ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กป้อม" จี้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ทบทวนความเหมาะสม ของร่างแก้ไข พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ. 2542 ด้าน "ขาวผ่อง" นำทีมคนในแวดวงวงการมวยไทย แสดงจุดยืนค้านการร่างแก้ไขพ.ร.บ.มวย 2542 ห้ามเด็กต่ำกว่า 12 ปีขึ้นสังเวียน ชี้หาทางออกป้องกันเรื่องดังกล่าวได้ดีกว่านี้
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ครั้ง ที่ 5/61 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.61 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้แสดงความเสียใจกับ “น้องเล็ก”เยาวชนไทยอายุ 13 ปี ที่เสียชีวิตจากการชกมวยไทยการกุศล ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแสดงความกังวล และให้ความสำคัญร่วมกัน ถึงการพัฒนาการกีฬาทุกประเภท ที่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักกีฬามากขึ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้พิจารณาความเหมาะสม ของ พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ. 2542 ที่สนช.ได้เสนอร่าง ( แก้ไข ) ให้ครม.พิจารณา โดยขอให้พิจารณาความรอบคอบของการพัฒนากีฬามวย ควบคู่ไปกับ การให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยของนักกีฬามากขึ้น โดยเฉพาะนักกีฬาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ควรพิจารณาการใช้วิทยาศาสตร์ทางการกีฬาเข้ามาช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่อสมรรถภาพร่างกายในวัยอันควร ก่อนการเป็นนักกีฬาแทน ขณะเดียวกัน การแข่งขันในวัยดังกล่าว จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม และมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุมจากนายสนาม เพื่อมิให้ร่างกายได้รับผลกระทบ จนอาจเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน ที่เจริญทอง มวยไทยยิม "ขาวผ่อง" ทวี อัมพรมหา ตำนานนักชกไทย พร้อมด้วยคนในแวดวงวงการมวยไทย อย่าง "ครูเป็ด" เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง นายกสมาคมมวยไทยนายขนมต้ม, พายัพน้อย ส.ธนิกุล, ตะคร้อเล็ก เดชรัตน์, มรกตดำ รัตนโชติ และทองแดง ส.ลักขณา ตั้งโต๊ะร่วมแถลงจุดยืนต่อต้านกรณีพ.ร.บ.มวย พ.ศ.2542 ที่กำลังจะแก้ไขเพิ่มการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นชกบนสังเวียนมวย
โดยคนในแวดวงวงการมวยไทย ได้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า สามารถพูดคุยหาวิธีป้องกันได้ดีกว่านี้ เช่นการเพิ่มอุปกรณ์ป้องกัน อาทิ เฮดการ์ด หรือทำพื้นสนามมวยให้ดีให้ได้มาตรฐานลดแรงปะทะเวลาล้มลงไป รวมไปถึงการควบคุมดูแลกฎที่ว่าการจะขึ้นชกต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 21 วัน และเรื่องของกรรมการที่ต้องได้มาตรฐานผ่านการควบคุมจากการกีฬาแห่งประเทศไทยอีกด้วย
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ครั้ง ที่ 5/61 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.61 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้แสดงความเสียใจกับ “น้องเล็ก”เยาวชนไทยอายุ 13 ปี ที่เสียชีวิตจากการชกมวยไทยการกุศล ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแสดงความกังวล และให้ความสำคัญร่วมกัน ถึงการพัฒนาการกีฬาทุกประเภท ที่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักกีฬามากขึ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้พิจารณาความเหมาะสม ของ พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ. 2542 ที่สนช.ได้เสนอร่าง ( แก้ไข ) ให้ครม.พิจารณา โดยขอให้พิจารณาความรอบคอบของการพัฒนากีฬามวย ควบคู่ไปกับ การให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยของนักกีฬามากขึ้น โดยเฉพาะนักกีฬาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ควรพิจารณาการใช้วิทยาศาสตร์ทางการกีฬาเข้ามาช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่อสมรรถภาพร่างกายในวัยอันควร ก่อนการเป็นนักกีฬาแทน ขณะเดียวกัน การแข่งขันในวัยดังกล่าว จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม และมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุมจากนายสนาม เพื่อมิให้ร่างกายได้รับผลกระทบ จนอาจเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน ที่เจริญทอง มวยไทยยิม "ขาวผ่อง" ทวี อัมพรมหา ตำนานนักชกไทย พร้อมด้วยคนในแวดวงวงการมวยไทย อย่าง "ครูเป็ด" เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง นายกสมาคมมวยไทยนายขนมต้ม, พายัพน้อย ส.ธนิกุล, ตะคร้อเล็ก เดชรัตน์, มรกตดำ รัตนโชติ และทองแดง ส.ลักขณา ตั้งโต๊ะร่วมแถลงจุดยืนต่อต้านกรณีพ.ร.บ.มวย พ.ศ.2542 ที่กำลังจะแก้ไขเพิ่มการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นชกบนสังเวียนมวย
โดยคนในแวดวงวงการมวยไทย ได้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า สามารถพูดคุยหาวิธีป้องกันได้ดีกว่านี้ เช่นการเพิ่มอุปกรณ์ป้องกัน อาทิ เฮดการ์ด หรือทำพื้นสนามมวยให้ดีให้ได้มาตรฐานลดแรงปะทะเวลาล้มลงไป รวมไปถึงการควบคุมดูแลกฎที่ว่าการจะขึ้นชกต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 21 วัน และเรื่องของกรรมการที่ต้องได้มาตรฐานผ่านการควบคุมจากการกีฬาแห่งประเทศไทยอีกด้วย