลต่างๆ เอาไว้ในเว็บไซต์ “The Diplomat Magazine” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในบทความชื่อว่า “3 Reasons Why Trump Can’t Win a Trade War With China” หรือ “3 เหตุผลที่ทรัมป์ไม่สามารถเอาชนะสงครามการค้ากับจีน” เอาเองก็แล้วกัน แต่โดยสรุปคร่าวๆ ก็คงประมาณว่า เพราะ 1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้มีพลังคัดง้างที่แข็งแกร่งมากพอที่จะเล่นเกมๆ นี้ 2. เพราะผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศต่างๆ ในโลกนี้ ไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการช่วยให้เกิดผู้หันมาเห็นดีเห็นงามกับสงครามการค้าของสหรัฐฯ แต่อย่างใด และ 3. สหรัฐฯ เองไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบต่อจีนในขณะนี้เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าในแง่สินทรัพย์หรือแหล่งทุน...จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ถ้าหากเวทีการประชุมคราวนี้ ยังไม่ได้ช่วยให้อะไรต่อมิอะไรผ่อนคลายลงมาบ้าง โอกาสที่จะ “เจ๊งกันไปข้าง” หรือ “เจ๊งกันไปทั้งโลก” ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้เสมอๆ...


กำลังโหลดความคิดเห็น