"เจียไต๋" ตัดจบปม 3 สารเคมีเกษตร ทำหนังสือเวียนถึงคู่ค้า-ตัวแทนจำหน่าย ประกาศหยุดการนำเข้า "พาราควอต - คลอไพริฟอส - ไกลโฟเซต" ทันที หลังจากนี้จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องจนกว่าสินค้าจะหมดลง ภายในปี 2561 “มนัส เจียรวนนท์” แจ้ง พนง.ต้องการสนองนโยบายรัฐ-สอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ พร้อมให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบเรียบร้อยแล้ว
จากกรณี เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง เครือข่ายนักวิชาการ แลเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล ทบทวนมติ และ กระบวนการพิจารณา เพื่อยกเลิกการใช้สารกำจัดศัตรูพืช และกำจัดวัชพืช "พาราควอต และ คลอไพริฟอส และไกลโฟเซต" เนื่องจากเป็นสารพิษอันตรายต่อคน สิ่งมีชีวิต และมีพิษตกค้าง ทำลายสภาพแวดล้อม โดย นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ผลักดัน ขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ถึงกับประกาศจุดยืนของตนเอง ว่าไม่มีคำว่าลด หรือควบคุมการใช้ แต่ต้องเลิกใช้เท่านั้น และพร้อมเอาตำแหน่งเป็นเดิมพัน จนมีกระแสข่าวว่า นายวิวัฒน์ อาจถูกปลดจากครม. เพราะผลักดันกรณีนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) ได้มีการเผยแพร่ หนังสือเวียน ของบริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำเข้าสารกำจัดศัตรูพืช และกำจัดวัชพืชรายใหญ่ ถึงคู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์อารักขาพืช เจียไต๋ เรื่อง นโยบายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อารักขาพืช ของบริษัท เจียไต๋ จำกัด โดย นายกรกนก ฉันทกิจวัฒนา รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจอารักขาพืช เป็นผู้ลงนาม โดยเนื้อความระบุว่า
จากที่มีมาตรการควบคุมสารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพริฟอส ทำให้มีปริมาณสินค้าที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าได้อย่างจำกัด เพื่อให้ลูกค้ายังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น และชัดเจน บริษัทฯ จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า บริษัทฯ จะหยุดการนำเข้าสารทั้ง 3 ชนิด และจำหน่ายสินค้าภายใต้ชื่อ วันอัพ น๊อกโซน ก๊อกโซน และเดก้า จนกว่าสินค้าจะหมดลง ซึ่งหนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 8 ต.ต.61
ขณะที่อีกฉบับเป็นหนังสือเวียนภายใน ลงนามโดย นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์อารักขาพืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เรื่องนโยบายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อารักขาพืชของบริษัทฯ ระบุตอนหนึ่งว่า จากที่มีประเด็นเรื่องสารเคมีเกษตรประเภทยากำจัดวัชพืชและกำจัดแมลงที่มีการถกเถียงในสังคม เป็นเหตุให้หน่วยงานภาครัฐมีมาตรการควมคุม 3 สารเคมี บริษัทฯจึงตัดสินใจที่จะหยุดการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีทั้ง 3 ชนิค ภายในปี 2561 เพื่อสนองนโยบายรัฐและสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทได้ทำความเข้าใจกับคู่ค้าแล้วตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจากกรณีนี้ ฝ่ายบริหารได้ทำความเข้าใจและให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ จึงขอให้มั่นใจกับพนักงานทุกท่านว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง.
จากกรณี เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง เครือข่ายนักวิชาการ แลเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล ทบทวนมติ และ กระบวนการพิจารณา เพื่อยกเลิกการใช้สารกำจัดศัตรูพืช และกำจัดวัชพืช "พาราควอต และ คลอไพริฟอส และไกลโฟเซต" เนื่องจากเป็นสารพิษอันตรายต่อคน สิ่งมีชีวิต และมีพิษตกค้าง ทำลายสภาพแวดล้อม โดย นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ผลักดัน ขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ถึงกับประกาศจุดยืนของตนเอง ว่าไม่มีคำว่าลด หรือควบคุมการใช้ แต่ต้องเลิกใช้เท่านั้น และพร้อมเอาตำแหน่งเป็นเดิมพัน จนมีกระแสข่าวว่า นายวิวัฒน์ อาจถูกปลดจากครม. เพราะผลักดันกรณีนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) ได้มีการเผยแพร่ หนังสือเวียน ของบริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำเข้าสารกำจัดศัตรูพืช และกำจัดวัชพืชรายใหญ่ ถึงคู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์อารักขาพืช เจียไต๋ เรื่อง นโยบายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อารักขาพืช ของบริษัท เจียไต๋ จำกัด โดย นายกรกนก ฉันทกิจวัฒนา รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจอารักขาพืช เป็นผู้ลงนาม โดยเนื้อความระบุว่า
จากที่มีมาตรการควบคุมสารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพริฟอส ทำให้มีปริมาณสินค้าที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าได้อย่างจำกัด เพื่อให้ลูกค้ายังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น และชัดเจน บริษัทฯ จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า บริษัทฯ จะหยุดการนำเข้าสารทั้ง 3 ชนิด และจำหน่ายสินค้าภายใต้ชื่อ วันอัพ น๊อกโซน ก๊อกโซน และเดก้า จนกว่าสินค้าจะหมดลง ซึ่งหนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 8 ต.ต.61
ขณะที่อีกฉบับเป็นหนังสือเวียนภายใน ลงนามโดย นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์อารักขาพืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เรื่องนโยบายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อารักขาพืชของบริษัทฯ ระบุตอนหนึ่งว่า จากที่มีประเด็นเรื่องสารเคมีเกษตรประเภทยากำจัดวัชพืชและกำจัดแมลงที่มีการถกเถียงในสังคม เป็นเหตุให้หน่วยงานภาครัฐมีมาตรการควมคุม 3 สารเคมี บริษัทฯจึงตัดสินใจที่จะหยุดการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีทั้ง 3 ชนิค ภายในปี 2561 เพื่อสนองนโยบายรัฐและสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทได้ทำความเข้าใจกับคู่ค้าแล้วตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจากกรณีนี้ ฝ่ายบริหารได้ทำความเข้าใจและให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ จึงขอให้มั่นใจกับพนักงานทุกท่านว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง.